Tuesday, 22 April 2025
วิทยุการบินแห่งประเทศไทย

'วิทยุการบินฯ' เผยความพร้อมบริการในสถานการณ์ 'ปกติ-ฉุกเฉิน' ตัวแปรสำคัญผลักดันไทยก้าวสู่ศูนย์กลางการบินในภูมิภาค

(25 พ.ค.67) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าได้รับรายงานกรณีเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ SQ 321 ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์และขอลงฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งประสานหน่วยงานภาคพื้นให้เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว จนได้รับคำชื่นชมจากหน่วยงานการบินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงคำชื่นชมจากรัฐบาลสิงคโปร์และอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า บวท. มีความพร้อมในการให้บริการจราจรทางอากาศได้เป็นอย่างดี ทั้งในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ฉุกเฉิน 

นอกจากนั้นเรื่องความพร้อมในการศูนย์กลางการบินในภูมิภาคตามนโยบายรัฐบาล บวท. ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการให้บริการการเดินอากาศ เพื่อรองรับปริมาณเที่ยวบินให้ได้สูงสุด และเป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมบูรณาการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนโยบายเรื่องการขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค โดยการนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อผลักดันการขนส่งทางอากาศของประเทศให้เป็นที่ยอมรับ โดยมุ่งมั่นรักษามาตรฐานการบริการการเดินอากาศของประเทศให้อยู่ในระดับสากล 

นอกจากนี้ ได้เตรียมพร้อมรองรับการให้บริการการเดินอากาศและเพิ่มศักยภาพการให้บริการตามนโยบายของรัฐบาล เรื่องการเปิดดำเนินงาน 24 ชั่วโมง ของสนามบิน เชียงใหม่, เชียงราย และหาดใหญ่ อีกทั้งยังมีแผนการขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน ได้แก่ การจัดสร้างเส้นทางบินใหม่ ให้เป็นแบบเส้นทางบินคู่ขนาน หรือ Parallel Route เพิ่มเติมขึ้นจากในปัจจุบันที่เป็นแบบเส้นทางบินเดียว หรือ One way route รวมทั้งการออกแบบและพัฒนาโครงสร้างห้วงอากาศและเส้นทางบิน เข้า-ออก สำหรับกลุ่มสนามบินที่มีความซับซ้อนของการจราจรทางอากาศสูง หรือ Metroplex จำนวน 3 กลุ่มสนามบินหลักของประเทศ ได้แก่ กลุ่มที่ 1 สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา กลุ่มที่ 2 สนามบินภูเก็ต กระบี่ อันดามัน (พังงา) และ กลุ่มที่ 3 สนามบินเชียงใหม่ ลำปาง ล้านนา (ลำพูน) ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศของประเทศไทย มีศักยภาพสูงมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีแผนการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้เข้ามาใช้งาน เช่น ระบบหอบังคับ การบินอัจฉริยะ ระบบเชื่อมต่อข้อมูล การบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ และระบบการเดินอากาศด้วยดาวเทียม เป็นต้น 

ในขณะเดียวกัน บวท. ยังได้มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทหารและพลเรือน เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งานห้วงอากาศของประเทศร่วมกัน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้ง ยังบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานทางการบินต่าง ๆ เพื่อยกระดับภาคการบินของประเทศ พร้อมรองรับการขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค

'วิทยุการบินฯ' ชี้!! 'ไอทีล่มทั่วโลก' ไม่กระทบบริการจราจรทางอากาศ เหตุ!! ใช้เทคโนโลยีแบบระบบปิด ที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด

(20 ก.ค.67) ดร.ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตาม สั่งการ และตรวจสอบการปฏิบัติงานของวิทยุการบินฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแล กรณีเกิดเหตุการณ์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) ของ Microsoft จำนวนมาก เกิดอาการ 'จอฟ้า' (Blue Screen of Death: BSOD) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคาร สายการบิน สถานีโทรทัศน์ ร้านค้า และทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยมีสาเหตุมาจากการอัปเดตระบบที่เรียกว่า 'คราวด์สไตรต์' (CrowdStrike) นั้น

ในส่วนของวิทยุการบินฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และยังคงสามารถให้บริการจราจรทางอากาศได้ตามปกติ เนื่องจากระบบอุปกรณ์ควบคุมจราจรทางอากาศ (ATM System) เป็นระบบปิด และมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ส่วนคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการ Windows อื่นที่ใช้งานอยู่ ก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด 

ด้าน ดร.ณพศิษฏ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบสำรอง/ยืนยันที่นั่ง ซึ่งต่อเชื่อมข้อมูลให้ระบบตรวจรับผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Check-in System) ของบางสายการบิน ไม่สามารถใช้การได้ โดยแต่ละสายการบินต้องทำการตรวจรับผู้โดยสารขึ้นเครื่องแบบ Manual Check-in ทำให้เกิดผลกระทบต่อการล่าช้าของเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 20 เที่ยวบิน ๆ ละ 1-2 ชั่วโมง 

ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีจำนวน 8 สายการบิน ที่ได้รับผลกระทบและมีจำนวน 8 เที่ยวบิน เกิดการล่าช้าของเที่ยวบิน ๆ ละ 1-2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม วิทยุการบินฯ ได้บูรณาการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทางสายการบิน และท่าอากาศยาน เพื่ออำนวยความสะดวกและให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารและอากาศยาน ตามที่กระทรวงคมนาคมได้ให้นโยบายเรื่องการอำนวยความปลอดภัยให้ประชาชน

วิทยุการบินฯ เดินหน้าจัดฝึกอบรมระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากร รองรับเทคโนโลยีการบินขั้นสูง

บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด จัดฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับสูง ด้านการจัดการจราจรทางอากาศ ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม 2567 ณ อาคาร EECi วังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยองเพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการบิน ตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือของ 7 หน่วยงาน เรื่อง การพัฒนาบุคลากรและนวัตกรรมด้านการบิน (NGAP - Digital transformation) โดยมีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 60คน จาก 7 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ดร. ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า “จากนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม ที่มุ่งพัฒนาประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค วิทยุการบินฯ ได้ดำเนินการเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินของสนามบิน การเชื่อมโยงสนามบินกับโครงข่ายการเดินทางทั่วประเทศและเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการสร้าง 3 สนามบินใหม่ ได้แก่ สนามบินอู่ตะเภา อันดามัน และล้านนา ซึ่งคาดการณ์ว่า จะมีความต้องการบุคลากรด้านการบินเพิ่มขึ้นประมาณ 30,000 คน วิทยุการบินฯ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็น ในการพัฒนาบุคลากรด้านการบิน เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต 

จึงจะจัดฝึกอบรมหลักสูตร Performance-based CNS เป็นโครงการนำร่อง พร้อมทั้งดำเนินการจัดทำโครงการ “การพัฒนาศักยภาพมืออาชีพอุตสาหกรรมการบินไทยยุคใหม่ สู่มาตรฐานสากล ICAO” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดกรอบโครงการ กับหน่วยงานความร่วมมือ 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)ภายใต้ทุนสนับสนุนด้านการพัฒนาบุคลากรของประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรด้านการบิน ทั้งในระดับประเทศ และระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ให้สามารถนำความรู้มาพัฒนาบริการการเดินอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือด้านการบินในอนาคต อีกทั้งเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ เพื่อนำไปสู่การจัดการจราจรทางอากาศในภูมิภาคร่วมกันได้อย่างยั่งยืน”

ดร. ณพศิษฏ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การจัดฝึกอบรมครั้งนี้ จะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับสูง ด้านการจัดการจราจรทางอากาศ (หลักสูตร Performance-based CNS) มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 60 คน ประกอบด้วย ตัวแทนจาก 7 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไทย ฟิลิปปินส์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม เนปาล และภูฏาน และตัวแทนจากหน่วยงานในประเทศ ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด สถาบันการบินพลเรือน ผู้แทนจากสายการบิน และมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ เป็นต้น ซึ่งผู้เข้ารับการอบรม จะได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกับผู้บรรยายที่ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบิน รวมทั้งนำเสนอเกี่ยวกับเทคโนโลยีการบินในปัจจุบัน และการพัฒนาเทคโนโลยีการบินขั้นสูงในอนาคต เพื่อสนับสนุนให้บริการจราจรทางอากาศมีประสิทธิภาพ คล่องตัว และเกิดความปลอดภัยสูงสุด อีกทั้งมีการศึกษาดูงานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการยกระดับอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินและประตูเศรษฐกิจสู่เอเชีย”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top