Friday, 9 May 2025
ลูกชิ้นยืนกิน

'อดีตทูต​ฯ'​ ชี้กระแส​ Soft​ Power​ ไทย​ กำลังมา!! หลัง​ 'ลิซ่า'​ ดัน 'ลูกชิ้นยืนกิน'​ เป็นไวรัลทั่วโลก

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า... 

ลูกชิ้นยืนกิน By Lalisa นี่คือตัวอย่างของผลที่เกิดจาก Soft Power โดยใช้ศิลปินระดับโลกลูกหลานไทยบุรีรัมย์ เป็นสื่อ ! 

จริงอยู่ถึงแม้ว่าน้องลิซ่า จะเป็นผลผลิตการปั้นของเกาหลี แต่ด้วยความเป็น “คนไทย” ของน้องลิซ่า อันนี้ถือว่าเป็นความร่วมมือกันระหว่างเกาหลีและไทย 

ไทยเรามี “วัตถุดิบ” (ทรัพยากรบุคคล) ส่วนเกาหลีมี “พลังในการขับเคลื่อน” เมื่อรวมกันแล้วก็ = Soft Power ที่ทรงพลังทีเดียว

ช่วงนี้ต้องยอมรับว่า “พลัง” ของ Soft Power ไทยนั้นยังเป็นรองเกาหลี เพราะเกาหลีมีความพร้อมในทุกๆ​ ด้านมากกว่า มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเข้มแข็ง มี Unity มากกว่า เกาหลีตีโจทย์ทางด้าน Soft Power เก่งกว่า ก็ไม่เป็นไร ช่วงนี้ไทยเราก็อาศัยโดยสารร่วมขบวนรถไฟ Soft Power ของเกาหลีไปก่อน

ไว้เราโตจนมีศักยภาพเพียงพอ เราค่อยดำเนินการทำ Soft Power ด้วยตัวเราเอง ตอนนี้ขอให้ศึกษาวิธีการของเกาหลีเป็นตัวอย่างให้มากที่สุด เพราะเกาหลีถือว่าเป็นประเทศที่ผลักดันเรื่อง Soft Power เก่งที่สุดในโลก (ในสายตาผม) 

การที่เกาหลีทรงพลัง หรือถือเป็นมหาอำนาจทางด้าน Soft Power นั้น เขาได้ใช้ “ตัวหมากเบี้ย” หรือ เหล่าศิลปิน ดารา นักร้องที่เขาปั้นจนกลายเป็นศิลปินระดับโลกในการเป็น พรีเซนเตอร์ ในการขายสินค้าและบริการของเกาหลี จนขายดิบขายดี ไม่ว่า มือถือ รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ 

โดยให้ “ตัวหมากเบี้ย” (ศิลปิน ดารา นักร้อง) ขับเคลื่อนผ่าน MV / Concert / ภาพยนตร์ ทีวี ซีรีส์ เรื่องต่างๆ

แค่ศิลปิน ดารา นักร้อง มีภาพว่าใช้ของอะไร กินอะไร หรือแค่เอ่ยปากอยากกินอะไร แค่นี้เองแต่ผลที่ตามมามันกลายเป็น “พลังซื้อ” อันมหาศาลจากทุกมุมโลก

ลูกชิ้นยืนกิน ที่ลิซ่า พูดถึงน่ะเป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ เท่านั้น ส่วนเกาหลีใช้วิธีแบบนี้จนทำให้สินค้าเกาหลีขายดี เช่น ถ้าย้อนหลังไป 20 กว่าปี สมัยที่มือถือ Nokia / Motorola เป็นที่นิยมในตลาดนั้น ผู้คนยังไม่รู้จักหรือนิยมมือถือ Samsung เลย 

แล้วตอนนี้เป็นไง ? มือถือ Samsung ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ​ ของโลกได้ เพราะเกาหลีเก่งในการสอดแทรกความนิยมแบรนด์สินค้าเกาหลีลงไปในทุกอณูของ Soft Power ที่เกาหลีเล่น

สำหรับไทยเราก็เริ่มแบบ “ตั้งไข่” ได้แล้ว แต่ยังเดินเตาะแตะอยู่ ถึงแม้ยังไม่แข็งแกร่งเท่าเกาหลี แต่เราก็สามารถอาศัย “โอกาสร่วม” กับเกาหลีไปพลางๆ​ ก่อน

ตอนนี้ผมนึกในใจอยากให้ ลิซ่า แค่บ่นอยากกิน อยากทำอะไร หรืออยากได้อะไรจากเมืองไทยอีกสักทีละอย่างสองอย่าง รับรองสินค้าหรือบริการตัวนั้นจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแบบเดียวกับ “ลูกชิ้นยืนกิน” 

ถ้าเกาหลีเขาขายสินค้าจากอุตสาหกรรมหลักของเขาเช่น มือถือ รถยนต์ ได้ ไทยเราก็ต้องขายสินค้าและบริการต่างๆ​ ให้ติดปากคนทั้งโลกได้เช่นกัน

ตอนนี้กีฬามวยไทยก็ไปไกลแล้ว ต้มยำกุ้ง แกงมัสมั่น ส้มตำ ก็ไปแล้ว

เราต้องหาทางผลักดัน “ลูกชิ้นยืนกิน” หรือ ของทานเล่น Snack ต่างๆ ให้ติดปากคนทั่วโลกจนอยากมาชิมได้เช่นกัน

คนไทยในชิคาโก ปลื้ม!! ได้เจอ ‘ลิซ่า’ ตัวจริง!! แถมได้ทำเมนู ‘ลูกชิ้นยืนกิน-ส้มตำ’ ให้ทานอีกด้วย

เรียกว่าทำเอาชาวบลิ๊ง หรือแฟนคลับของวงแบล็กพิงก์ ฮือฮากันอีกครั้ง เมื่อ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล แห่งวง Blackpink ที่กำลังทัวร์คอนเสิร์ตที่อเมริกาอยู่นั้น โดยช่วงเวลานี้ สาว ๆ กำลังทัวร์กันอยู่ที่ United Center ชิคาโก

ซึ่ง ลิซ่า ได้ออกมาโพสต์ภาพลงในสตอรี่อินสตาแกรม เป็นภาพอาหารไทย อย่างลูกชิ้นยืนกิน ขนมถ้วย ชาไทย และขนมเปี๊ยะลาวา จนหลายคนบอกว่า ต้องเป็นเมนูฮิตเมนูต่อไป หลังจากเธอได้ออกมากินโรตีสายไหม จนทำให้เป็นกระแสไปก่อนหน้านี้

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nuttanon Inkaew ซึ่งอยู่ที่ร้านอาหารไทย Krung Thep Thai Cuisine ในชิคาโก ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เล่าความประทับใจว่า

“วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่สุดแสนประทับใจ ไม่คิดว่าจะมีโอกาสใกล้ชิด ได้ดูแล ใกล้ๆ ขนาดนี้ ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาส ได้ทำอาหารให้น้องกิน ตอนแรกที่เดินออกมา แล้วเห็นน้องแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขนลุกซู่!!! ทำอะไรไม่ถูกเลย ดีใจมากๆๆๆ

ตอนไปคุยกับน้อง ๆ เฟรนลี่มาก เราถามน้องว่าอยากกินลูกชิ้นยืนกินมั้ย น้องตอบว่ามีด้วยหรอคะ เราก็บอกว่าเดี๋ยวพี่ทำให้ เป็นพิเศษสำหรับน้อง น้องยิ้มและดีใจ พร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ เราก็รีบเขาไปทำอาหารให้น้องทันที ในใจตอนนั้นคือถามตัวเองกูฝันไปรึป่าววะ ???

น้องสั่ง ตำป่าน้ำปู แอดกุ้งสด แอดขนมจีน เราจัดชุดใหญ่ให้น้องเลยเสิร์ฟใส่ถาดพร้อมเครื่องเคียง น้องสั่งก๋วยเตี๋ยวเรือ ยำกุ้งสดไข่เเดง ผักบุ้งหมูกรอบ ข้าวผัด ฯลฯ แล้วเราก็ทำลูกชิ้นยืนกินมาให้น้อง แล้วถามน้องว่าอาหารโอเคมั้ยคับ น้องยิ้มแล้วตอบมาว่าอร่อยมากค่ะ ไม่ได้กินแบบนี้มานานแล้ว ที่เกาหลีก็ไม่มี แล้วเราก็ปล่อยให้น้องกิน

เราแอบมองน้องกิน เห็นน้องกินส้มตำ อย่างเอร็ดอร่อย ตบท้ายด้วยของหวาน ขนมถ้วย น้องสั่งอาหารเยอะ กินไม่หมด น้องน่ารักมากขอห่อกลับไปกินที่โรงแรม เราก็เอาอาหารไปแพคให้น้องกลับบ้าน จากนั้นน้องก็บอกเช็กบิล

'ตำรวจบุรีรัมย์' ส่งสำนวนคดีขโมยลูกชิ้นยืนกิน ยอมรับเห็นใจผู้กระทำผิด หลังทำไปด้วยความจน

(10 ก.ค.67) กรณีเจ้าของบริษัทผลิตลูกชิ้นยืนกิน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นำคลิปวงจรปิดไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าได้ถูกบุคคลในคลิปวงจรปิด ขโมยลูกชิ้นที่วางไว้หน้าร้านจำนวน 1 ถุง จากที่วางไว้ 2 ถุง มูลค่าประมาณ 300 บาท เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.00 น.

ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมือง สามารถจับกุม นายบุญเที่ยง หรือธง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 ม.5 บ้านหนองกระทิง ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ บุคคลในคลิปวงจรปิดมาสอบสวน

โดยนายบุญเที่ยงให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนก่อเหตุจริง สาเหตุที่ขโมยเพราะเห็นลูกชิ้นวางอยู่หน้าร้านไม่มีใครเฝ้า และร้านปิดแล้ว จึงเดินเข้าไปหยิบเอา ยอมรับว่าหาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวไม่ทัน ลูกชิ้นที่ได้ไป เอาไปทอดเป็นกับข้าวให้ลูกกิน ส่วนหนึ่งเอาไปฝากพ่อกับแม่ที่ป่วยอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากไม่มีคนมาประกันตัว

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้คนแสดงความเห็นใจนายบุญเที่ยง หรือ ธง เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และคาดว่าครอบครัวน่าจะยากจน แต่กฎหมายต้องดำเนินไปต่อตามกระบวนการ

ล่าสุด ร.ต.อ.สุพจน์ ตึกกระโทก พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี ได้ทำสำนวนส่งไปที่อัยการจังหวัดบุรีรัมย์วันนี้แล้ว เพราะจะครบกำหนดฝากขัง 48 วัน

ร.ต.อ.สุพจน์ กล่าวยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีที่น่าเห็นใจ จากการสอบสวน และสืบสวน พบว่าครอบครัวมีฐานะยากจน มีพ่อแม่แก่ และป่วยติดเตียง จริง ๆ แล้วส่วนตัวมองว่านายบุญเที่ยง ไม่มีเจตนาที่จะขโมย สังเกตจากสินค้าของร้านวางไว้ 2 ถุง แต่เอาไปถุงเดียว ผิดวิสัยของขโมยทั่วไปที่จะต้องเอาไปให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเป็นคดีความที่ยอมไม่ได้จะต้องเดินต่อไป

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 57 บ้านโนนแดง หมู่ 5 ต.หนองกระทิง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านพ่อแม่ของนายบุญเที่ยง ผู้ต้องหา พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว สร้างยังไม่เสร็จ ภายในบ้านอยู่ด้วยกัน 3 คือ พ่อ-แม่ และพี่สาวนายบุญเที่ยง

นายทอง พิทักษ์พันธุ์ อายุ 88 ปี พ่อนายบุญเที่ยง ยังนั่งอยู่หน้าบ้านอยู่ตลอดเวลา เมื่อสอบถามทราบว่า "กำลังรอลูกชายเอาอาหารมาให้" และไม่รู้ว่าลูกชายขโมยของมาให้กิน จนถูกตำรวจจับได้

นางอุย พิทักษ์พันธุ์ อายุ 89 ปี แม่นายบุญเที่ยง ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง และป่วยโรคไต บอกว่าปกติลูกชายจะเอาอาหารมาให้กินเป็นประจำ ครั้งล่าสุดเอาลูกชิ้นมาให้กิน ซึ่งลูกชายมาสารภาพว่า “ขโมยเขามาให้แม่กิน” หลังจากนั้นไม่เห็นลูกชายมาหาอีกเลย จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าลูกชายถูกจับดังกล่าว

ขณะที่นางพิมพ์พร พิทักษ์พันธุ์ อายุ 59 ปี พี่สาวนายบุญเที่ยง เล่าว่า น้องชายจะกลับบ้านอาทิตย์ละ 2 วัน หลังจากนั้นจะไปหากินอยู่ในตัวเมืองกับภรรยา หลังน้องชายถูกตำรวจจับไม่เคยได้ไปเยี่ยม เพราะต้องมีภาระดูแลพ่อแม่ซึ่งป่วยติดเตียง ส่วนพ่อแม่ได้แต่นั่งเฝ้าคอยลูกชายกลับมาหา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top