Sunday, 20 April 2025
ร้านนวด

เปิดใหม่กว่า 7,000 แห่ง - สปาเทรนด์มาแรง กทม. ครองแชมป์จำนวนร้านนวดมากสุด

(9 ธ.ค. 67) ธุรกิจนวดและสปาในประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยความนิยมจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในตลาดนี้ โดยข้อมูลของกรมสนับสนุนบริการเพื่อสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เดือนตุลาคม 2567 พบว่าทั้งประเทศไทยมีสถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น 17,897 แห่ง จำนวนนี้แบ่งเป็น ร้านนวดเพื่อสุขภาพ 16,609 แห่ง สปา 1,092 แห่ง และร้านนวดเพื่อความงาม 196 แห่ง ขณะที่ข้อมูลจากสมาคมสปาไทยระบุว่าธุรกิจนวดและสปามีการกระจายตัวทั่วประเทศในแต่ละภูมิภาค ดังนี้ ภาคกลาง 7,502 แห่ง พื้นที่ที่มีธุรกิจนวดมากที่สุด คือกรุงเทพฯ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมท่องเที่ยวสำคัญ

รองลงมาคือ ภาคใต้ 3,902 แห่ง เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีชื่อเสียงของไทย เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการผ่อนคลายของนักเดินทางทั่วโลก อันดับสามคือ ภาคอีสาน 2,292 แห่ง เป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตของร้านนวดสูงเนื่องจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้น  

อันดับสี่คือ ภาคตะวันออก 1,983 แห่ง ส่วนเขต EEC: 1,738 แห่ง เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากต่างชาติซึ่งส่งเสริมธุรกิจนวดในพื้นที่  

อันดับห้าคือ ภาคเหนือ 1,861 แห่ง  โดยเชียงใหม่และเชียงรายเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับธุรกิจร้านนวดเนื่องจากเป็นหัวเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยว และอันดับหกคือ ภาคตะวันตก 124 แห่ง ซึ่งแม้จะมีจำนวนน้อย แต่มีโอกาสเติบโตจากการพัฒนาในด้านการท่องเที่ยวและบริการสุขภาพยังคงสูง

ข้อมูลจากสมาคมสปาไทยยังชี้อีกว่า แม้ธุรกิจนวดและสปาเคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 แต่กลับฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีการเปิดธุรกิจใหม่มากกว่า 7,000 แห่งหลังโควิด การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากธุรกิจร้านนวดเพื่อสุขภาพแล้วสปาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงโดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวงและหัวเมืองใหญ่ สอดคล้องกับเทรนด์ของชาวไทยและชาวต่างชาติที่นิยมการหากิจกรรมผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

นอกจากนี้ การสนับสนุนจากภาครัฐด้านการลงทุนในธุรกิจบริการสุขภาพ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เช่น ระบบจองออนไลน์และแอปพลิเคชันบริการนวดและสปา ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์และความสะดวกสบายให้กับลูกค้า  

สบส. รุดตรวจร้านนวด ย่านบางกะปิ เคลียร์เหตุลูกค้าถูกล่วงละเมิด

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงตรวจร้านนวด ย่านบางกะปิ เคลียร์เหตุลูกค้าถูกล่วงละเมิดโดยหมอนวด ย้ำผู้ประกอบกิจการให้ควบคุมกำกับผู้ให้บริการอย่างใกล้ชิด หากมีการกระทำอนาจาร หรือล่วงละเมิดในร้าน ต้องรับผิดตามกฎหมายสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ โดยอาจถูกระงับ หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการได้

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อถึง หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งเข้ารับบริการจากร้านนวดเพื่อสุขภาพ ย่านบางกะปิ แต่กลับถูกหมอนวดชายกระทำอนาจารนั้น เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรม สบส. ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกองกฎหมาย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ สถานประกอบการเพื่อสุขภาพดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าสถานประกอบการเพื่อสุขภาพดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการอย่างถูกต้องกับ กรม สบส. พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงดำเนินการสอบถ้อยคำจากผู้เกี่ยวข้อง โดยผู้รับอนุญาตประกอบกิจการได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ฯว่า ได้รับการติดต่อจากผู้รับบริการว่าได้มีการแจ้งความที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว ซึ่งทางร้านก็ได้มีการเรียกตัวพนักงานชายรายดังกล่าวมาทำการสอบถาม โดยเจ้าตัวได้ให้การปฏิเสธ ทางร้านจึงได้นัดหมายพูดคุยกับผู้รับบริการที่สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว  โดยผู้รับบริการได้ถอนแจ้งความ เนื่องจากผู้รับบริการได้พูดคุยเข้าใจกันแล้ว และได้รับคำขอโทษจนเป็นที่พอใจ รวมถึง ทางร้านให้ผู้ให้บริการรายดังกล่าวพ้นสภาพผู้ให้บริการขอทางร้านแล้ว ผู้รับบริการจึงไม่ติดใจเอาความแต่อย่างใด 

อย่างไรก็ตาม กรม สบส.ขอกำชับให้ผู้ประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ทั้งร้านนวด และสปา ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้รับบริการเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งในด้านสถานที่ มาตรฐานการให้บริการ และการควบคุมกำกับผู้รับบริการให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน ฯลฯ ซึ่งในกรณี ที่กรม สบส. ตรวจพบว่ามีการปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำอนาจาร หรือล่วงละเมิดทางเพศในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพแล้ว ผู้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการฯ หรือเจ้าของร้านจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานประกอบเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาตรา 28 ฐานปล่อยให้มีการกระทำหรือบริการที่ขัดต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีในสถานประกอบการฯ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท และอาจได้รับโทษในการสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาต และในส่วนของผู้ให้บริการที่กระทำความผิด จะถูกตัดชื่อออกจากทะเบียนผู้ให้บริการ โดยจะไม่มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนประกอบอาชีพนวดอีกต่อไป และต้องรับโทษตามกฎหมายอาญา
ต่อไปด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top