Sunday, 20 April 2025
วาทกรรม

วาทกรรมอำพราง สูตรสำเร็จนักการเมืองที่ใช้ครองใจมวลชน แต่ผลกรรมตกอยู่ที่ประชาชนร่ำไป

จากการชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองโดยมีประชาชนเป็นแกนหลัก ภายใต้นาม ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ (พธม.) ตั้งแต่กลางสมัยรัฐบาล ‘ทักษิณ 1’ ต่อเนื่องกระทั่งประเทศไทยเดินเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2549 สังคมไทยเริ่มถูกแบ่งด้วยขั้วการเมืองออกเป็นสองฝักฝ่ายอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้ความสามัคคีของชนชาวสยามซึ่งพร้อมจะขาดผึงอยู่รอมร่อถูกทุกทำลายลงอย่างไร้หนทางหลีกเลี่ยง

เริ่มจากมีคนกลุ่มคน ‘สวมเสื้อสีแดง’ เข้าลอบทำร้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรซึ่ง ‘สวมเสื้อสีเหลือง’ อันมีนัยหมายถึง ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อในหลวงรัชกาลที่ 9

ลองไปหาดูได้ไม่ยากว่าสีแดงแรกเริ่มนั้นสกรีนบนอกเสื้อว่าอะไร

แม้ดูเหมือนความชุลมุนจะจบลงที่เหตุรัฐประหาร 29 กันยายน ของปีเดียวกัน โดย ‘คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ’ (คมช.) ความระส่ำระสายแตกแยกของผู้คนก็ไม่มีทีท่าเบาบางจางลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับมีมวลชนจัดตั้งจากฝ่ายการเมืองผู้สูญเสียผลประโยชน์ โดยตั้งเป้าหลักคือต่อต้านการยึดอำนาจ เริ่มจากกลุ่มคนเล็กๆ ปราศรัยในสนามหลวง จนเติบโตกลายเป็น ‘กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ’ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง

เข็นเสื้อแดง นปช. ออกมาชนเสื้อเหลือง พธม. อย่างเต็มรูปแบบ

สร้าง ‘ตีนตบ’ (พลาสติก) ออกมาฉะสู้กับ ‘มือตบ’ ประมาณนั้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนคือน้ำมือนักการเมืองผู้กระสันแย่งชิงความได้เปรียบทั้งสิ้น

แม้กลุ่มคนผู้รวมตัวเรียกร้องทางการเมืองในภายหลัง ซึ่งเรียกตนเองว่าเป็น ‘ประชาชน’ ที่รับรู้ทั่วไปว่ามาจากการ ‘จัดตั้ง’ โดยกลุ่มนักการเมืองผู้สูญเสียประโยชน์และอำนาจยืนกำกับการแสดงอยู่เบื้องหลัง และหันมาใช้วิธีการดั้งเดิม คือ สร้างสูตรสำเร็จทางความเชื่อด้วย ‘วาทกรรม’

นักการเมืองไทยทุกยุคทุกสมัยรู้ดีว่า ‘วาทกรรม’ คือ ‘สูตรสำเร็จของการครองใจคน’ เปรียบประดุจอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน โดยผู้บริโภคไม่ต้องคอยกังวลใส่ใจว่าส่วนผสมหรือกรรมวิธีการปรุงนั้นมีที่มาอย่างไร เพียงแค่ผลิตป้อนให้รสชาติอร่อย ‘แซบ ลำ นัว หรอย’ ถูกปากถูกใจ (สาวก) เป็นพอ

คำ ‘ไพร่ อำมาตย์ และฝ่ายประชาธิปไตย’ จึงถือกำเนิดจนถูกจดจำนำมาใช้ต่ออย่างแพร่หลายยาวนาน นั่นเพราะ ‘วาทกรรม’ บริโภคง่ายไม่ต้องอาศัยกระบวนการทางความคิดมาบดย่อยให้ยุ่งยาก ไม่ต่างจากเหตุการณ์ต่อสู้ชิงอำนาจ ‘ฝ่ายประชาธิปไตย’ กับ ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ ยุค พ.ศ. 2475 ที่ใช้การแจก โปรยใบปลิวตามท้องถนน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นวาทกรรมบิดเบือนให้ร้าย และถูกผลิตจากโรงงานการเมือง

ศ.ดร.ธีรยุทธ บุญมี อดีตแกนนำนักศึกษา และอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย เคยกล่าวถึงเรื่องวาทกรรมไว้อย่างน่าสนใจว่า “...น่าเป็นห่วงวิกฤติรอบใหม่ในลักษณะวาทกรรมที่จะรุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ และจะค่อยทำลายคนที่ถูกมองว่าเป็นกลุ่มอื่น หรือคนอื่น ทีละเล็กทีละน้อย”

‘ธนกร’ ติง ‘ก้าวไกล’ อย่าดีแต่ผลิตวาทกรรมดิสเครดิตรัฐบาล มั่นใจ!! พรรคร่วมเดินหน้าสานงานฉลุย ลดความขัดแย้งการเมือง

(17 ธ.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์โดยวิเคราะห์ว่า วันนี้ทุกพรรคการเมือง ต้องพิสูจน์การทำงานให้กับประชาชนได้เห็น เหมือนรัฐบาลที่เพิ่งเข้ามาได้ 3 เดือนก็ต้องพิสูจน์ผลงาน ต้องทำนโยบายให้สำเร็จ พรรครวมไทยสร้างชาติเองก็เช่นกัน รวมถึงต้องปรับยุทธศาสตร์เพื่อจะเดินหน้าทำงานต่อไปได้ หากพรรคใดไม่ปรับตัว ในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไปยาก ยกตัวอย่างเช่น ภาคใต้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และเชื่อว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา ทุกพรรคไม่ได้คิดว่าพรรคก้าวไกลจะมา ทุกพรรคจึงต้องมีรูปแบบการทำงาน นโยบาย ปรับวิธีคิดใหม่ เช่นการใช้โซเชียลมีเดีย แต่ตนเชื่อว่าวันนี้ทุกพรรคปรับแล้วทั้งหมด แต่วิธีคิดที่ใหม่อย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและทำสำเร็จด้วย ไม่ใช่พูดไปเรื่อย

เมื่อถามว่า ในอนาคตการเลือกตั้งรอบหน้า ไม่ได้สู้กันแบบเดิม แต่อาจจะเป็นการรวมพลังของทุกพรรคเพื่อสู้กับก้าวไกลหรือไม่ นายธนกร ยอมรับว่า ก็เป็นไปได้ ต้องยอมรับความจริงว่าในอนาคต พรรคเล็กเกิดยาก เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กติกาใหม่ต้องสู้กันทั้งระบบ

“ในพรรคก้าวไกลเองก็ต้องปรับตัว หลังจากเลยช่วงพีคผ่านไปแล้ว และต้องมาปรับ มาแก้ปัญหาภายในพรรคที่มีปัญหาหลายเรื่อง วันนี้ประชาชนเห็นทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ไปว่าคนอื่น ว่าพูดอย่างทำอย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเองพูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โกหกไปวันๆ ประชาชนฉลาดทุกคน และโซเชียลมีเดียในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ มีการเน้นให้ประชาชนเข้าถึง แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น แอปฯ เป๋าตัง วันนี้ประชาชนฉลาด รู้ทันนักการเมือง การพูดอย่างทำอย่าง พูดไม่ตรงข้อเท็จจริง ประชาชนรู้หมด” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญในสมัยรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำนั้นจะสำเร็จหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า หากพรรคแกนนำมีความตั้งใจจริงที่จะแก้ก็แก้ได้ แต่การจะแก้ไขต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และในส่วนพรบ.นิรโทษกรรม ต้องไม่เกี่ยวข้องกับคดีทำผิดมาตรา 112 หากฝั่งที่จะแก้ยืนกรานตน เชื่อว่า ไม่ผ่าน ฟันธงว่าไม่สำเร็จแน่นอน ทั้งนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ง่ายและมีการใช้งบประมาณทำประชาพิจารณ์เกือบ 7,000 ล้านบาท หาวิธีการที่จะประหยัดงบประมาณได้หรือไม่เอาเงินจำนวนนี้มาทำโครงการคนละครึ่งต่อดีกว่า ซึ่งหากพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยมันก็เดินต่อไม่ได้

“วันนี้สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ ได้ทำไว้ให้กับคนไทยมีความยั่งยืนอย่างแน่นอนเป็นประโยชน์กับประเทศชาติมาก วันนี้อยากให้ความขัดแย้งลดลงและทุกวันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมาก  การชุมนุมต่างๆก็น้อยลง คนไทยเริ่มหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น อยากให้คนไทยรักกัน จะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้และด้วยนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลชุดนี้และพรรคร่วมรัฐบาล ผมคิดว่าเราไปได้และทำให้ยั่งยืนได้ ซึ่งมีหลายอย่างที่ทำต่อ ยอดจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ก็ไม่อยากให้หวนกลับไปสู่ความขัดแย้งอีก ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยและพูดคุยกันจะดีกว่า” นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

กระตุกต่อมคิดคนไทย!! พอกันที!! วาทกรรมแบ่งแยกคนรุ่นเก่า-ใหม่ หยุดให้ค่า!! หากออกจากปลายจมูก 'นักฉวยโอกาส-สาดความรวยใส่ตัว'

(29 ก.ค. 67) ผู้ใช้ Instagram ที่ชื่อว่า ‘tthegreatboy1’ ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับ ‘โน๊ส อุดม’ และวาทกรรม ‘คนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่’ โดยได้ระบุว่า ...

‘โน๊ส อุดม แต้พานิช’ ในทัศนะของผม แกเป็นตลกฝืดๆ คนหนึ่ง ที่ผมรู้สึกว่าทำไมเราต้องไปเสียตังค์จ่าย เพื่อจะไปดูอะไรแบบนี้ คืออันนี้เป็นทัศนคติส่วนตัว ส่วนใครจะชื่นชอบจะจ่ายเงินเพื่อไปดูก็เป็นสิทธิส่วนตัวของเขา

งานของโน๊ส อุดม เป็นงานที่ไปหยิบจับ เอาประเด็นในสังคมประเด็นทางการเมือง นำมาล้อเลียนนำมาพูดให้ขำๆ แล้วยังไงใน TikTok ก็มีถ้าจะมาพูดขำๆล้อเลียนแบบนี้ มันไม่ได้มีอะไรที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ เลย

เมื่อก่อนนี้โน๊ส อุดม เป็นคนที่พูดถึงปัญหาในสังคมปัญหาการเมือง พูดแซวในฐานะที่ตัวเองนั้นอยู่เหนือปัญหา ตัวเราเองนั้นเยี่ยมตัวเราดีคนอื่นคือปัญหา ทำตัวเทศนาอะไรประมาณนั้น ก็เข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น ก็ต้องปล่อยเขาไป

แต่ในปัจจุบัน มันมีข้อมูลหลักฐานในโลกโซเชียล ว่าโน๊ส อุดมนั้น ชื่นชอบใน ‘พรรคก้าวไกล’ 

ฉะนั้นเวลาที่ ‘โน๊ส อุดม’ จะพูดจะแซวพรรคการเมืองมองปัญหาการเมืองโน๊ส อุดม ก็จะพูดในฐานะที่เป็นคนที่ ฝักใฝ่ไปในทาง พรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นคน ที่อยู่ตรงกลางอีกแล้ว เป็นคนที่พูดด้วยฐานะ ที่ได้เลือกข้างแล้ว ตรงนี้ก็ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจก็ต้องปล่อยเขาไป

ส่วนประเด็นที่มันเป็นดรามานั้นก็คือ วาทกรรมของคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ พี่โน๊ตอุดมได้หยิบขึ้นมาพูดในงานครั้งล่าสุด ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะเขาชื่นชอบในภาคก้าวไกล เขาก็จะต้องนำวาทกรรมของ พรรคก้าวไกล นำขึ้นมาผลิตซ้ำ

แต่โดยความคิดส่วนตัวของผมแล้ว ผมมองว่า วาทกรรมนี้เป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ต่อคนทุกฝ่าย คุณไปพูดเหมารวมว่าคนรุ่นเก่าทำตัวไม่น่านับถือ เข้าใจว่ามีคนรุ่นเก่าแบบที่คุณโน๊ส อุดมไม่ชอบ คนรุ่นเก่าที่ก่อปัญหาแบบที่คุณโน๊ส พูดมีอยู่จริง แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องของปัจเจกชน เป็นพฤติกรรมของแต่ละบุคคลไป แต่คุณโน๊ส อุดมใช้วาทกรรมที่เหมารวม คนรุ่นเก่าก็มีอีกมากมายที่เป็นคนดี เป็นคนดีของสังคม เป็นพ่อที่เยี่ยม เป็นแม่ที่เยี่ยม เป็นคนที่ดีต่อเพื่อน เป็นคนที่ดีต่อสังคม อีกเยอะแยะมากมาย

แต่ปัจจุบัน เมื่อเขาเดินออกไปเจอคนรุ่นใหม่ เขาต้องกลายเป็นคนที่ไม่น่าเคารพไม่น่านับถือ เพราะวาทกรรมคนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ที่คุณโน๊ส อุดม พยายามจะสร้างมันขึ้น เป็นความมักง่าย ของคนที่ใช้วาทกรรมนี้ มันก็เลย กลายมาเป็นปัญหาในปัจจุบัน

ตรรกะคนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่ ที่พยายามจะโทษคนรุ่นเก่าว่า เป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วถ้าผมเอาตรรกะแบบนี้ไปใช้กับคนรุ่นใหม่บ้าง มันจะได้ไหม คนรุ่นใหม่เป็น พวกกราดยิงห้างสยามพารากอน เป็นพวกรุมโทรมหญิง คนรุ่นใหม่เป็นพวกแก๊งลูกตำรวจ คนรุ่นใหม่เป็น เด็กช่างกลตีกัน มันก็สามารถที่จะพูดได้เยอะแยะ ในข้อเท็จจริงนั้นมันก็มีคนรุ่นใหม่ ที่เป็นคนนิสัยไม่ดีแบบนี้จริงๆ

แต่ว่ามันเป็นพฤติกรรมของปัจเจกชน มันเป็นเรื่องของเฉพาะคนเฉพาะกลุ่ม มันไม่สามารถจะนำมาเหมารวมได้ว่า คนรุ่นใหม่ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่ดี ถูกต้องไหมครับ

ในเมื่อเราเข้าใจตรรกะตรงกันแล้ว ทำไมคุณ ‘โน๊ส อุดม’ หรือ ‘พรรคก้าวไกล’ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ฝักใฝ่ ทำไมไม่เข้าใจว่า คนรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ก็มีทั้งคนดีและคนที่ไม่ดีอยู่ในทุกกลุ่ม

เพราะฉะนั้นวาทกรรมของคุณโน๊ส อุดมจึงเป็นวาทกรรมที่สร้างความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ต้องการที่จะหาผลประโยชน์ทางการเมือง

วาทกรรมคนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่ ถ้าเราลองคิดวิเคราะห์แล้ว เราก็จะเห็นว่ามันเป็นวาทกรรมที่มี ช่องโหว่เยอะ ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้จริง มันบิดเบี้ยว 

และเมื่อเรารู้แล้วว่าวาทกรรมนี้มันไม่จริง เราก็ยังจงใจ ใช้วาทกรรมแบบนี้ สาดใส่คนอื่น ก็ต้องบอกว่า ไม่น่ารักเลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top