Thursday, 5 June 2025
วรงค์_เดชกิจวิกรม

'หมอวรงค์' เปิดกลยุทธ์เขย่าแก๊ง 3 นิ้ว ย้ำ ยินดีชี้ทางสว่าง หลังถูกหลอกใช้มานาน

11 ต.ค. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า #เอากบออกจากกะลา 

หลังจากที่ผม #มาคุยกันไหม มีพี่น้องห่วงใย และอยากรู้ความคิดผม ผมบอกตรงๆ เลยว่า การต่อสู้ของเราต้องมีกลยุทธ์ ในการดึงเขาให้ออกมาเล่นในสนามของเรา 

ที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้ มีแต่อ้างปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หลอกลูกหลาน เยาวชน นักศึกษาให้ออกมาเป็นหัวหอก จ้องให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง ผมไม่เคยเชื่อคนพวกนี้ 

'หมอวรงค์' ท้า 'พท.' ฟื้นจำนำข้าว! เตือน!! ระวังเจอคุก-เผ่นนอกซ้ำแน่

‘หมอวรงค์’ ย้อนคดีจำนำข้าว แดงโร่โกงทั้งแผ่นดิน ท้า พท. กล้าฟื้นโครงการจริงมั้ย เตือนระวังติดคุก หรือได้เผ่นนอกประเทศซ้ำอีกแน่

8 พ.ย. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “จำนำข้าวยิ่งลักษณ์” โดยระบุว่า

ช่วงนี้พรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเรื่องข้าวกันมาก เลยเถิดไปถึงโครงการรับจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาเบี่ยงประเด็นเรื่องการขาดทุน

สิ่งที่ต้องย้ำให้พรรคเพื่อไทยให้ตาสว่าง ต้องแยกระหว่าง “ขาดทุน” กับ “โกง” การช่วยประชาชน ลำพังขาดทุนนั้นพอรับได้ แต่ไม่ควรให้ถึงชาติล่มจม

แต่ปัญหาใหญ่ของโครงการรับจำนำข้าวคือ “โกง” โกงกันทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ จนทำให้เงินที่ควรจะถึงชาวนา เกวียนละ 15,000 บาท ถ้าหักความชื้นถูกต้อง น่าจะเหลือ 14,000 บาท แต่เอาเข้าจริง ๆ เหลือ 10,000 - 12,000 บาทต่อเกวียนเท่านั้น

'หมอวรงค์' จับตาคดีชี้ชะตา 3 แกนนำม็อบสามนิ้ว ชี้! จะเป็นบรรทัดฐานล้มล้างการปกครองหรือไม่

'หมอวรงค์' ฟันธง คดีนี้ใหญ่มาก! จับตาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นบรรทัดฐานว่าการที่ม็อบเรียกร้องเรื่อง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์จะเข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

10 พ.ย. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ระบุว่า #คดีนี้ใหญ่มาก

การที่ม็อบราษฎร มีการเคลื่อนไหวเรียกร้อง "ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์" ซึ่งมีสาระใหญ่ ๆ เช่นยกเลิกมาตรา 112 ยกเลิกมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ (ผู้ใดจะกล่าวฟ้องร้องพระมหากษัตริย์มิได้) รวมทั้งข้อเรียกร้องอื่น ๆ รวม 10 ข้อ

ต่อมา อ.ณฐพร โตประยูร ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ตามกระแสข่าว มีหลักฐานการรับเงินจาก NGO ต่างประเทศด้วย ไปยื่นร้องแกนนำม็อบ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า

"บุคคลจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมิได้"

‘หมอวรงค์’ โพสต์เฟซแสดงตน #saveขบวนเสด็จ  หลังแก๊ง 3 นิ้วหน้าเดิมๆ ออกป่วน ทำคนเข้าใจผิด

(7 ก.พ.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #saveขบวนเสด็จ การที่มีการป่วนขบวนเสด็จ ของสามนิ้วหน้าเดิม ที่สำคัญพยายามสร้าง content พูดย้ำ ๆ ว่า “ปิดทำไม ปิดทำไม” เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการปิดถนน แถมตนเองเป็นคนขับรถ ที่จะแซงขบวนเสด็จ และมีการบีบแตรใส่ขบวน

ผมถึงอยากบอกว่า สันดานคนพวกนี้ใช้วิธีการ พูดสื่อสารให้ร้าย ไม่ตรงกับความจริง ทั้ง ๆ ที่ความจริงนั้นคนละเรื่อง เพราะเขาต้องการขาย content ให้คนเข้าใจผิด เหมือนที่ผมเคยเจอ ในเวทีดีเบตแห่งหนึ่ง

เขาเอาคลิปที่หยกทิ้งตัวลงกับพื้นให้ผมดู แล้วตำรวจหญิงไปอุ้ม คนเหล่านี้ก็จะพูดออกสื่อตลอดว่า เห็นไหม “ตำรวจทำร้ายประชาชน” และพูดซ้ำให้คนเข้าใจผิด ทั้ง ๆ ที่ในคลิปจริงไม่ใช่สิ่งที่เขาพูด เป็นภาพการทิ้งตัวลงไปกับพื้น และมีตำรวจหญิงช่วยอุ้มขึ้นมา

นี่คือชุดในตัวละคร ของขบวนการล้มล้างการปกครอง ที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง และ ngo ต่างประเทศ ถ้าหากเขาถูกดำเนินคดี พวกพรรคการเมืองและ ngo ต่างชาติ ก็จะออกมาว่า รังแกเยาวชน

ผมอยากจะบอกว่า จัดการทั้งที ต้องตัดเส้นทางการเงินให้ได้ นั่นคือตัวแม่ที่เป็น ngo ต่างชาติ ที่เอาเงินมาสนับสนุน อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ ถ้าจัดการไล่ ngo ต่างชาติได้ คนไทยด้วยกันเองจัดการไม่ยาก

‘หมอวรงค์’ โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้ ‘คณะก้าวหน้า’ ท้าทาย ‘กกต.’ ย้ำ!! ต้องจัดการให้เด็ดขาด อย่าให้เป็นอันตราย ต่อประเทศชาติ

(27 เม.ย. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า #คณะก้าวหน้ากำลังท้าทายกกต.

ผมคิดว่ากกต. กำลังถูกท้าทาย จากคณะก้าวหน้า หลังจากออกมาเตือนเรื่องการเลือกสว. แม้คนของคณะก้าวหน้า จะอ้างว่า ต้องการรณรงค์ ให้คนมาลงสมัครสว. จะไปผิดตรงไหน

แต่ที่ประหลาด ที่คณะก้าวหน้าแนะนำ เว็บ senate67.com และอ้างว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคณะก้าวหน้า โดยอ้างว่าเป็นของภาคประชาชน (ผมคิดว่าประชาชนคงจะเชื่อ ว่าพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกับเว็บนี้)

แต่เมื่อเข้าไปดู ใน senate67.com มีการให้แสดงจุดยืนทางการเมือง ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล และอย่าลืมนะว่า พรรคก้าวไกลเคยใช้คณะก้าวหน้า เป็นผู้ดีเบตในเวทีเลือกตั้งสส.

บอกคณะก้าวหน้าเลยครับ ถ้าคุณรณรงค์ ให้ประชาชนมาลงสมัครสว.นั้นไม่ผิดครับ แต่ถ้าเก็บรายละเอียดจุดยืนทางการเมือง เก็บข้อมูลบุคคลไว้รวมกัน ตรงนี้ต่างหากที่จะนำไปสู่การฮั้วการเลือกสว.ได้(คนคิดไม่ดีมักจะทิ้งร่องรอยไว้เสมอ)

ทำไมเขาถึงต้องการสว.ที่เป็นพวกเขา อย่างน้อยการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่เว้นหมวดพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการเห็นชอบ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ

เรื่องแบบนี้ถ้ากกต.จัดการไม่ได้ ปล่อยให้การเลือกสว.ไม่สุจริต มีการฮั้วเกิดขึ้น จะอันตรายต่อประเทศมาก ผมขอย้ำนะครับว่า กกต.ต้องจัดการปัญหานี้ ถ้าปล่อย ต้องถือว่ากกต.มีส่วนทำให้ประเทศชาติเสียหาย

‘นพ.วรงค์’ ตั้งข้อสังเกต 5 ข้อ 'เงินดิจิทัล' เอื้อทุจริตวงกว้าง ซ้ำร้าย!! รายใหญ่จะรวยขึ้น รายย่อยจะถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น

(25 ก.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘พายุหมุนหรือลมบ้าหมู’ มีเนื้อหาระบุว่า…

วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา พวกเราคงได้ฟังคำแถลงของ ขุนคลัง ‘พิชัย-จุลพันธ์-เผ่าภูมิ’ แถลงเรื่องแจกเงิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ 4.5 แสนล้านบาท ให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป 50 ล้านคน ผมมีข้อสังเกตคือ…

1.ทำไมต้องเอาเงินสด ที่กว่าจะรวบรวมมาได้ มาแปลงเป็นเงินดิจิทัล และสุดท้ายจึงแปลงเป็นเงินสดอีกรอบ ทำไมไม่แจกเงินสด ทำแบบนี้ทำให้ระบบเงินบาทไทย มีเงินบาทสองระบบ นั่นคือเงินบาทดีกับเงินบาทเลว

2.การที่รัฐบาลกำหนด negative list คือรายการสินค้าที่ห้ามซื้อ ห้ามใช้หนี้ เท่ากับว่าพวกท่านได้สร้างกำแพงต้านพายุหมุนที่คาดว่าจะเกิด มันจะทำให้พายุหมุน กลายเป็นแค่ลมบ้าหมู

3.ผลของการกำหนด negative list และห้ามใช้หนี้ จะนำไปสู่การทุจริตในวงกว้าง นั่นคือนำเงินดิจิทัลหรือเงินบาทเลว ไปแลกเป็นเงินบาทดี และถูกหักหัวคิว ด้วยเทคนิคศรีธนญชัย ที่คนไทยคุ้นเคย เป็นโอกาสที่ นำเงินสีเทามาฟอกขาว

4.สุดท้ายแล้ว ผู้ค้าตลาดนัด รายย่อย แผงลอย จะเป็นผู้เสียประโยชน์ ประโยชน์ต่าง ๆ สิทธิการแลกเป็นเงินสด ซึ่งคือเงินบาทดี จะไปกองที่รายใหญ่ นายทุนธุรกิจใหญ่ จะร่ำรวยมากขึ้น รายย่อยจะจนและลำบากมากขึ้น นโยบายนี้คือการฆ่ารายย่อยอย่างเลือดเย็น

5.สิ่งที่ต้องถามไปยังรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขนาดให้คาดการณ์ผลต่อจีดีพี การเก็บภาษี ท่านยังตอบไม่ได้ ดังนั้นปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น จากความผิดพลาดในนโยบาย เงินดิจิทัลครั้งนี้ ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร ช่วยประกาศความรับผิดชอบล่วงหน้าไว้ด้วย

‘หมอวรงค์’ ซัด!! ‘ก้าวไกล’ ยังแถลงบิดเบือนคดียุบพรรค พาดพิง 5 เรื่อง ‘เซาะบ่อน-กร่อนทำลาย’ สถาบันฯ

(5 ส.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘แถลงการณ์พรรคไทยภักดี’ โดยระบุว่า

ต่อกรณีคำแถลงของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย คดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 สิงหาคมที่จะถึงนี้ พบว่ามีการปลุกปั่นบิดเบือน ให้ประชาชนเข้าใจผิดในหลาย ๆ กรณี พรรคไทยภักดีจึงมีความจำเป็น ที่ต้องนำข้อเท็จจริงมาอธิบายให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจ ต่อสิ่งบิดเบือนต่างๆ ที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

1.การที่นายพิธากล่าวว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของแต่ละประเทศ ย่อมเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการของสังคม ความพยายามทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขมีลักษณะหยุดนิ่ง ตายตัว พัฒนาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองของไทย

ซึ่งในความเป็นจริง สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยเรามีการปรับตัวมาตลอด และมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในแต่ละยุคสมัย จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนถึงปัจจุบัน การที่จงใจกล่าวให้ร้าย เซาะกร่อนบ่อนทำลาย และนำไปสู่การยกเลิกมาตรา 112 จึงไม่ใช่วิวัฒนาการเชิงสร้างสรรค์ต่อสถาบันฯ แต่ทำให้สถาบันฯ นำไปสู่การชำรุด ทรุดโทรม และ อ่อนแอ

2.กรณีที่กล่าวว่า การปกปักรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจกดปราบ ไม่ว่าจะด้วยกำลัง ในนามของกฎหมาย

ซึ่งในข้อเท็จจริง การปกครองระบอบประชาธิปไตยในทุกประเทศ ต้องอยู่บนพื้นฐานหลักการของกฎหมาย ทุกฝ่ายแม้แต่พรรคการเมือง ต้องเคารพกฎหมาย ถ้าไม่มีการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะไม่สามารถไปดำเนินคดีใดๆ ได้เลย ดังนั้นพรรคก้าวไกลต้องตระหนักความจริงเหล่านี้ นั่นคือถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็จะไม่มีใครดำเนินคดีได้

3.การนำประเด็นเกี่ยวกับความจงรักภักดีมากล่าวหาโจมตีกันในทางการเมือง นำไปสนับสนุนหรือเกี่ยวพันกับการทำรัฐประหาร

ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ในยุคปัจจุบัน และนำไปสู่การรัฐประหาร มีมูลเหตุหลักมาจาก การทุจริตคอร์รัปชัน และใช้อำนาจไม่ชอบ ไม่ใช่นำมูลเหตุเรื่องความจงรักภักดีมาเป็นเหตุผล แต่สิ่งที่น่าแปลกใจ นักการเมืองที่สร้างภาพว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย กลับไม่เคยสนใจปัญหาการทุจริตเหล่านี้

4.การอ้างว่า มีการบังคับใช้มาตรา 112 ในลักษณะเข้มงวดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ทั้ง ๆ ที่การบังคับใช้กฎหมายมาตรา112 ก็ล้วนเกิดจากการยุยงปลุกปั่น ให้เยาวชนจงใจจาบจ้วง ให้ร้ายสถาบันเบื้องสูง โดยพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีผู้จงใจกระทำผิด จะต้องถูกดำเนินคดี ไม่ใช่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดตามที่อ้าง สิ่งที่น่าสังเกตในช่วงปัจจุบัน การยุยงเยาวชนทำผิดลดน้อยลง การดำเนินคดี ตามมาตรา112 ก็จะลดน้อยลง

5.การที่อ้างว่า เล็งเห็นความจำเป็นที่จะเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112 ด้วยเจตนาที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์

สิ่งที่นายพิธากล่าวมา เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา112 เพื่อฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดี ระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไว้แล้ว นั่นคือผลที่เกิดขึ้น ทำให้มีการแยกสถาบันฯ กับความเป็นชาติไทย มุ่งลดสถานะการคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ใช้สถาบันกษัตริย์หวังผลคะแนนเสียงเลือกตั้ง สุดท้ายนำไปสู่การเซาะกร่อน บ่อนทำลาย ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม อ่อนแอ และการล้มล้างการปกครองฯ ได้ในที่สุด

พรรคไทยภักดีจึงขอเรียกร้อง พรรคก้าวไกล ที่อ้างว่าเป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย หยุดบิดเบือน ให้ร้ายในสิ่งที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และไม่ว่าผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ จะออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษต่อพรรคก้าวไกล ขอให้พรรคก้าวไกลเคารพคำตัดสินของศาล เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเดินหน้าต่อไปได้

‘หมอวรงค์’ เดินหน้าเสนอให้ยุบ ‘พรรคประชาชน’ หลังพบหลักฐานสำคัญ ชี้!! ‘ถิ่นกาขาว’ มีสาขาไม่ครบ เป็นพรรคที่สิ้นสภาพ เอามาดำเนินการไม่ได้

(11 ส.ค. 67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า ... 

#ทำไมต้องเสนอยุบพรรคประชาชน

ตามที่สื่อเสนอข่าวว่า พรรคประชาชนเกิดจาก การที่นำพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มาเปลี่ยนชื่อพรรค เนื่องจากพรรคการเมืองเป็นสถาบันสำคัญ ของระบอบประชาธิปไตย ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้

จากการตรวจสอบผ่านเว็บกกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ซึ่งเป็นพรรคต้นกำเนิด ของพรรคประชาชน มีสาขาพรรค3สาขา ภาคเหนือ 2สาขา และภาคกลาง 1 สาขา ไม่มีสาขาภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

กฎหมายพรรคการเมือง กำหนดไว้ว่าพรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพ ถ้ามีสาขาพรรคการเมือง เหลือไม่ถึงภาคละ1สาขา เป็นระยะเวลาติดต่อกัน1ปี นั่นหมายความว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ต้องมีสาขาครบทั้ง4ภาค ห้ามขาดหายไปติดต่อกัน1ปี ถ้าไม่ครบพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลต้องสิ้นสภาพ

ข้อมูลหน้าเว็บกกต. พบว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีสาขาพรรคเพียงแค่ 2ภาค ซึ่งไม่ครบ4ภาค และจัดตั้งตั้งแต่ปี 2555 เพื่อความโปร่งใส กกต.ต้องตรวจสอบและชี้แจง ให้ประชาชนได้รับทราบ รายละเอียดการมีสาขาในแต่ละปี

ถ้าพรรคถิ่นกาขาวมีสาขาไม่ครบ4ภาค ติดต่อกัน1ปี จะเข้าข่ายการสิ้นสภาพของพรรคตามกฎหมาย นั่นหมายความว่าพรรคประชาชน จะไม่สามารถนำพรรคที่สิ้นสภาพ มาดำเนินการเปลี่ยนชื่อพรรคได้

พรรคไทยภักดีจะไปยื่นเรื่องดังกล่าว ให้กกต.ตรวจสอบ และดำเนินการต่อไปให้เป็นไปตามกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top