Tuesday, 22 April 2025
ราชประสงค์

เปิดช่วงเวลา 6 เวียดนามดับ หลังถูกวางยาพิษคาโรงแรมดังกลางกรุงฯ พบเสียชีวิตมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ

(17 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวเปิดเผยไทม์ไลน์ของ 6 นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่ถูกวางยาพิษดับในโรงแรมดังกลางกรุงฯ ของวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- 10:14:13 น. เด็กรับผ้าเดินเข้าห้อง
- 10:15:37 น. เด็กรับผ้าออกมาจากห้อง
- 11:20.31 น. มีเด็กรับผ้าเอาเสื้อคลุมมาส่ง
- 11:20:54 น. เด็กรับผ้าเดินกลับมาจากบริเวณหน้าห้อง
- 12:00:36 น. Mr. Tran dinh phu เดินออกมาจาก ถือถุงพลาสติกสีขาว
- 13:01:09 น. พนักงานทำความสะอาด เดินออกจากห้องติดกัน แล้วเข้าห้อง (ที่เกิดเหตุ)
- 13:13:04 น.พนักงานทำความสะอาดเอาผ้าปูที่นอนออกมาจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:15:57 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าปู เข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:29:20 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:30:44 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:36:19 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้ออกมาจากห้อง
- 13:37:39 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้เข้าไป
- 13:40:25 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกมาห้อง พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
- 13:52:44 น. Room service มารอหน้าห้อง 2 คน
- 13:53:36 น. Room service นำอาหารมาเสิร์ฟ 3 ถัง
- 13:58:18 น. Room service ออกจากห้อง
- 14:04:33 น. Mrs. Thi nguyen phuong ถือลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าไป
- 14:05:26 น. MR. Pham hong thanh สวมเสื้อกางเกงขาว ลากกระเป๋าเดินทางสีดำ เดินเข้าห้อง
- 14:09:41 น. Mrs. Thi nguyen thuong lan สวมเสื้อสีชมพู ลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าห้อง
- 14:09:56 น. Mr. Hung dang van สะพายกระเป๋าสีดำแดง มือซ้ายถือกระเป๋าดำ มือขวาถือกระเป๋าเทา เดินเข้าห้อง
- 14:11:29 น. Mrs.sherine chong/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong pham thanh/ Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง

📌*****(Mrs. Thi nguyen phuong lan อยู่ห้องคนเดียว)

- 14:13:38 น. Mr. Hung dang van เดินกลับเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 14:14:20 น. Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง
- 14:15:04 น. Mr. Hung dang van เดินกลับมาที่ห้องถือถุงพลาสติก / Mr. Dinh tran phu ลากกระเป๋าเดินทางสีดำเดินตามมา แล้วส่งกระเป๋าเดินทางให้ Mr.Hung ดันกระเป๋าเดินทางเข้าห้อง และทั้งสองเดินออกมา
- 14:17:43 น. Mr. Hung เดินกลับเข้าห้อง
- 14:17:51 น. เริ่มทยอยเดินเข้าห้อง 502 ที่เกิดเหตุ โดย Mr.Dint/Mrs.sherine/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong Pham
- 14:17:52 น. ทุกคนอยู่ภายในห้อง

ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่คาดว่าชาวเวียดนามเสียชีวิตหลัง 13.53 น. ของวันที่ 15 ก.ค.  เพราะเมนูอาหารที่สั่งเป็นอาหารจานเดียว 6 จาน วางอยู่ห้องรับแขก แต่อาหารที่ Room service นำมาเสิร์ฟยังไม่ได้ถูกรับประทาน แต่มีเครื่องดื่มประเภทชากาแฟ จำนวน 6 ถ้วย ซึ่งมีเศษตกค้างอยู่บริเวณก้นถ้วย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปตรวจสอบแล้ว โดยจำนวนถ้วยกาแฟตรงกับผู้เสียชีวิต 6 คน ทั้งนี้ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือขัดขืนใดๆ

‘ชาวเวียดนาม’ แห่อาลัย โพสต์สุดท้าย ‘ช่างแต่งหน้าชื่อดัง’ หลังดับปริศนาโรงแรมหรู ย่านราชประสงค์ พบ!! มาไทยบ่อย

(17 ก.ค. 67) จากกรณีเกิดเหตุเสียชีวิตภายในโรงแรมดัง ย่านราชประสงค์ เบื้องต้นทราบมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวเวียดนาม และชาวอเมริกัน กลางดึกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมนั้น ภายหลังจากชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 502 โดยเป็นภาพวงจรปิดของวันที่ 15 ก.ค. ช่วงเวลาตั้งแต่เวลา 14.09 น. ถึง 14.17 น. ซึ่งภาพบันทึกเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเดินลากกระเป๋า ทยอยเข้า-ออกห้องพัก 502 โดยนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ภายในห้อง และภาพสุดท้ายคือทั้ง 6 คนได้เดินทยอยเข้าห้องพักดังกล่าว จากนั้นก็ไม่มีใครออกจากห้องอีกเลย

โดยมีรายงานจากสื่อมวลชนของประเทศเวียดนามระบุว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลมีชื่อเสียง คือ นายดินห์ ตรัน ภู (Mr.DINH TRAN PHU) อายุ 36 ปี เป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กของช่างแต่งหน้ารายดังกล่าว Phú Gia Gia (I’m Makeup Artist) ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.5 หมื่นคน ได้มีชาวเวียดนามเข้าไปแสดงความเสียใจ และอาลัยต่อการจากไปของเขาอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า ขอโทษนะที่ฉันอยู่ไกล ฉันหวังว่าคุณจะจากไปอย่างสงบและกลับไปยังแผ่นดินเกิดของคุณ, คุณเป็นบุคคลที่มีความสามารถในอุตสาหกรรมการแต่งหน้าที่ฉันชื่นชมมาก ๆ , นี่เรื่องจริงหรือเปล่า, หลับให้สบายนะ, อาจารย์ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ครูและนักเรียนของเราโทรหาหลายวันแล้วบอกว่าคุณไปไทยเพื่อทำการเรียนการสอน, พวกเราเพิ่งคุยกันเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย

ดินห์ ตรัน ภู เป็นเมกอัพอาร์ตติสที่รู้จักกันในชื่อ Phú Gia Gia โดยเขามีทีมงานที่มากความสามารถและเป็นมืออาชีพ ได้รับการเชิญให้ร่วมงานในวงการแต่งหน้า เป็นวิทยากร รวมถึงยังมีลูกศิษย์ที่เข้าคอร์สเรียนกับเขา โดยเขาทำงานกับทั้งงานอีเวนต์ วงการบันเทิง และนางงามด้วย

อย่างไรก็ตาม พบว่า โพสต์สุดท้ายของ Phú Gia Gia ช่างแต่งหน้าคนดัง คือบัตรเชิญเข้าร่วมงานเกี่ยวกับการแต่งหน้าที่นครโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าตัวได้โพสต์ภาพร้านผัดไทยทิพย์สมัย ถนนมหาไชย ย่านประตูผี พร้อมระบุข้อความเป็นภาษาเวียดนาม ใจความว่า…

“หลังจากที่แต่งหน้าให้ลูกค้าเสร็จ เพื่อนที่เป็นล่ามภาษาไทยพาไปกินข้าว ซึ่งพบว่าเป็นร้านต้นตำรับ และสืบทอดทายาทต่อกันมา ผัดไทยที่เครื่องเทศส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่ร้านทำเองหมดเลย มาชิมกันดู อร่อยมาก ร้านนี้มีหลายเมนู แต่มี 2 เมนูซิกเนเจอร์ที่ทางร้านแนะนำ” พร้อมกับภาพผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ และผัดไทยทรงเครื่อง

ขณะที่ Lương Thị Khánh เพื่อนสนิทของเขา ระบุว่า เธอทราบข่าวแล้ว รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตบินไปไทย และจะบินกลับมาร่วมเวิร์คช็อปของเธอ พร้อมบอกด้วยว่าเขาเป็นคนใจดีเป็นมิตร และเธอนับถือในตัวเขามาก นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการแต่งหน้า

ขณะที่ในวงการช่างแต่งหน้าก็ได้มี เมกอัพอาร์ตติสออกมาโพสต์ไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหลายคนที่นับถือเขาเป็นครู บ้างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผูกพันกันมา ทราบข่าวแล้วเสียใจอย่างมาก ขอให้เจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีโดยไว นอกจากนี้ทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นคนที่น่ารัก มากความสามารถ มีอะไรอร่อย ๆ ก็จะนำมาฝากเสมอ แถมยังมีลูกค้าเยอะด้วย

คนสนิทรายหนึ่งยังได้โพสต์ด้วยความโศกเศร้าว่า ช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเขาไม่ว่างเลย งานยุ่งมาก ๆ ทว่าต่อจากนี้กลับจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระบุว่า นายดินห์ ตรัน ภู (Mr. DINH TRAN PHU) เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 1987 (พ.ศ. 2530) อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า (วีซ่า ผ.ผ.30 หรือผ่อนผันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) อนุญาตถึงวันที่ 10 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยแล้ว 11 ครั้ง

‘ตำรวจ’ เข้าตรวจ รร.ดัง หลังชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย พบ ‘ขวดสแตนเลส’ 2 ใบ เร่งตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ได้แถลงรายละเอียดเหตุพบศพนักท่องเที่ยว ชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรู

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องพักบริเวณชั้น 5 โดยห้องที่เกิดเหตุต้องทำการเช็กเอาท์ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้เช็กเอาท์จึงทำการตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิต จึงมาแจ้งผู้บริหาร และ สน.ลุมพินี หลังจากนั้น ทีมฝ่ายสอบสวนเข้ามา สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เข้ามา

โดยพบศพผู้เสียชีวิต 6 คน ในโซนรับแขก 4 คน ห้องนอน 2 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 3 คน โดยทั้งหมด เดินทางมาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน เดินทางมาวันที่ 13 ก.ค. 1 ชุด และวันที่ 14 ก.ค. อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง ทั้งหมด 5 ห้อง แจ้งการจองมา 7 คน แต่เช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 ราย ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบว่าข้อมูลตรงกัน 5 ราย แต่พบ 6 ราย จากการตรวจที่เกิดเหตุ 4 ห้องในชั้น 7 ต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยได้มีการเก็บกระเป๋าไปรวมไว้ที่ห้องชั้น 5 มีการเดินทางออกไป เพราะบุคคลที่นัดหมายมารับนั้น ไม่พบตัว และทางโรงแรมในเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าไม่มีการชำระค่าใช้จ่าย

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่าเชื่อว่าทั้ง 6 คนเสียชีวิตเวลาประมาณ 13.53 น. เพราะเมนูอาหารที่สั่ง มีลักษณะเป็นอาหารจานเดียว 6 จานวางอยู่ในห้องรับแขก และมีถ้วยเครื่องดื่มลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย วางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และอยู่บนโต๊ะ 1 ถ้วย และมีเศษตกค้างบนถ้วย ทาง พฐ. ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย

โดยเบื้องต้นไม่พบร่องรอย การชิงทรพย์รื้อค้น ไม่พบบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน และข้าวของยังอยู่เป็นปกติ เมื่อแม่บ้านเข้าไปตรวจดูพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งต้องเข้าไปทางประตูหลังไปเปิด โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตำรวจนครบาล สตม. สรุปแนวทางที่สอดคล้องกัน ได้แก่

1.ต้องตรวจสอบบุคคลที่ 7 ก่อนว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่

2.เก็บรายละเอียดทั้งหมดของบุคคลทั้ง 6 คน ผ่านทางสถานทูตและข้อมูลโซเชียลต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้

3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี ต้องหามูลเหตุจูงใจในครั้งนี้

กระเป๋าทั้งหมดที่อยู่ในห้องได้ประสานไปทางสถานทูตร่วมกับตำรวจนครบาล 5 ไปทำการพิสูจน์ร่วมกัน ว่าในกระเป๋ามีอะไรเป็นวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานในครั้งนี้ได้ บ่งบอกว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเองแต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียชีวิต เป็นคนเชื้อสายเวียดนามทั้งหมด แต่มีสัญชาติอเมริกาอยู่ในนั้น 2 ราย โดยห้องพักชั้น 7 เปิดเช็กอินวันที่ 13 ก.ค. แต่ห้องพักชั้น 5 เปิดเช็กอินวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะเช็กเอาท์ในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมด อาหารที่พบในห้องเป็นอาหารไทย และยังไม่มีการรับประทาน ซึ่งเราจะเก็บสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องไปตรวจสอบ พร้อมระบุอีกว่า เครื่องดื่มภายในแก้วถูกดื่มทั้งหมด และจากการตรวจสอบในห้องน้ำพบกระปุกชาที่ถูกซื้อมา ลักษณะคล้ายชาอู่หลง พร้อมน้ำเกลือแร่ 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด และทั้งสามชิ้นถูกเปิดใช้แล้ว ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน จะนำไปพิสูจน์อีกครั้ง เพราะเสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง โดยลักษณะสภาพผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผล มีรายเดียวที่มีบาดแผลบนใบหน้าโดยสันนิษฐานว่าน่าจะล้มฟาดโดนวัสดุแข็ง ไม่ถูกทำร้าย

เมื่อถามว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีใครเข้าออกในพื้นที่เกิดเหตุหรือไม่ พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ตอนนี้กำลังไล่ดู ตั้งแต่ลงเครื่องบิน กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณนี้ แล้วจะทำไทม์ไลน์ทั้งหมดนำมาสรุปอีกครั้ง และต้องรอผลการตรวจกระเป๋าของผู้ตายทั้ง 6 คน ที่ สน.ลุมพินี ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.สพฐ. จะเป็นคนดูแลเพราะเราจำกัดพื้นที่ทั้งหมดในการเข้าที่เกิดเหตุ เราไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีบุคคลคนหนึ่ง ประสงค์ที่ทำร้ายชีวิตร่างกาย แต่โดยวิธีการใดนั้น นิติวิทยาศาสตร์จะเป็นคนบอก พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกัน หากสอดคล้องกันก็จะตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และยืนยันว่าไม่มีการประทุษร้าย อีกทั้งจากการตรวจสอบมีบุคคลหนึ่งพยายามเข้ามาที่ประตู แต่มาไม่ถึง เพราะล้มอยู่หน้าประตู 2 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย และเป็นเพศหญิง 1 ราย

ส่วนการเปิดประตู เดี๋ยวจะมีการสอบปากคำแม่บ้านอีกครั้ง โดยโซนชั้น 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี แต่ต้องดูต่อว่าทางที่จะเดินมายังลิฟต์มีกี่ทาง โดยมีทางเดียว มิเช่นนั้นต้องกระโดดลงมา ตอนนี้เรากำลังตามหาบุคคลที่ 7 เพราะตัวเลขไม่ตรงกันกับที่เช็กอินไว้ 

ดังนั้นถ้ามาด้วยกันก็ต้องมี ข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศ ที่นั่ง สายการบิน ต้องดูว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็น ต้องมีคำตอบนี้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่มี ไม่มีเพราะอะไร และขณะนี้ให้ทางสถานทูตตรวจสอบว่าทำอาชีพอะไรและมีจุดประสงค์อะไรในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมสอบปากคำพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าเห็นความผิดปกติไม่

โดยพบว่าในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลสสองขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำแต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิด และขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครติดต่อกับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 14 ก.ค. หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอสอบปากคำแม่บ้านก่อน หากมีข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ส่งมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ใน 6 ศพเป็น make up artist ชื่อดังของเวียดนาม ทราบชื่อ ‘phu Gia gia’

'เศรษฐา' ยัน!! ท่องเที่ยวไม่กระทบ ปมสลดเวียดนามดับ 6 ราย เหตุ!! เป็นเรื่องภายในกลุ่มผู้ตาย ไม่สะเทือนความมั่นคงในไทย

(17 ก.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าเหตุชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ศพ ในโรงแรมย่านราชประสงค์ ข้อเท็จจริงเป็นการฆ่าตัวตายหรือเป็นการฆาตกรรม ว่า สรุปจริง ๆ แล้วยังต้องคอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ หรือโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ผ่าพิสูจน์ศพอยู่ แต่จากการสันนิษฐานเบื้องต้นเป็นเรื่องภายในกันเอง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องของการปล้นทรัพย์ หรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคงภายในของเราก็ไม่เกี่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบกับการท่องเที่ยวใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่เกี่ยว

เมื่อถามว่า ทราบว่านายกฯ ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตเวียดนามแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ใช่ครับ เพราะท่านทราบ ท่านก็มาและตนเองก็ไปด้วย จะได้พูดคุยกันได้ อันนี้เป็นเหตุผลหลักที่เดินทางไป ทั้งนี้ให้ความมั่นใจว่าเราให้ความเป็นธรรมทุกอย่าง อย่างน้อยถ้าเกิดว่าข้อมูลเบื้องต้นบอกมาว่าเป็นอย่างไรเราจะได้แจ้งให้เขาทราบ เพื่อเขาจะได้รายงานให้ญาติพี่น้องของเขาทราบ ไม่อยากให้พี่น้องกังวล จะได้เคลียร์ไปทีละเปราะ ๆ ไป

เมื่อถามว่า เบื้องต้นนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาเมืองไทยประจำหรือเพิ่งมาครั้งแรก นายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวขอให้ทางตำรวจเป็นคนบอกดีกว่า เพราะเวียดนามกับไทยพื้นที่ใกล้เคียงกัน เหมือนเราไปสิงคโปร์หรือไปฮ่องกง อย่าเพิ่งไปอะไร รอให้ทางตำรวจแถลงข่าวโดยรวมดีกว่า อย่าจับเอาจุดเล็ก ๆ แล้วไปต่อกันเอง จะทำให้เกิดความสับสน

เมื่อถามว่าเห็นทางตำรวจ สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ลงไปในพื้นที่ด้วยตรงนี้เขาห่วงเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นธรรมดา เพราะมีคนสัญชาติอเมริกัน 2 คน กับเป็นคนเวียดนาม

ถามอีกว่า เห็นว่าวันเดียวกันนี้จะมีการประชุมรัฐมนตรีพลังงานของรัสเซีย ที่โรงแรมที่เกิดเหตุดังกล่าวจะต้องมีการเปลี่ยนสถานที่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่า เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของการก่อการร้าย หรือความหละหลวมทางด้านการรักษาความปลอดภัย และคิดว่าทุกอย่างดำเนินการตามปกติ

‘ตำรวจ’ เผย!! 1 ใน 6 เวียดนามดับ เป็นผู้ลงมือวางยา เหตุจูงใจมาจากปัญหาหนี้สิน ก่อนกินยาตายตาม

(17 ก.ค. 67) จากกรณีพบผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาย 3 ราย และ หญิง 3 ราย ภายในห้องพักโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ พื้นที่ สน.ลุมพินี โดยคาดถูกวางยาพิษ ต่อมามีรายงานว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ ที่สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เมื่อคืนได้เรียกลูกสาวของ 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตมาสอบปากคำ รวมถึงเรียกสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแต่ละคนให้การเป็นประโยชน์ ซึ่งตามข้อมูล เชื่อว่ามูลเหตุน่าจะมาจากเรื่องปัญหาหนี้สิน ไม่มีประเด็นอื่น โดยคนก่อเหตุ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นนอกเหนือจาก 6 คนที่เสียชีวิต เพราะการตรวจสอบการเข้าออกห้องนี้ พบว่า มีแค่กลุ่มผู้เสียชีวิตเท่านั้น

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ก่อเหตุวางยาพิษฆาตกรรมภายในโรงแรมหรูดังกล่าว เป็น 1 ใน 6 ศพผู้เสียชีวิตนั้น คือ Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน โดยสภาพศพสวมชุดสีเขียว

'พล.ต.ท.ไตรรงค์' ยืนยัน!! ผลพิสูจน์กาแฟผสม ‘สารพิษ’ จริง ส่วน 'กระติก' กลุ่ม 6 คนตาย พกมาเอง ไม่ใช่ของโรงแรม

(17 ก.ค. 67) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.สพฐ.ตร.) ระบุว่า จากการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุห้องที่ชาวเวียดนามและอเมริกันเสียชีวิต 6 คน ในห้องโรงแรมดังไปตรวจเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ซึ่งเป็นกระติกเก็บความร้อนที่เป็นอะลูมิเนียม ไม่ใช่ของโรงแรม กลุ่มผู้ตายพกมาเอง ภายในมีของเหลวสีดำคือ อเมริกาโน และมีแก้วกาแฟที่ดื่มแล้วทั้งหมด 6 แก้ว รวมถึงอาหารบนโต๊ะที่สั่งจากโรงแรมเพื่อรับประทานอีก 3-4 รายการ

ล่าสุดผลการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ของเหลวในกาแฟดำในกระบอกน้ำสแตนเลส 1 ใน 2 กระบอก ในที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้เสียชีวิตได้นำมาเองไม่ได้เป็นของโรงแรม มีสารพิษปนอยู่ในกาแฟ ส่วนเป็นสารพิษชนิดใดขอแจ้งกับชุดสืบสวนก่อนจะแถลงข่าวอีกครั้ง

ส่วนน้ำในกระติกพบสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ หรือ KCN หรือไม่นั้น ตอนนี้ผลตรวจเบื้องต้นออกมา 1 อย่าง แล้วคือของเหลวที่อยู่ในกระติก ซึ่งเป็นผลที่มีความชัดเจน และกระจ่างที่ทำให้เสียชีวิตหากดูด้วยตาเหมือนเป็นกาแฟดำ แต่บอกได้ว่า พบสารพิษชนิดหนึ่ง

ส่วนจะมีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันหรือไม่ และมีปริมาณสารพิษมากน้อยเท่าใด พล.ต.ท.ไตรรงค์ระบุว่า ขอยังไม่เปิดเผย เพราะจะรอข้อมูลทั้งหมด และจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top