Friday, 9 May 2025
วีซ่าทองคำ

ออสเตรเลียสั่งโละ 'Golden Visa' ให้เศรษฐีต่างชาติ เพราะสุดท้าย ไม่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศเลย

รัฐบาลออสเตรเลียตัดใจยกเลิก 'Golden Visa' หรือ 'วีซ่าทองคำ' สำหรับมหาเศรษฐี ที่หอบเงินก้อนโตมาลงทุนเพื่อแลกสิทธิ์พำนักถาวรในออสเตรเลีย หลังข้อมูลชี้ว่า นักลงทุนกลุ่มนี้แทบไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ประเทศอย่างที่เคยหวังไว้

สำหรับ 'วีซ่าทองคำ' เป็นแคมเปญดึงดูดมหาเศรษฐีต่างประเทศให้รายใหญ่ ให้โยกเงินก้อนโตของตนมาฝาก หรือลงทุน ซื้อทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ในประเทศ เป็นช่องทางกระตุ้นเศรษฐกิจที่หลายประเทศนิยมใช้ โดยให้สิทธิวีซ่าในการพำนัก หรือย้ายถิ่นฐานถาวร

ซึ่งทางออสเตรเลีย ก็ได้เปิดวีซ่าทองคำ สำหรับนักลงทุนต่างชาติเป็นครั้งแรกในปี 2012 ภายใต้โครงการ 'นวัตกรรมธุรกิจ และ การลงทุน' ซึ่งมีการแบ่งวีซ่าประเภทนี้ออกเป็น 2 หมวด สำหรับ 'นักธุรกิจด้านนวัตกรรม' และ 'นักลงทุน' โดยกำหนดเงื่อนไขเงินที่ต้องใช้ลงทุนในออสเตรเลียมากกว่า 5 ล้านเหรียญออสเตรเลียขึ้นไป (ประมาณ 117.5 ล้านบาท) และตั้งเป้าว่าจะได้เศรษฐีมาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ หรือลงทุนในธุรกิจด้านนวัตกรรมให้ขยายตัวมากขึ้น

แต่ทว่า ผลลัพธ์กลับไม่ได้ดังหวัง เพราะเศรษฐีจำนวนไม่น้อย ต้องการวีซ่าทองคำเพื่อได้สิทธิ์อยู่ถาวรในออสเตรเลียเท่านั้น อีกทั้งวีซ่าทองคำ ไม่ได้จำกัดอายุ หรือ ต้องมีทักษะทางภาษาอังกฤษ ดังนั้นผู้ที่มีสิทธิ์ยื่นใบสมัครจะเป็นใครก็ได้ ที่ไม่มีคดีติดตัว และมีหลักฐานเงินทุนที่มั่งคงเกิน 5 ล้านดอลลาร์ ก็สามารถสมัครวีซ่าประเภทนี้ได้ นั่นจึงทำให้วีซ่าทองคำของออสเตรเลียนิยมในหมู่มหาเศรษฐีจีน 

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า กว่า 85% ของวีซ่าทองคำ 100,000 ใบที่ออกให้ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน เป็นชาวจีน ที่หลายคนเชื่อว่าอาจเป็นเพราะตัวเลขหมวดวีซ่าทองคำออสเตรเลียใช้รหัส 888 ที่ถือเป็นเลขมงคลของชาวจีนด้วย 

แต่ทว่าผู้ที่ได้วีซ่าทองคำไปแล้ว กลับไม่ได้นำเงินมาลงทุนต่อยอดจริงๆ อย่างที่รัฐบาลออสเตรเลียคาดหวัง หลายคนแค่ต้องการย้ายเงินเก็บทั้งชีวิตมาเพื่อหาที่เกษียณ อยู่สบายๆในออสเตรเลียมากกว่า แถมยังทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศพุ่งสูงขึ้นจนพลเมืองแท้ๆ ในประเทศหลายครอบครัวไม่สามารถซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้

นอกจากนี้ วีซ่าทองคำยังถูกวิจารณ์ว่า เป็นช่องทางให้กับเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติ หอบเงินที่ได้จากการคอร์รัปชัน ฟอกเงิน มาซุกซ่อนไว้ในออสเตรเลีย อีกทั้งรัฐบาลปัจจุบันของออสเตรเลียที่มาจากพรรคแรงงาน มีนโยบายลดจำนวนผู้ย้ายถิ่นต่างชาติให้น้อยลงเท่ากับจำนวนก่อนยุค Covid-19 

ดังนั้น จึงมีการพิจารณายกเครื่องระเบียบ กฎเกณฑ์ การยื่นวีซ่าย้ายถิ่นฐานสำหรับชาวต่างชาติใหม่หมด และได้ตัดวีซ่าทองคำทิ้ง แต่เพิ่มสัดส่วนของวีซ่าแรงงานที่มีทักษะสูง ภาษาอังกฤษดี เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานที่ออสเตรเลียแทน

เช่นเดียวหลายชาติในยุโรป ที่เริ่มตัดสินใจยกเลิกให้ 'วีซ่าทองคำ' แก่เศรษฐีต่างชาติแล้วเช่นกัน อาทิ สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ ส่วน สเปน และ โปรตุเกส ได้เริ่มลดจำนวนการออกวีซ่าทองคำแล้ว เพื่อที่จะยกเลิกอย่างถาวรในไม่ช้า 

อันเนื่องจากรัฐบาลกลางของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเริ่มมีทัศนคติในแง่ลบต่อโครงการวีซ่าทองคำ ที่มักถูกมองว่าเป็นการ 'ขายวีซ่า' แก่บุคคลที่อาจโดนคว่ำบาตร หรือถูกขึ้นบัญชีดำจากชาติตะวันตก  หรือเป็นช่องทางไซฟ่อนเงินทุจริตจากต่างประเทศ ดังนั้น รัฐบาลบรัสเซลส์จึงเรียกร้องให้ชาติสมาชิกมีนโยบายออกวีซ่าทองคำ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครให้มากขึ้นอีกด้วย

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

เวียดนามปฏิวัติการเดินทางและธุรกิจด้วย ‘วีซ่าทองคำ’ 10 ปี เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว-ดึงดูดนักลงทุน-ตั้งเป้าเป็นจุดหมายถาวรแห่งใหม่

รัฐบาลเวียดนามประกาศแผนเปิดตัวโครงการ 'วีซ่าทองคำ' ระยะเวลา 10 ปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว นักลงทุน และผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ โดยตั้งเป้าเปลี่ยนประเทศจากจุดหมายปลายทางชั่วคราวให้กลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางมาเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยสำคัญคือการเพิ่มเที่ยวบินตรงจากเมืองหลักของอินเดีย เช่น เดลี มุมไบ และเจนไน ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นปลายทางที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจยิ่งขึ้น

ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตเร็ว ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ และค่าครองชีพที่เหมาะสม เวียดนามกลายเป็นจุดหมายใหม่ที่ได้รับความสนใจจากสตาร์ตอัป นักลงทุนชาวอินเดีย โดยเฉพาะกลุ่มคนดิจิทัลในอุตสาหกรรมไอที พลังงานหมุนเวียน และการท่องเที่ยว

เวียดนามยกระดับกระบวนการขอวีซ่าให้เป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะสำหรับนักเดินทางชาวอินเดีย พร้อมเสนอไลฟ์สไตล์ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความทันสมัย เมืองใหญ่อย่างโฮจิมินห์ ฮานอย และดานัง กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และน่าอยู่อย่างแท้จริง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top