Saturday, 7 June 2025
รายได้

เปิดสเปค สาวเกาหลี ดูจากรายได้ ของฝ่ายชายเป็นหลัก ขั้นต่ำต่อปี ต้องมี 1 ล้านอัพ และถือครองอสังหาริมทรัพย์ อีกต่างหาก

ผู้ใช้ TikTok ที่มีชื่อว่า priminseoul ได้โพสต์คลิปสั้น เกี่ยวกับ สเปคของสาวเกาหลี ในการที่จะหาคู่ครอง และแต่งงาน โดยมีใจความว่า ...

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมไม่เคยเห็นผู้หญิงเกาหลีเป็นแฟนหรือว่าแต่งงานกับผู้ชายไทยเลย.. ยังไงก่อนจะบอกสาเหตุ มาดูอัตราการแต่งงานของคนเกาหลีกับคนต่างชาติ ถ้าเป็นผู้ชายเกาหลี สัญชาติของผู้หญิงต่างชาติที่ผู้ชายเกาหลี จะแต่งงานด้วยมากที่สุด ก็คือจีน เวียดนาม ไทย ญี่ปุ่นและคนอื่นตามลำดับ ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงเกาหลีจะแต่งงานกับผู้ชายสัญชาติจีน อเมริกา เวียดนาม แคนาดา อังกฤษ และอื่น ๆ ตามลำดับ

ทุกคนเห็นไหมผู้ชายเกาหลีส่วนใหญ่ จะเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่มาจากเอเชีย แต่ถ้าผู้หญิงจะเลือกแต่งงานกับคนอเมริกา ยุโรปเป็นส่วนใหญ่ จากผลสำรวจปี 2020 พบว่าคู่ครองที่ผู้หญิงเกาหลีอยากได้เนี่ย ก็จะดูจากสิ่งพวกนี้เป็นหลัก แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ รายได้กับทรัพย์สินที่ผู้ชายต้องมี ขั้นต่ำต่อปีต้องเริ่มที่ 40 ถึง 60 ล้านวอน ต้องมีทรัพย์สินหรือถือครองอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ 200 ล้านวอนซึ่งถ้าผู้ชายต่างชาติหรือผู้ชายคนนั้นคนไหนที่มีคุณสมบัติตรงตามนี้ ก็ถือว่าน่าจะเป็นไปได้

แต่ก็อย่างที่รู้กัน รายได้ขั้นต่ำของประเทศเราเนี่ย แทบเทียบไม่ติดเลย หรือที่จะเป็นไปได้ก็จะเป็นพวกนักธุรกิจ ดารานักแสดง พวกนี้ เป็นไงบ้างคะ พอเห็นสเปคของสาวเกาหลีแล้วหนุ่มไทยยังสู้อยู่ไหมคะ

‘สอดอ Style’ ทำคลิป Reels 28 วัน กวาดรายได้ 2.5 ล้านบาท ชาวเน็ตตาโต!! แย้มถามเคล็ดลับ เจ้าตัวถึงขั้นมาแนะวิธีทำคลิป

(2 ส.ค. 66) บอกได้คำเดียวว่ามาแรงจริงๆ สำหรับ Facebook Reels ฟีเจอร์จากทางเฟซบุ๊ก (Facebook) เปิดให้ใช้บริการตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2022 แต่เพิ่งมาฮิตกันในตอนนี้หลังมีหลายคนลงคลิปแล้วได้เงินจาก Reels

โดยคลิป Reels Facebook สามารถสร้างรายได้ให้กับเหล่าครีเอเตอร์ผ่านระบบ Reels Play  แต่จะต้องมีเงื่อนไข คือ มียอดผู้เข้าชมคลิปวิดีโอ Reels อย่างน้อย 1,000 ครั้งภายในช่วง 30 วันใน Facebook Reels

ทั้งนี้ ‘เส้นด้าย’ เจ้าของเพจ สอดอ Style หรือ พิมพ์ลดา แววไธสง เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาเปิดเผยรายได้จาก Facebook Reels หลังเธอลงคลิปมา 28 วัน โดยเธอระบุว่า…

“รายได้ 28 วันจากคลิป Reels แค่ 70,435 us x 36 บาท = 2,532,400 บาท ไม่ต้องขายของกันแล้ววววว ต้องเปิดคอร์สสอนเหมือนคนได้ 10,000 us แตกไหม 5555 แต่นี้ 70,435 us ยังไงดีล่ะ”

นอกจากนี้เธอยังแนะนำวิธีการทำคลิป Facebook Reels ให้ชาวเน็ตที่เข้ามาถามเธอว่าทำยังไงให้คลิปปังคนดูเยอะจนเป็นไวรัล ว่า…

กฎการทำ Reels ง่ายๆ
- เปิดบริษัท ผูกบัญชีบริษัท (สำหรับคนที่ทำได้เยอะ แต่ถ้าไม่เยอะไม่ถึงเดือนละ 100,000 บาท ไม่เป็นไรบัญชีส่วนตัวได้)
- ต้องสร้างรายได้ให้เกิน 100 us ถ้าทำไม่ถึง มันไม่ให้เงิน ที่ได้ยิบย่อยก็จะถูกตัดไปเฉยๆ เสียทิ้ง
- ทำคลิป Reels สั้นๆ ไม่ต้องเอฟเฟกต์เยอะ
- ไม่จำเป็นอย่าใส่เพลง
- อย่าเอาคลิปที่มีลายน้ำมาลง
- คอนเทนต์ต้องมีแก่นคมๆ
- คลิปที่คนดูวนหลายรอบ จะได้เงินดี
- ยอดวิวมีผล ต่อยอดเงิน
- ถ้าคุณดังทุกอย่างมันก็ง่าย ถ้าเพิ่งเริ่มแค่ต้องหาคาแรคเตอร์ตัวเองให้เจอ จบ ร๊วยย

งานนี้ชาวเน็ตที่เข้ามาเห็นต่างเอาเธอเป็นแบบอย่าง พร้อมกับแซวให้เปิดคอร์สสอนคนทำคลิป Facebook Reels จริงจังเลย

‘ต้นหอม’ อวด!! ไลฟ์สดขายของ 4 ชม. โกยรายได้ถึง 5 แสน พร้อมฝันหวาน หวังปลดหนี้ทั้งหมด 10 ล้าน ภายใน 2 ปี

(8 ส.ค.66) เอฟซีตาลุกพรึ่บ ๆ หลังจากที่ ‘ดีเจต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์’ โพสต์เผยยอดขายของออนไลน์ แค่เพียง 4 ชม. ฟันรายได้ถึง 5 แสน งานนี้ต้นหอมเผย ใครไม่อวด ฉันอวด ฝันจะปลดหนี้ 10 ล้าน ไม่เกิน 2 ปี งานนี้ตบปากขาเม้าท์ที่บอกว่าเจ้าตัวอยู่ในช่วงขาลงได้ชะงัดเลย

“4 ชม. กับยอดขายครึ่งล้าน!! เอาซี้!! ฝันที่จะปลดหนี้ 10 ล้าน ไม่เกิน 2 ปี สู้สิวะอิหอมมมม!! เกียมเปิดโต๊ะวีไอพีต่อ5555

ใครไม่ชอบคนขี้อวด ก็ต้องอดทนดูจ๊ะ ฉันอวด555 4 ชม.กับรายได้ 5 แสนนี้ คืออวดดดด!! ไม่ได้จะชวนมาขายอะไรทั้งนั้น อวดก็คืออวด กุมีแค่นี้ 555 ปล.แต่งานอีเวนต์ยังรับเหมือนเดิมนะคะคุณลูกค้า ไม่ต้องตกใจไปค่ะ งานไหนดีลไว้ดูแลให้เหมือนเดิมค่ะคุณลูกค้าขา งดยืมตังค์ รายได้เยอะ หนี้ก็เยอะ เงินใครเงินมันไม่ยุ่งกันค่ะ”

กำไรอื้อ!! ‘การบินไทย’ เปิดกำไรไตรมาส 2 สูงสุดในรอบ 20 ปี

กำไรอื้อ!! ‘การบินไทย’ เปิดกำไรไตรมาส 2 สูงสุดในรอบ 20 ปี กว่า 8.5 พันล้านบาท เปรียบเทียบผลการดำเนินงานระหว่าง 6 เดือนแรก ของปี 2566 และ 6 เดือนแรก ของปี 2565 จะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย!!

‘จีน’ เผย ภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรโตแรงแซงโค้ง หลังปี 2023 ทำรายได้-กำไร รวมกัน 31.6 ล้านล้านหยวน

(17 ก.พ. 67) สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานข่าวว่า สหพันธ์อุตสาหกรรมเครื่องจักรแห่งประเทศจีน รายงานว่า อุตสาหกรรมเครื่องจักรของจีนมีรายได้และกำไรเติบโตขึ้นในปี 2023 แม้เผชิญความท้าทายบางประการ

รายงานระบุว่า อุตสาหกรรมเครื่องจักรของจีนทำรายได้ 29.8 ล้านล้านหยวน (ราว 149 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบปีต่อปี และทำกำไรราว 1.8 ล้านล้านหยวน (ราว 9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1

จำนวนผู้ประกอบธุรกิจเครื่องจักร ซึ่งมีรายได้ทางธุรกิจอย่างน้อย 20 ล้านหยวน (ราว 100 ล้านบาท) ของจีน อยู่ที่ 121,000 ราย เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10,000 ราย

ด้านสินทรัพย์รวมของผู้ประกอบธุรกิจเครื่องจักรรายใหญ่ของจีนอยู่ที่ 36 ล้านล้านหยวน (ราว 180 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบปีต่อปี

'อลงกรณ์' ผนึกนักบริหารทุกภาคส่วนจัดตั้งสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy) ส่งเสริม 12 อุตสาหกรรมใหม่ หวังอัปเกรดประเทศไทย สู่ประเทศรายได้สูง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานมูลนิธิเวิล์ดวิว ไครเมทและอดีตประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมเปิดเผยวันนี้ว่า สืบเนื่องจากประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่า2%ติดต่อกันหลายปีทำให้ติดกับประเทศรายได้ปานกลางขณะที่การส่งออกอ่อนแรงลงมากสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกลดลงและการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยมีเพียง 1.1 % ของจีดีพี.ประกอบกับประเทศไทยต้องเผชิญกับโอกาสและความท้าทายจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะโลกร้อน โรคระบาด ความมั่นคงทางอาหาร สังคมสูงวัย ดิจิตอลดิสรัปชั่น และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรม (Innovation Economy) บนฐานความรู้และการวิจัย ตนจึงได้ผนึกความร่วมมือกับนักบริหารทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยจัดตั้งสถาบันเอฟเคไอไอ. ไทยแลนด์ (FKII Thailand: Field for Knowledge Integration and Innovation) ในรูปของธุรกิจเพื่อสังคม100% (Social Enterprise) เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมนวัตกรรมและองค์ความรู้รวมทั้งเป็นตัวกลางเชื่อมประสานระหว่างหน่วยงานวิจัยกับภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้งานวิจัยถูกนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ครอบคลุมงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (First S-curve)และอุตสาหกรรมใหม่ (New S-curve)โดยเฟสแรกจะเน้นการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมทางด้านเกษตร อาหาร สิ่งแวดล้อม เอไอ.เทคโนโลยีและเทคโนโลยีดิจิตอลในกลุ่มเศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy) เศรษฐกิจคาร์บอน (Carbon Economy) และ เศรษฐกิจดิจิตอล (Digital Economy)

ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวFKII Thailand ในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ เวลา 9.00-12.00 น.ที่สวนเสียงไผ่ ทาวน์อินทาวน์ สำหรับนักบริหารและนักวิจัยภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการก่อตั้งสถาบันเอฟเคไอไอ.ไทยแลนด์เช่น อดีตรัฐมนตรี อลงกรณ์ พลบุตร ประธานมูลนิธิเวิล์ดวิว ไครเมทและอดีตประธานกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม นพ.บุญเทียม เขมาภิรัตน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ ดร.สถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ อดีตผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ดร.สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ ที่ปรึกษาและอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร นายประพันธ์ บุณยเกียรติ อดีตประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย 

ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีนและอดีตอัครราชทูต (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ กรุงปักกิ่ง นายชยดิฐ หุตานุวัตร ประธานสมาคมสถาบันทิวา นายกฤชฐาโภคาสถิตย์ อดีตประธานอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซ นายภณวัชร์นันท์ ไกรมาตย์ นายกสมาคมนักประดิษฐ์และนวัตกรรมแห่งประเทศไทย นายตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมดิจิตอลเทรด ดร.สุทัศน์ ครองชนม์ นายกสมาคมไทย IoT นายจิรวัฒน์ ตั้งกิจงามวงศ์ นายกสมาคมธุรกิจไม้ ประธานผลิตภัณฑ์ไม้ Asian อุปนายกสมาคมเครื่องเรือนไทย นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด อดีตคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรและสหกรณ์ นายณฐกร สุวรรณธาดา อดีตกรรมการคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อการเกษตร นายสุเมฆ ปัณฑรานุวงศ์ ประธานมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย นายสานิตย์ จิตต์นุพงศ์ สำนักงานโครงการข้าวรักษ์โลก เป็นต้น

โดยได้เชิญองค์ปาฐกร่วมแสดงวิสัยทัศน์ อาทินายเกรียงไกร เธียรนุกุลประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุลประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานหอการค้าไทย ฯลฯ

'ตั้ง อาชีวะ' ชี้!! อยู่นิวซีแลนด์ ทำงานรายได้เยอะ แม้ภาษีโหด แต่ก็คุ้มกว่าเมืองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ก.ย. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Eakapop Luara' ของนายเอกภพ เหลือรา หรือ 'ตั้ง อาชีวะ' เสื้อแดงฮาร์ดคอร์ และผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาลี้ภัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อปี 2557 ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

Maintenance Engineer and Power.

งานเครื่องกล งานไฟฟ้ากำลัง ขอให้บอกซ่อมได้หมด

ตอนอยู่ไทยเป็นแค่หนุ่มโรงงาน งานดูแลเครื่องจักรซ่อมเครื่องจักรเงินเดือนสูงสุด+OT ได้แค่ 11,005 บาท แถมการเป็นเด็กอาชีวะไทยแม่งเป็นแค่เด็กชายขอบด้วย

แต่พอมา New Zealand งานสายช่างสายอาชีพแบบนี้ เงิน 6 หลัก 7 หลักสบาย ๆ เลยครับ แล้วแบบนี้หรอจะมาคิดแทนผมว่าพวกลี้ภัยอยากกลับไทย ถุยเถอะ ให้ผมทิ้ง NZ ไปเอาเงินหมื่นกว่าบาทที่ไทยไม่ใช่ผมละ ถ้าจะมาขิงอีกว่าเมืองนอกจ่ายภาษีโหด โทษที รายรับรายได้ก็ได้โหดกว่าภาษีที่เสียไปก็แล้วกัน

"ไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเรา"

นั่นมันบ้านมึงไม่ใช่บ้านกู5555

'อลงกรณ์-เอฟเคไอไอ.' ชู 'สาหร่าย' คือทองคำเขียวเป็นพืชแห่งอนาคตภายใต้แนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ตอบโจทย์สร้างรายได้ใหม่เพิ่มความมั่นคงอาหารลดโลกร้อนเร่งยกระดับเกษตรมูลค่าสูงพัฒนาอุตสาหกรรมสาหร่ายครบวงจร ตั้งเป้าตลาดโลก 2.6 ล้านล้าน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบันเอฟเคไอไอ.และประธานที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยวันนี้ภายหลังบรรยายพิเศษในงานประชุมวิชาการสาหร่ายและแพลงตอนแห่งชาติ ครั้งที่ 11 ที่เชียงใหม่ จัดโดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ว่า 

ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนา 'สาหร่าย' หรือทองคำเขียวของไทยเป็นพืชและอาหารแห่งอนาคต (Future Crop & Future Food) ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy)โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมผสานภูมิปัญญาไทยยกระดับสู่เกษตรมูลค่าสูง เพิ่มรายได้ประเทศและชุมชน ลดการนำเข้าและตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร พร้อมลดปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน

จุดเด่นของการส่งเสริมสาหร่ายคือ
1. ลดการขาดดุลการค้าและเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ไทยนำเข้าสาหร่ายติดท็อปเทนของโลก การพัฒนาการเพาะเลี้ยงและแปรรูปในประเทศจะช่วยลดการพึ่งพาต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตร เช่น บะหมี่สาหร่าย อาหารเสริม เครื่องสำอาง และปุ๋ยชีวภาพ 
2. สนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ( Carbon Neutrality ) 2050  สาหร่ายช่วยดูดซับ CO₂ ได้มากกว่าไม้บก5เท่าและเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 สอดคล้องกับทศวรรษวิทยาศาสตร์มหาสมุทรแห่งสหประชาชาติ  
3. ขยายผลสู่ชุมชน 50 จังหวัด ผ่านความร่วมมือของกรมประมง และเครือข่ายวิจัย เช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จันทบุรี) และฟาร์มทะเลตัวอย่าง (เพชรบุรี) เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงและแปรรูปสู่เกษตรกร
4. ต่อยอดอุตสาหกรรมสีเขียว แปรรูปสาหร่ายเป็น พลาสติกชีวภาพ(Bioplastic)และ น้ำมันชีวภาพ (Biofuel)ลดการใช้พลาสติกจากปิโตรเลียม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์โลกที่หันมาใช้วัสดุย่อยสลายได้ 

ทั้งนี้เริ่มมีการพัฒนาสาหร่ายอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2563 ตามนโยบายอาหารแห่งอนาคต( Future Food Policy)ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งตนเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีในขณะนั้นรับนโยบายมาส่งเสริมสาหร่ายทะเล(Seaweed)และสาหร่ายน้ำจืดตั้งแต่การผลิต การวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ การแปรรูปและการตลาด 

โดยมอบหมายให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งและศูนย์เพาะเลี้ยงน้ำจืดเร่งเดินหน้าในการรวบรวมพันธุ์ การเพาะเลี้ยงและการเผยแพร่พันธ์ุดำเนินการในพื้นที่ 50จังหวัด แบ่งเป็น 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลรวมกทม.และอีก 28 จังหวัดโดยความร่วมมือระหว่าง กรมประมง กระทรวงเกษตรฯ. กระทรวงอว.  สวทช. ศูนย์ความเป็นเลิศสาหร่าย วว. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้า สภาเอสเอ็มอี. มูลนิธิเวิลด์วิว อินเตอร์เนชั่นแนล มูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมตและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC: Agritech and Innovation Center) มีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งและศูนย์เพาะเลี้ยงน้ำจืดทั่วประเทศเช่นศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน (จันทบุรี) ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งแหลมผักเบี้ยและฟาร์มทะเลตัวอย่าง (เพชรบุรี) ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงและแปรรูปสู่ฟาร์มเกษตรกร

โดยพัฒนาสาหร่ายเป็นผลผลิตและผลิตภัณฑ์ชุมชน( Community based product)สร้างแหล่งอาหารและรายได้ใหม่ให้ประชาชนในท้องถิ่นและเป็นวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมต่างๆ

ยิ่งกว่านั้นยังมีการพัฒนาสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินกว่า40ปีโดยคุณเจียมจิตต์ บุญสม ผู้ตั้งชื่อ 'สาหร่ายเกลียวทอง' โดยขยายผลเป็น“บุญสมฟาร์ม”ที่อำเภอแม่วาง เชียงใหม่มีพื้นที่เพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลิน่าไม่ต่ำกว่า 40,000 ตารางเมตร รวมถึงศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย(ALEC) ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)ร่วมกับปตท.พัฒนาสาหร่ายน้ำจืดมากว่า 20 ปีโดยเฉพาะโครงการน้ำมันชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพอัลจินัว

ปัจจุบันยังมีอีกหลายบริษัทหันมาพัฒนาสาหร่ายเชิงพาณิชย์เช่น บริษัทบางจากฯ บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง บริษัทล็อกซเล่ย์บริษัทไทยยูเนี่ยน บริษัทเถ้าแก่น้อย บีจีซี (BGC) และ บริษัทOverDaBlueซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ รวมทั้งโครงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายในกระชังของมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมตร่วมกับชุมชนชาวประมงที่จังหวัดกระบี่และเป็นต้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมนและอดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวว่า "สาหร่ายไม่ใช่แค่พืชท้องถิ่น แต่เป็น“ทองคำเขียว”ที่จะพลิกโฉมเกษตรมีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของไทยและของโลกในมิติเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
1. อุตสาหกรรมอาหาร สาหร่ายใช้ในอุตสาหกรรมอาหารคิดเป็น 77%ของตลาด (ปี 2024) โดยเป็นส่วนประกอบในอาหารแปรรูป อาหารเสริม และเครื่องดื่ม  ตัวอย่างเช่น สาหร่ายโนริ วากาเมะ และผงสาหร่ายในผลิตภัณฑ์วีแกน  
2. อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง โดยสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ เช่นฟูคอยแดนและแอลจีเนตสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและยา  
3. ความยั่งยืนสิ่งแวดล้อม สาหร่ายดูดซับก๊าซเรือนกระจกคาร์บอนไดออกไซด์( CO₂ ) มากกว่าต้นไม้5เท่า และใช้ทำผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-based Packaging)  เช่นบริษัทZeroCircleของอินเดีย
4. เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ความต้องการเชื้อเพลิงสะอาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สาหร่ายเป็นวัตถุดิบผลิตน้ำมันชีวภาพพลังงานทางเลือก และน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) ด้วยเหตุนี้รัฐบาลในหลายประเทศสนับสนุนการเพาะเลี้ยงสาหร่ายอย่างจริงจัง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย อเมริกา ไอซ์แลนด์ และล่าสุด อินเดียตั้งเป้าผลิต 1 ล้านตันต่อปีภายในปี 2025

การส่งออกเป็นอีกเป้าหมายสำคัญเพราะมูลค่าตลาดโลกของสาหร่ายใน ปี 2024สูงถึง 35.35 พันล้านดอลลาร์ (1.5 ล้านล้านบาท)ทั้งตลาดการเพาะเลี้ยงและตลาดสาหร่ายเชิงพาณิชย์ คาดการณ์ปี 2025 จะเพิ่มเป็น 50.03 พันล้านดอลลาร์(1.6 ล้านล้านบาท) และ 80 พันล้านดอลลาร์ (2.6 ล้านล้านบาท) ในปี 2029 ด้วยอัตราเติบโดปีละกว่า 12.1%.“


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top