Tuesday, 30 April 2024
วรวุฒิอุ่นใจ

‘วรวุฒิ พรรคกล้า’ ฝาก ‘บิ๊กตู่’ แก้น้ำมันแพง ส่ง 3 กระทรวง ถกปัญหาผู้ประกอบการขนส่ง

“รองหัวหน้าพรรคกล้า” ฝาก “บิ๊กตู่” หารือ ครม. ส่งตัวแทน 3 กระทรวง รับฟังปัญหาผู้ประกอบการประท้วงราคาน้ำมันแพง หวั่นบานปลายขึ้นราคาต้นทุน กระทบประชาชน ย้ำถ้าลดภาษีสรรพสามิต รัฐต้องหารายได้อื่นมาทดแทน

นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวกรณีผู้ประกอบการเตรียมหยุดเดินรถประท้วงราคาน้ำมัน โดยขอให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ โดยขอให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ ตั้งตัวแทนรับฟังปัญหาจากผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา มีโอกาสนำไปสู่การหยุดประท้วง ไม่ต้องเอารถทหารมาใช้แทน

“การให้ผู้ประกอบการไปคุยกับคนนู้นทีคนนี้ที มันดูไม่จริงใจในการแก้ปัญหา จึงเป็นปัญหาที่ต้องพูดคุยกันทุกฝ่าย เพราะภาวะผันผวนราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่ใช่ปัญหาระยะสั้น แต่จะเป็นปัญหาระยะยาว หากไม่มีการจัดการ สุดท้ายผู้ประกอบการก็จำเป็นต้องขึ้นต้นทุนสินค้า สุดท้ายผลกระทบจะตกอยู่กับประชาชน จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หากปล่อยไว้ปัญหายิ่งไปกันใหญ่ จึงอยากให้สองฝ่ายไม่ว่าผู้ประกอบการหรือรัฐบาลหันหน้าเจรจากันด้วยความจริงใจ” นายวรวุฒิ กล่าว

สำหรับข้อเสนอลดภาษีสรรพสามิตลงอีก 5 บาทต่อลิตร ตรึงราคาน้ำมันดีเซลบี 7 ให้อยู่ที่ 25 บาท รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เป็นแนวทางที่อาจทำได้ แต่คำถามอยู่ที่รัฐบาลจะเอาภาษีหรือรายได้ส่วนอื่นมาชดเชยอย่างไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องระยะสั้น เพราะระยะยาวเชื่อว่าอัตราการบริโภคน้ำมันและความผันผวนของโลก ทั้งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน อัตราการใช้พลังงานหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายหลายประเทศ อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพราคาน้ำมันในระยะยาว รัฐบาลต้องหามาตรการมาดูแลจริงจัง ไม่เช่นนั้นผู้บริโภคคือประชาชน จะเป็นผู้เดือดร้อน

‘วรวุฒิ อุ่นใจ’ ย้ำ ‘พรรคกล้า’ ชู แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงแก้วิกฤตชาติ ให้โอกาสคนตัวเล็กเติบโตมั่งคั่งอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะประธานทีมเศรษฐกิจ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งแม้โควิดที่เข้าสู่ปีที่ 3 จะเริ่มคลี่คลาย แต่ก็เจอภัยสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ขย่มซ้ำเราเหมือนจะอยู่ในภาวะสงครามโลกทางเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว และยังมีความเสี่ยงที่สถานการณ์จะบานปลายได้อีกมาก และการเกิดขั้วอำนาจใหม่ทำให้ไทยต้องปรับตัวขนานใหญ่จากนี้ไป

นายวรวุฒิ กล่าวว่า ทางออกเศรษฐกิจไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นนโยบายปฏิบัติ ใน 2 เรื่องหลัก คือ 1.เน้นการพึ่งพาตนเอง เน้นการบริโภคด้วยวัตถุดิบในประเทศ เน้นเทคโนโลยีเป็นของตนเอง เน้นการสร้างตลาดคุณภาพที่ยั่งยืน ทั้งภายในและต่างประเทศ 2.เน้นการลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจ จนถึงการใช้ชีวิตในทางประเทศที่ล่อแหลมต่อภาวะสงคราม คือวางตัวเป็นกลางค้าขายได้ทุกฝ่าย พรรคกล้าใช้หลักการเศรษฐกิจพอเพียง ต่อยอดพัฒนาเป็นแนวทางเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก ที่เน้นพัฒนาเอสเอ็มอี และชาวนาเกษตรกรไทย ให้แข็งแรงเติบโตได้ ไม่ถูกจำกัด

‘วรวุฒิ’ โชว์กึ๋นกูรูการตลาด เผยโอกาสของคนตัวเล็กกับธุรกิจ ‘กัญชา’ มีมูลค่ามหาศาล หากจัดการอย่างถูกต้อง เสนอตั้งสถาบันวิจัยพัฒนาอาหารเปิดทางนักวิจัยคิดค้นแปรรูปจดลิขสิทธิ์ ให้นักธุรกิจมาช็อปไปใช้รัฐได้ค่าไลเซนซ์ 

8 พ.ค. 2565 – นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้าและประธานทีมเศรษฐกิจ ในฐานะอดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวบรรยาย ในงาน “มหกรรมกัญชาทางการแพทย์สุขภาพที่ 6 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จ.จันทบุรี ถึงแนวทางการทำตลาดกัญชาเพื่อคนตัวเล็ก ว่า กัญชาถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ใหญ่มากต่อประเทศไทย โดยจะเห็นได้จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กัญชามาแรงมาก บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากออกข่าวว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาหุ้นขึ้นทุกตัว ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าตลาดคาดหวังกับธุรกิจกัญชามาก สำหรับประเทศไทยมีจุดแข็งเรื่องการผลิตอาหารและยาสมุนไพร เนื่องจากมีวัตถุดิบ ทรัพยากรมากมายทั้งผลไม้ พืชผัก อาหารการกินบ้านเราไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่เกษตรกรซึ่งมีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรประเทศกลับยังยากจน รายได้ภาคการเกษตรเพียง 8% ทั้งที่ควรจะเป็น 35% ตามจำนวนเกษตรกรของประเทศ

อดีตประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวด้วยว่า การสร้างเศรษฐกิจให้กับ กัญชา-กัญชง หากได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง จะทำรายได้อย่างมหาศาล สิ่งที่จะต้องทำคือ ปรับจูนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เหมาะสมและเอื้อต่อการทำธุรกิจ ภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุน ตั้งแต่ระดับต้นน้ำคือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์และการเพาะปลูก ระดับกลางน้ำ คือ กระทรวงอุตสาหกรรม ในเรื่องการสกัดและการแปรรูปเพิ่มมูลค่า และระดับปลายน้ำคือ กระทรวงพานิชย์ ในการจัดจำหน่าย หาตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยทั้งสายน้ำ ต้องพึ่งพาข้อมูลและการวิจัยทางการตลาดอย่างเข้มข้น

“แต่ในทางการตลาด ผมมองว่า ต้องเอาปลายน้ำขึ้นมาก่อน คือเอาลูกค้าเป็นหลักว่าเป็นใคร ปริมาณความต้องการมีจำนวนเท่าไร ทั้งในและต่างประเทศ จากนั้นจึงกลับไปที่ต้นน้ำ เพื่อวางแผนการเพาะปลูก ให้สอดคล้องกับความต้องการ และถึงจะไปที่กลางน้ำคือกระทรวงอุตสาหกรรม วางแผนการแปรรูปผลผลิต ปัจจุบันการทำงานระหว่างกระทรวงยังเป็นปัญหา ด้วยระบบโครงสร้างการบริหารงานที่ไม่เอื้อ ดังนั้น ผมขอเสนอตั้งสถาบันวิจัยอาหารและยา เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิจัยสามารถค้นค้นแปรรูปอะไรดีๆ แล้วจดลิขสิทธิ์ ผู้ผลิตรายไหนเอาผลงานไปใช้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นต่อจำนวนการผลิต นักวิจัยก็จะรวย ไม่ใช่วิจัยเสร็จแล้วขึ้นหิ้ง ไม่มีใครเอาไปต่อยอด นายทุนไม่สนใจ แต่ถ้าเราเปิดโอกาสให้ใครก็ได้มาใช้งานวิจัยที่รัฐรวบรวมไว้ รัฐก็จะสามารถเก็บภาษีและไลเซนซ์ได้มหาศาล เรื่องแบบนี้รัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด และเข้าใจระบบกลไกธุรกิจหรือบิสิเนสโมเดลใหม่ ไม่ใช่เป็นระบบราชการแบบเก่าที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา นอกจากนี้ ประเทศไทยยังควรมีนิคมอุตสาหกรรมกัญชง กัญชา ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เหมือนที่หลายประเทศเขาทำกัน เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายวรวุฒิ กล่าว

‘ชาติพัฒนากล้า’ ชี้ช่องทางขับเคลื่อน SME ไทย ต้องสร้างโอกาสนิยม-ขายของออนไลน์ ควบคู่กันไป

(15 ก.พ. 66) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวในเวทีเสวนา ‘อนาคตประเทศไทย : SME จะไปทางไหน’ ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเอสเอ็มอีอยู่ประมาณ 3 ล้านราย และ 98% ของธุรกิจเป็นผู้ประกอบการรายเล็กและรายจิ๋ว มีขนาดกลางเพียง 2% เท่านั้น พรรคชาติพัฒนากล้า เราจะสู้เพื่อเอสเอ็มอี เพราะตระหนักดีว่า เอสเอ็มอีโตไม่ได้ถ้าไม่มีใครสู้เพื่อพวกเขา 

นายวรวุฒิ กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนากล้ามีนโยบายโอกาสนิยม เพื่อให้เอสเอ็มอีแข็งแรงได้ด้วยตัวเอง โดยการสร้างโอกาส ติดอาวุธ ให้แต้มต่อ ในการเข้าถึงเงินทุนพัฒนาตัวเองให้เติบโตทั้งผลิตภัณฑ์ทั้งระบบและวิธีการทำงาน ปัจจุบันเอสเอ็มอีไม่สามารถเข้าสู่การกู้เงินในระบบ บางคนติดแบล็กลิสต์บูโร จนต้องพึ่งหนี้นอกระบบ พรรคชาติพัฒนากล้าเสนอให้ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร และมาใช้ระบบเครดิตสกอร์แทน ซึ่งจะทำให้สถาบันการเงินเข้มแข็งขึ้น เพราะผู้ที่ติดแบล็กลิสต์ถึงประมาณ 5.5 ล้านคน ในจำนวนนี้มีถึง 3.2 ล้านคนที่ติดแบล็กลิสต์ช่วงโควิด อีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจ คือ เอสเอ็มอีต้องสามารถทำให้คนในประเทศพอใจและมั่นใจ ที่จะใช้สินค้าไทยที่ได้มาตรฐาน เพื่อนำไปสู่ ไทยทำ ไทยใช้ ไทยส่งออก ไทยมั่งคั่ง พรรคชาติพัฒนากล้า มีโมเดลคลาวน์ แฟคตอรี่ ที่ อบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา มี อย.กลางให้เอสเอ็มอีมาใช้บริการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งหากพัฒนาโมเดลดังกล่าวทั่วประเทศจะทำให้สินค้าได้รับการพัฒนาได้อย่างมีมาตรฐานทั้งตัวผลิตภัณฑ์และแพคเกจจิ้ง คนไทยมั่นใจในสินค้าไทย และสามารถส่งออกได้ ที่สำคัญต้องเปลี่ยนจากประเทศที่ซื้อสินค้าออนไลน์ เป็นขายสินค้าออนไลน์ ขายให้เป็น ใช้ทีมขายเอกชน เหมือนที่ประเทศจีนทำสำเร็จมาแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top