Sunday, 8 June 2025
รักษาความปลอดภัย

บช.ทท. รับมอบหมายให้เป็นหน่วยสนับสนุน การปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการดำเนินการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร ให้แก่ บุคคลสำคัญ และผู้เข้าร่วมประชุมพำนักในประเทศไทย

(15 พ.ย.65)  เวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เดินทางตรวจเยี่ยม ให้โอวาท พร้อมทั้งมอบสิ่งของบำรุงขวัญและกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ปฏิบัติหน้าที่ สายตรวจรถยนต์ สายตรวจจักรยาน สายตรวจรถพลังงานไฟฟ้า แบบ 2 ล้อ (Segway) และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเตรียมความพร้อม การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC) ณ สวนลุมพิน กรุงเทพฯ 

โดยภารกิจการดูแลรักษาความปลอดภัย ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวรับผิดชอบ มีรถยนต์โมบายประจำจุดที่กรุงเทพฯ บริเวณสวนลุมพินี จำนวน 1 คัน และรถโมบายเคลื่อนที่ประจำที่อยุธยาอีก 1 คัน รถยนต์สายตรวจ 34 คัน รถสายตรวจจักรยาน 42 คัน และรถเซคเวย์ 6 คัน รวมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งสิ้น 153 นาย เพื่อใช้ตรวจตราดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในบริเวณพื้นที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ตลอดจนสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพ

ผบ.บก.ควบคุมสุริโยทัย ตรวจเยี่ยมติดตามการปฏิบัติงาน ชป.พิทักษ์พื้นที่ ของชุดป้องควบคุม ป้องกันชายแดน เน้นย้ำการวางกำลังป้องกันชายแดน

หลังเกิดการก่อเหตุในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และกำชับการเพิ่มมาตรรักษาความปลอดภัยแนวชายแดน ในห้วงเทศกาลสงกรานต์

พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เดินทางมาตรวจเยี่ยม ติดตามผลการปฏิบัติงาน ของชุดปฎิบัติการ (ชป.)พิทักษ์พื้นที่ ของชุดควบคุมป้องกันชายแดนที่ 2 บริเวณ ท่าข้ามตอออ (บ้านร้าง3หลัง) บ้านตอออ ตำบลกายูคละ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส และ ชุดควบคุมป้องกันชายแดนที่ 3 บริเวณท่าเผาถ่าน บ้านกวารอซีลา หมู่ 7 ตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโกลก จังหวัด นราธิวาส เพื่อเน้นย้ำกำชับการวางกำลังป้องกันชายแดน หลังเกิดการก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี

เพื่อควบคุมการหลบหนีออกนอกพื้นที่ ของกลุ่ม ผกร. โดยได้เน้นย้ำมาตรการควบคุมพื้นที่ตามช่องทางท่าข้ามธรรมชาติ โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากการเตรียมสนามรบด้านการข่าว (IPB) ของหน่วย, ผลการซักถาม และสถิติการหลบหนีออกนอกพื้นที่ของกลุ่ม ผกร. ในห้วงที่ผ่านมา และการปฏิบัติงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนในการบังคับใช้กฎหมายตามแนวชายแดน ไทย - มาเลเซียอย่างเข้มงวด ตลอดจนเพื่อกำชับการเพิ่มมาตรรักษาความปลอดภัยแนวชายแดน ในห้วงเทศกาลสงกรานต์

‘Bolt’ เปิดตัวมาตรการรักษา ‘ความปลอดภัย’ ในไทย เพิ่มขั้นตอนตรวจสอบใบหน้าคนขับ - ปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน

(4 ม.ค. 67) โบลท์ (Bolt) ผู้นำด้านแอปพลิเคชันการเดินทางจากยุโรปประกาศเปิดตัวมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในประเทศไทยในวันนี้ โดยมาตรการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยนี้จะประกอบไปด้วย การตรวจสอบภาพถ่ายหน้าของคนขับ และมาตรการความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางสำหรับการเดินทางผ่านยานพาหนะในแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนความปลอดภัยของผู้ขับขี่เเละผู้โดยสารจากฝ่ายด้านความปลอดภัยที่ได้รับการฝึกอบรมภายในบริษัท

โดยการตรวจสอบภาพถ่ายหน้าของคนขับ เป็นมาตรการใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้ขับขี่ และลดการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมในการใช้บริการของทั้งผู้โดยสารและผู้ขับขี่ผ่านแอปพลิเคชันโบลท์

และภายในมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมในการเดินทาง โบลท์จะมีระบบในการเชื่อมต่อกับผู้โดยสารและคนขับผ่านแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ เมื่อยานพาหนะหยุดเคลื่อนไหวเป็นเวลาที่ผิดสังเกต เพื่อเป็นการยืนยันว่าทั้งผู้โดยสารเเละผู้ขับขี่ไม่ตกอยู่ภายในอันตรายใดๆ ซึ่งระบบจะให้ทางผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับตัวเลือกในการโทรติดต่อกับศูนย์บริการฉุกเฉินโดยตรง ให้ข้อมูลของการเดินทาง และขอความช่วยเหลือจากโบลท์ได้ด้วยการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชัน

ในอนาคตโบลท์มีการวางแผนที่จะนำระบบตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทางอื่นๆ เพิ่มเติมในการใช้งานแอปพลิเคชัน เช่น การแจ้งเตือนเมื่อมีการออกนอกเส้นทางและการสิ้นสุดการเดินทางที่ล่าช้า

โดยมาตรการในอนาคตเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนต่อเนื่องของโบลท์ในการพัฒนาทางด้านความปลอดภัยในแพลตฟอร์มของตน เพื่อให้โบลท์สามารถให้การสนับสนุนที่ดียิ่งขึ้นสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเป็นมาตรการที่ช่วยเหลือในการระบุและป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้

นอกจากนี้ ระบบที่ช่วยให้การเดินทางของโบลท์ปลอดภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารมีเพิ่มเติมดังนี้

ระบบความปลอดภัย (Safety Toolkit) ภายในแอปพลิเคชัน เช่น การแชร์ทริปเพื่อแบ่งปันตำแหน่งที่ตั้งแบบเรียลไทม์กับเพื่อนและครอบครัว
ปุ่มช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assist) เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารสามารถแจ้งให้หน่วยงานตำรวจท้องถิ่นทราบโดยรวดเร็วและเป็นส่วนตัวในกรณีที่ผู้โดยสารรู้สึกไม่สบายในระหว่างการเดินทาง และรายงานไปยังทีมสนับสนุนลูกค้าของโบลท์

นายณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย ได้กล่าวว่า “สำหรับโบลท์ ความปลอดภัยคือความสำคัญอันดับต้นๆ และเรามีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในผลิตภัณฑ์และการเพิ่มมาตรการสำหรับระบบความปลอดภัยในแอปพลิเคชันของโบลท์ เพื่อนำเสนอให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีประสบการณ์การเรียกรถที่มีคุณภาพที่ดี การเพิ่มมาตรการใหม่เกี่ยวกับการตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทางคือการพัฒนาล่าสุดในความพยายามต่อเนื่องของเราที่จะทำให้การขอความช่วยเหลือสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นไปได้โดยง่ายที่สุดเมื่อมีความต้องการในระหว่างการเดินทางของโบลท์ และระบุสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยป้องกันการเกิดอันตรายของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร”

การเปิดตัวมาตรการใหม่ทางด้านความปลอดภัยของโบลท์ขณะโดยสารเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระยะยาวของการพัฒนา เพื่อสนับสนุนทีมความปลอดภัยของ Bolt ในการตรวจสอบทุกสิ่งที่ผิดปกติเมื่อการโดยเริ่มต้นผ่านแอปพลิเคชัน

นอกจากนี้ บริษัทได้นำมาตรการต่อไปนี้เข้าสู่แอปพลิเคชัน เพื่อให้ลูกค้าของโบลท์ได้รับประสบการณ์การโดยสารที่ปลอดภัย และโบลท์กำลังนำเสนอมาตรการและระบบความปลอดภัยเพิ่มเติมในแอปพลิเคชันที่หลากหลายซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยมีมาตรการความปลอดภัยดังนี้ :

ปุ่ม SOS: ช่วยให้ผู้โดยสารและคนขับสามารถติดต่อกับตำรวจได้โดยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว
แชร์ทริปของฉัน: คุณลักษณะนี้ช่วยให้ผู้โดยสารและคนขับสามารถแชร์ลิงก์ของข้อมูลการเดินทางแบบเรียลไทม์ของพวกเขา
ระบบ unmatch คนขับและผู้โดยสาร: หากผู้โดยสารหรือคนขับให้คะแนนทริปของพวกเขาด้วยดาวเพียงดวงเดียว ผู้ถูกร้องเรียนจะไม่สามารถให้บริการหรือรับบริการจากผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่รายเดิมโดยอัตโนมัติ

ประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร และการบริการประชาชน การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ

วันนี้ (16 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมาย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร และการบริการประชาชน การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุ ของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม 

ภายหลังการประชุม เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ฯ มอบหมายให้ พล.ต.ท.อุดร ยอมเจริญ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษก ตร. พร้อมผู้แทนจาก สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ,กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงมหาดไทย,กระทรวงวัฒนธรรม,กรมการศาสนา , กรมเจ้าท่า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แถลงเรื่องการรักษาความปลอดภัย อำนวยความสะดวกการจราจร และการบริการประชาชน ในโอกาสดังกล่าว

เนื่องจากในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา รัฐบาลจึงเห็นสมควรดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี พระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ จากสถูปโบราณปิปราห์วา เมืองสาญจี สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
และส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย
และสาธารณรัฐอินเดีย รวมทั้งให้ประชาชนได้เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ โดยมีกำหนดการ สรุปได้ดังนี้

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 15.00 น. อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 มาประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และในช่วงเย็นวันเดียวกัน กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดให้มีการซักซ้อมขบวนอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 17.00 น. อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุฯ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ไปประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 07.00 น. พิธีตักบาตร ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง 

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ -  3 มีนาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ เวลา 09.00 – 20.00 น. ในช่วงเวลา 17.00 – 18.00 น. มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์

วันที่ 5 - 8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ เวลา 09.00 – 20.00 น.

วันที่ 10 - 13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ เวลา 09.00 – 20.00 น. 

วันที่ 15 - 18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ เวลา 09.00 – 20.00 น.

สำหรับ พระสงฆ์ ประชาชนชาวไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เป็นพุทธศาสนิกชน ที่จะเข้าไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ขอความร่วมมือให้เดินผ่านจุดคัดกรอง จำนวน 2 จุด ซึ่งอยู่รอบสนามหลวงบริเวณถนนผ่ากลาง ฝั่งตรงข้ามศาลฎีกา และฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหน่วยรับผิดชอบการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร มีการตั้งกองอำนวยการร่วม ณ หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 

สำหรับบริหารจัดการ จัดเตรียมสถานที่จอดรถ ณ ท้องสนามหลวงด้านทิศเหนือ กองสลากเก่า และถนนราชินีด้านหลังศาลฎีกา สำหรับประชาชนที่นำรถยนต์มา เตรียมสถานที่จอดรถสำรอง ณ หอประชุมกองทัพเรือ , กรมเจ้าท่าจัดเรือข้ามฟาก รับ-ส่งประชาชนจากหอประชุมกองทัพเรือไปยังท่าช้าง ส่วนประชาชน นักเรียน นักศึกษาที่เดินทางเป็นหมู่คณะจากในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ให้นำรถบัสไปจอดที่ร้านตำรับไท บริเวณแยกอรุณอมรินทร์ และใต้สะพานพระราม 8 จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ กรุงเทพมหานคร ดูแลรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินให้แก่ประชาชน สำหรับสถานบันการศึกษา หรือจังหวัดใกล้เคียงประสงค์ขอให้ส่วนราชการจัดรถบัสให้บริการรับ-ส่งประชาชน นักเรียน นักศึกษา ขอให้ประสานมายังกองอำนวยการร่วม หรือผ่านสำนักงานจังหวัดได้ 

กรณีประชาชนเดินทางรถโดยสารสาธารณะ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) อำนวยความสะดวกจัดรถโดยสารให้บริการรับ-ส่งประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม 2567 โดยจัดเดินรถโดยสารให้บริการประชาชน 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ - สนามหลวง (ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า) และเส้นทางที่ 2 วงเวียนใหญ่ - สนามหลวง (ตรงข้ามศาลฎีกา) ได้จัดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ทั้งจุดต้นทางและปลายทาง 

ส่วนกรมเจ้าท่า ได้ร่วมกับบริษัทเอกชนต่าง ๆ จัดเรือบริการฟรี โดยให้บริการ (1) เรือข้ามฟาก จาก ท่าวัดระฆัง - ท่าวังหลัง - ท่าวัดอรุณ ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม 2567 เวลา 08.30 – 18.00 น. , เรือจาก บริษัท ไทย สมายส์ โบ้ท จากท่าน้ำนนท์ ถึงท่าช้าง ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง 3 มีนาคม 2567 ให้บริการวันละ 4 เที่ยว , เรือจากบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา จากท่าน้ำนนท์ ถึงท่าช้าง ระหว่าง วันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2567 จากท่าน้ำนนท์ เวลา 09.00 น. , 10.00 น. , 15.00 น. และ 16.00 น. 

การบริการทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จัดชุดบริการทางการแพทย์ประจำเต็นท์บริการ และชุดพยาบาลเดินเท้า พร้อมรถพยาบาลกู้ชีพ สำหรับให้บริการประชาชนที่อาจเจ็บป่วยในขณะเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุฯ การประปานครหลวง จัดรถน้ำดื่ม จำนวน 3 คัน ให้บริการประชาชน กรุงเทพมหานคร จัดรถสุขาเคลื่อนที่บริเวณรอบท้องสนามหลวง ทั้งฝั่งศาลฎีกา และฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก จัดเจ้าหน้าที่บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนบริเวณจุดขึ้น-ลงรถรับจ้างสาธารณะรอบท้องสนามหลวง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top