Wednesday, 26 June 2024
วัคซีนโควิด-19

 "บิ๊กตู่" ติดตามการฉีดวัคซีนเด็ก ขณะที่ ศธ. และ สธ. จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งไทยสามารถรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และสัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรก็เพิ่มขึ้น  ขณะนี้ ไทยยังมีความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์  สำหรับเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในประเทศไทย โดยล็อตแรกได้มาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ทั้งนี้  กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารสุขจะดำเนินการให้การบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า   นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงนักเรียนและเด็กเล็ก กำชับการควบคุมการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม อาทิ การจัดแข่งขันกีฬา ปัจฉิมนิเทศ มีการรับประทานอาหารร่วมกันในลักษณะเดียวกับคลัสเตอร์งานเลี้ยงอื่น ๆ จึงกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติมาตรการสถานศึกษาปลอดโควิด – 19 ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม  และ 7 มาตรการเข้มงวด   ได้แก่ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การคัดกรองวัดไข้ การลดการแออัด และการทำความสะอาด

6 มาตรการเสริม ได้แก่ การดูแลตนเอง การใช้ช้อนกลางส่วนตัว การกินอาหารปรุงสุกใหม่ การลงทะเบียนเข้าออก การสำรวจตรวจสอบด้วยแบบสอบถาม และการกักกันตัวเอง และ 7 มาตรการเข้มงวด ได้แก่ ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Covid Plus และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble) รวมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุซักซ้อมเพื่อรองรับสถานการณ์  ในกรณีพบผู้ติดเชื้อสามารถจัดให้มีระบบ School Isolation และดูแลการเดินทางของนักเรียนในรูปแบบ Seal Route เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน ครูและบุคคลากรในโรงเรียนทุกคนด้วย

'รมว.สุชาติ' ลุยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้วกว่า 3.7 ล้านโดส

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้วกว่า 3.7 ล้านโดส เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงของโรคให้กับพี่น้องผู้ประกันตน

นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยพี่น้องผู้ประกันตน สั่งการให้กระทรวงแรงงานดูแลช่วยเหลือพี่น้องผู้ประกันตน ให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เสมือนคนในครอบครัว ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องผู้ประกันตนอย่างทั่วถึง เพื่อลดการแพร่ระบาด ลดความรุนแรงของโรค และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับพี่น้องผู้ประกันตน ซึ่งเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง

โดยสำนักงานประกันสังคมได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 ไปแล้ว 3,781,511 โดส แบ่งเป็น เข็ม 1 จำนวน 1,695,913 โดส เข็ม 2 จำนวน 1,597,846 โดส และเข็ม 3 จำนวน 487,752 โดส โดยรวมกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ผู้ประกันตนไปแล้วทั้งสิ้น ณ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ไปแล้วทั้งสิ้น 3,781,511 ล้านโดส

ด้านตัวแทนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนกับสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจที่ภาครัฐให้ความสำคัญกับภาคแรงงาน จัดสรรวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ให้กับลูกจ้างพนักงาน ทำให้พนักงานมีความมั่นใจในการประกอบอาชีพ มาทำงานอย่างมีความสุข ปลอดภัยจากโรคโควิด – 19 พร้อมทั้งขอขอบคุณรัฐบาล กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ใส่ใจดูแลให้ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง

"โฆษกรัฐบาล" เผย เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ เด็ก-ครู-บุคลากรทางการศึกษา ให้ ร.ร.เป็นพื้นที่ปลอดภัย  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในภาพรวม ว่า ขณะนี้ เด็กนักเรียน อายุ 12-18 ปี รับวัคซีน เข็มที่ 1 จำนวน 4,129,663 คน คิดเป็น 95.11 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 จำนวน 3,100,458 คน คิดเป็น 71.41 เปอร์เซ็นต์ ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษา รับวัคซีน จำนวน 1,027,269 ราย เข็มที่ 1 แล้ว99.99 เปอร์เซ็นต์ เข็มที่ 2 แล้ว 79.45 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียน เป็นพื้นที่ปลอดภัย 

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯเน้นว่าการเปิดเรียนในที่ตั้ง(onsite)  ให้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยยึดหลัก 6-6-7เพื่อดูแลเด็กนักเรียนให้ครอบคลุมที่สุด และจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด คือ 6มาตรการหลัก DMHT-RC ได้แก่ เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก, ล้างมือ,คัดกรองวัดไข้ ,ลดการแออัด ,ทำความสะอาด  

'บิ๊กตู่' ย้ำ ให้รีบฉีดวัคซีน 'ลดป่วย ลดตาย' ขอให้ กลไก อสม. กระตุ้น พร้อม รองรับสงกรานต์

เมื่อวันที่ 19 มี.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทยแม้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ยังน้อยกว่าหลายประเทศในอาเซียนและของโลก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสนอแนะให้ อสม. เป็นกลไกสำคัญในระดับพื้นที่เชิญชวนบุคคลใกล้ชิด คนในชุมชน รวมทั้งกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว  และหญิงตั้งครรภ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากกว่าร้อยละ 70 เพื่อลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตหากติดเชื้อ รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่รองรับเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทยที่กำลังจะมาถึง

นายธนกร กล่าวว่า ศบค. ย้ำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ โดยเฉพาะการเตรียมตัวก่อนร่วมงานว่าประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา เข้าร่วมงานสงกรานต์ และกลุ่ม 608 ต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่กำหนด มีการประเมินความเสี่ยงของตนเอง ขอให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมงาน หรือให้พิจารณาตรวจ ATK ก่อนเดินทาง หรือก่อนร่วมงานภายใน 72 ชั่วโมง ขณะเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ ต้องเข้มงวดการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ และงดรับประทานอาหาร 

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับผู้จัดงาน และกิจการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานสงกรานต์ให้ลงทะเบียนบนระบบ TSC2+ และประเมินตนเองตามประเภทมาตรการ COVID Free Setting ได้แก่ การจัดกิจกรรมพิเศษ (แสดงคอนเสิร์ต แสดงดนตรี งานอีเวนต์ งานเทศกาล มหกรรม) การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มในชุมชน ศาสนสถาน ร้านอาหาร ขนส่งมวลชนสาธารณะ ซึ่งการขออนุญาตจัดงานให้เป็นไปตามเขตพื้นที่สถานการณ์ หรือตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร กำหนด ระหว่างช่วงงานสงกรานต์ กรณีพื้นที่จัดงานสงกรานต์ที่มีการจัดเตรียมสถานที่และควบคุมกำกับนั้น อนุญาตให้เล่นน้ำ และจัดกิจกรรมตามประเพณี เช่น รดน้ำดำหัว สรงน้ำพระ การแสดงทางวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น ขบวนแห่ การแสดงดนตรีพื้นบ้าน โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และมีการกำกับอย่างเคร่งครัด  ห้ามประแป้ง ปาร์ตี้โฟม จำหน่ายและบริโภคแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน  พื้นที่สาธารณะไม่มีการควบคุม เช่น ท้องถนน ห้ามเล่นน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟม 

ส่วนมาตรการหลังกลับจากสงกรานต์ว่า ให้สังเกตอาการตนเอง 7 วัน  หากพบว่ามีอาการสงสัยติดเชื้อให้ทำการตรวจ ATK และขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คนจำนวนมากโดยไม่จำเป็นพิจารณามาตรการ WFH ให้เป็นไปตามความเหมาะสม

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 608 และกลุ่มเด็ก (5 - 11 ปี) ที่พบว่ามีการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข้มกระตุ้นน้อยอยู่ จึงขอความร่วมมือผู้ที่ยังไม่เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยเร็วด้วย เพราะจะ “ลดป่วย ลดตายได้ ต้องมารับวัคซีน” พร้อมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนร่วมกันเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ และการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม ถูกต้องให้กับประชาชนเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัย (Living with COVID-19) 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top