Saturday, 7 June 2025
รถไฟฟ้าบีทีเอส

เพจบีทีเอสขอร้อง อย่าสะบัดผม! แนะ ระมัดระวังปลายผมขณะผู้โดยสารแน่น

เมื่อวันที่ (20 มิ.ย.65) เพจเฟซบุ๊ก รถไฟฟ้าบีทีเอส โพสต์ข้อความระบุว่า...

ร่วมสร้างสังคมดี มีน้ำใจในการเดินทาง...ระมัดระวังปลายผม (ขณะมีผู้โดยสารหนาแน่น)

แอดมินได้รับข้อความจากผู้โดยสารหลายท่าน และฝากมาที่คอมเมนต์เพจรถไฟฟ้าบีทีเอส กรณีผู้ที่มีผมยาว หรือผู้โดยสารที่มัดผมหางม้า ขณะอยู่ในขบวนรถไฟฟ้าที่มีผู้โดยสารหนาแน่น อาจจะเผลอสะบัดผมไปมา ทำให้โดนหน้าผู้โดยสารท่านอื่นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ จึงฝากประชาสัมพันธ์ผ่านทางหน้าเพจครับ

ขอความกรุณาผู้โดยสารที่มีผมยาว ระมัดระวังปลายผมของท่านขณะหันหน้าซ้ายขวา ทั้งขณะนั่ง-ยืน เนื่องจากผมอาจสะบัดโดนหน้า ไหล่ หรือเข้าตา/ปาก ของผู้อื่นได้

บีทีเอสสยายปีก!! จับมือพันธมิตรสร้างรฟฟ. ข้ามพรมแดน 'สิงคโปร์-มาเลเซีย' เน้น 'สะดวก-ปลอดภัย' ตอบโจทย์ผู้โดยสาร ทั้งในประเทศ-ตปท.

'บีทีเอส' ร่วมทุนพันธมิตรมาเลเซีย ลุย รถไฟฟ้ารางเบาเชื่อมไฮสปีด ข้ามพรมแดนจากสิงคโปร์มายังมาเลเซีย ปักธงเป็นผู้ให้บริการทุกรูปแบบ ตอบโจทย์การเดินทางผู้โดยสาร ทั้งพื้นที่ในประเทศ-ต่างประเทศ เน้นสะดวก-ปลอดภัย

(20 ก.ย. 65) นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MATCH พร้อมคณะผู้บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เข้าพบ Dato’ Avinderjit Singh A/L Harjit Singh และ Dato’ Siew Ka Wei ณ สหพันธรัฐมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงติดตามศึกษาโครงการระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Light Rail Transport System) ที่จะเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟความเร็วสูง (RTS Link) ข้ามพรมแดนจากประเทศสิงคโปร์มายังเมือง Johor Bahru ในสหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างดำเนินโครงการ รวมถึงการพัฒนาพื้นที่รอบระบบขนส่งมวลชนภายใต้แนวคิด Transit-Oriented Development ที่เมือง Johor Bahru สหพันธรัฐมาเลเซีย

‘เพื่อไทย’ แฉกระจุย ปมบีทีเอสทวงหนี้ 4 หมื่นล้าน เผย!! เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ชัชชาติ สะสางปัญหา

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 65 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการทวงหนี้ 4 หมื่นล้านบาท ว่า บีทีเอส ได้ปล่อยคลิปที่มีภาพนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) นำทีมผู้บริหารและพนักงาน อธิฐานขอพรท้าวมหาพรหม ให้ช่วยแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินโดยเร็ว ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตลอดที่ตนเล่นการเมืองมา 20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนหนี้สิน 4 หมื่นล้านนั้น ทำไมกรุงเทพมหานคร (กทม.) จ่ายไม่ได้ เป็นเพราะผู้ว่าฯกทม.ในอดีตก่อนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เจาะใจทำผิดสัญญา สร้างหนี้ขึ้นมา 4 หมื่นล้านบาทเอื้อประโยชน์ให้บีทีเอส 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า กทม.ให้กรุงเทพธนาคม จ้างบีทีเอส ติดตั้งระบบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือและสายเขียวใต้ โดยไม่มีการประมูล ทำให้เกิดหนี้ก้อนแรก จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกทม. ปล่อยให้ประชาชนนั่งฟรี โดยไม่มีการเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 มาตั้งแต่ปี 61 แต่มีค่าวิ่งรถเกิดเป็นหนี้ส่วนที่ 2 จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท และกทม.หยุดจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 มาตั้งแต่ปี 62 ทำให้เกิดหนี้ส่วนที่ 3 จำนวน 4 พันล้านบาท เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกคำสั่ง คสช.มาตรา 44 ไม่ต้องจ่ายค่าจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นี่จึงเป็นที่มาของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยเหลวปล่อยให้เกิดหนี้ 

‘บีทีเอส’ โร่ชี้แจง กรณีประตูรถไฟฟ้า ‘ขัดข้อง’ ระหว่างวิ่ง เตรียมหามาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

(21 ก.ย. 66) จากกรณีที่มีการแชร์ภาพในโลกโซเชียล ปรากฏให้เห็นว่าประตูรถไฟฟ้า BTS เปิดอ้างขณะขนวบรถกำลังวิ่ง สร้างความหวาดเสียว ตกใจให้แก่ผู้ใช้บริการเป็นอย่างมาก รวมถึงถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์

ล่าสุด บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงถึงกรณีประตูรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง ระหว่างสถานีบางจาก ถึงสถานีปุณณวิถี เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากระบบความปลอดภัยมีสัญญาณแจ้งเตือนประตูรถไฟฟ้าขัดข้อง เจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้า (TC) จึงได้ทำการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ห้องศูนย์ควบคุม (CCR) และประสานเจ้าหน้าที่ไปยืนดูแลบริเวณประตูที่ขัดข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารเข้าใกล้บริเวณประตู พร้อมทั้งได้ดำเนินการแก้ไขประตูดังกล่าวที่สถานีถัดไป

อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบขบวนรถไฟฟ้าดังกล่าว และประตูที่ขัดข้องอย่างละเอียด เพื่อหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำขึ้นอีก พร้อมกำชับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกราย ให้เตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในทุกกรณี และเข้าประจำจุดโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร บริษัทฯ ได้เน้นย้ำให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร และหากพบเหตุไม่ปกติในขบวนรถไฟฟ้า ผู้โดยสารสามารถกดปุ่มกระดิ่งแจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมรถไฟฟ้าได้ทันที

บริษัทฯ ต้องขออภัยผู้โดยสารทุกท่านที่เกิดเหตุขัดข้อง และได้รับความไม่สะดวกในการเดินทาง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2 - 617- 6000 Line official : @btsskytrain หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่  Application ‘THE SKYTRAINs’ และ Facebook Page : รถไฟฟ้าบีทีเอส

‘บีทีเอส’ แจง!! กรณี ‘2 ตายาย’ ติดลิฟต์สถานีสนามกีฬาฯ กว่า 1 ชม. เหตุกระแสไฟฟ้าขัดข้อง พร้อมกราบขออภัย ตอนนี้ใช้งานได้ปกติแล้ว

(21 ม.ค. 67) จากกรณีเกิดเหตุ ระทึกกับ 2 ตายายที่จะเดินทางไปทำธุระ แต่ลิฟต์ของ BTS เกิดขัดข้อง ทำให้ติดอยู่ภายในลิฟต์นานเกือบ 1 ชั่วโมง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา อาสาฯ ป่อเต็กตึ๊งจุดปทุมวัน รับแจ้งมีคนติดภายในลิฟต์ ของ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ ถนนพระราม 1 เจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงนำอุปกรณ์ตัดถ่าง พร้อมทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ เข้าช่วยเหลือ

โดยพบว่า คนที่ติดค้างอยู่ภายใน เป็น 2 ตายาย ซึ่ง ยังมีสติดี แต่อากาศหายใจไม่ค่อยออก เนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท

ทั้งนี้ เบื้องต้นจุดเกิดเหตุลึกประมาณ 4 เมตร ลิฟต์ค้างติดอยู่ตรงบริเวณกลางพอดี เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเรียกช่างลิฟต์ มาพร้อมเจ้าหน้าที่ BTS มาตรวจสอบ จากนั้นจึงได้เร่งใช้ไฟสำรอง จนทำให้ลิฟต์ที่ติดขัดขึ้นมายังด้านบนได้ ส่วนทั้ง 2 ตายายนั้นปลอดภัยดี ทีมแพทย์ รพ.ตำรวจ จึงได้ให้ออกซิเจนช่วยเหลือ เนื่องจากทั้ง 2 นั้นอยู่ภายในลิฟต์เป็นเวลานานเกือบ 1 ชม.

โดยจากการสอบถามทั้ง 2 ตายาย เล่าว่า ได้เดินทางมาจากแถวถนนจันทน์ เพื่อที่จะเดินทางไปทำธุระแถวสนามหลวง จึงได้นั่ง BTS มาแล้วลงสนามกีฬาแห่งชาติ แล้วจะนั่งรถเมล์ไปต่อ พอลงมาจึงได้ขึ้นลิฟต์เพื่อที่จะลงไปข้างหลัง ขณะนั้นลิฟต์กระแสไฟตก มีปัญหา จึงค้างกะทันหันเป็นเวลาเกือบ 1 ชม. ทั้งนี้หลังจากได้ให้ออกซิเจนและปฐมพยาบาลเสร็จอาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊งจุดปทุมวัน ได้ไปส่ง 2 ตายาย ขึ้นรถเมล์ไปทำธุระอย่างปลอดภัยทั้งสองราย

ล่าสุด บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า…

“บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส รายงานถึงกรณีผู้โดยสารคุณตา และคุณยายติดลิฟต์ ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสนามกีฬาแห่งชาติ (W1) เมื่อช่วงเวลา 08.00 น. ของวันนี้ว่า จากการตรวจสอบหาสาเหตุเบื้องต้นพบว่า มาจากกระแสไฟฟ้าขัดข้องในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าไปจ่ายให้หม้อแปลงไฟฟ้า ส่งผลให้ลิฟต์หยุดทำงาน และเมื่อได้รับแจ้งเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้ดำเนินการเข้าซ่อมแซมในบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้าและลิฟต์ที่ขัดข้องทันที พร้อมได้ประสานงานกับทางศูนย์เอราวัณ (สายด่วน 1669) เพื่อให้สามารถปฐมพยาบาล และช่วยเหลือคุณตา และคุณยายได้ทันท่วงที ซึ่งในระหว่างดำเนินการช่วยเหลือนั้น พบว่าคุณตา และคุณยาย ยังคงมีสติ แต่มีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือทั้ง 2 ท่าน อย่างระมัดระวัง และรอบคอบมากที่สุด

โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมระบบที่ขัดข้อง จนกระแสไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ปกติ และช่วยเหลือคุณตา และคุณยาย ออกมาจากลิฟต์ได้แล้วนั้น จึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทั้ง 2 ท่านประสงค์ที่จะเดินทางต่อทันที ทางเจ้าหน้าที่ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส จึงได้อำนวยความสะดวกให้กับทั้ง 2 ท่าน ในการเดินทางต่ออย่างปลอดภัย

บริษัทฯ กราบขออภัยคุณตา และคุณยาย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขี้น และไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้ระบบที่ขัดข้องทั้งหมดได้ถูกดำเนินการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว และบริษัทฯ จะปรับปรุงระบบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยกับผู้โดยสารให้มากที่สุด

ขอขอบพระคุณ

ฝ่ายสื่อสารองค์กร”

ราชกิจจาฯ ประกาศห้ามจอดรถ บริเวณช่องเว้าเกาะกลาง ใต้สถานี BTS  เพื่อแก้ไขปัญหา รถติด-อุบัติเหตุ จัดระเบียบการจราจร

(10 มี.ค.67) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการห้ามจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานี พ.ศ. 2567

โดยระบุว่า ด้วยได้มีการจัดทําช่องเว้าเข้าไปในเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อใช้เป็นที่จอดรถเฉพาะรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส แต่ปรากฏว่ามีประชาชนนํารถเข้าไปจอดในบริเวณดังกล่าว ทําให้รถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่สามารถจอดรถได้ ประกอบกับมีการจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจรในทางเดินรถ เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด และอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ จึงจําเป็นต้องออกประกาศข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร เพื่อจัดระเบียบการจราจรในบริเวณดังกล่าว

ฉะนั้น อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 139 (2) แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 26 ประกอบกับมาตรา 38 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอ่านาจตามบทบัญผัติแห่งกฎหมายที่ตราชึ้นเพื่อความั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยของประชาชน และคําสั่งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ 62/2566 ลงวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2566 แต่งตั้งผู้บัญชาการตํารวจนครบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทน เป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร จึงได้ออกข้อบังคับไว้ ดังนี้

ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการห้ามจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานี พ.ศ. 2567”

ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ข้อ 3 ห้ามหยุดหรือจอดรถทุกชนิดตลอดเวลา ยกเว้นรถที่ทํางานบํารุงรักษาระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส ในบริเวณช่องเว้าเกาะกลางถนนทางด้านขวาของทางเดินรถใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ดังต่อไปนี้

1.สถานีห้าแยกลาดพร้าว
2.สถานีพหลโยธิน
3.สถานีรัชโยธิน
4.สถานีเสนานิคม

5.สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
6.สถานีกรมป่าไม้
7.สถานีบางบัว
8.สถานีกรมทหารราบที่ 11
9.สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ

10.สถานีพหลโยธิน 59
11.สถานีสายหยุด
12.สถานีสะพานใหม่
13.สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช

14.สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ
15.สถานีแยก คปอ.
16.สถานีบางจาก
17.สถานีปุณณวิถี

18.สถานีอุดมสุข
19.สถานีบางนา
20.สถานีแบริ่ง
21.สถานีกรุงธนบุรี

22.สถานีวงเวียนใหญ่
23.สถานีโพธิ์นิมิต
24.สถานีตลาดพลู
25.สถานีวุฒากาศ
26.สถานีโรงจอดและซ่อมบํารุงรถไฟฟ้าบางหว้า

ข้อ 4 นับตั้งแต่วัน เวลา ที่ข้อบังคับนี้ใช้บังคับ ให้ยกเลิก ข้อบังคับ กฎ ระเบียบ คำสั่งใดที่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้

ประกาศ ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

‘บีทีเอส’ เร่งเยียวยา ผู้โดยสาร 3 รายที่ติดลิฟต์ ‘สถานีแบริ่ง’ พร้อมรับผิด ขอปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เพื่อให้ ‘สะดวก-ปลอดภัย’ 

(28 เม.ย. 67) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เปิดเผย ถึงกรณีผู้โดยสารติดลิฟต์ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส แบริ่ง (E14) ในช่วงเวลา 17.21 น. ของเมื่อวานนี้ (27 เม.ย.)ว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มีผู้โดยสารจำนวน 3 ราย ติดอยู่ภายในลิฟต์ ทางเจ้าหน้าที่ของสถานีจึงได้ดำเนินการประสานงานไปยังฝ่ายซ่อมบำรุงเพื่อเร่งแก้ไขในทันที

ทั้งนี้ได้เตรียมการปฐมพยาบาล และช่วยเหลือผู้โดยสาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานได้เร่งดำเนินการแก้ไขลิฟต์ และช่วยเหลือผู้โดยสารทั้ง 3 ราย ออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่พบว่าผู้โดยสารมีอาการอ่อนเพลีย จึงได้ดำเนินการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ณ ห้องปฐมพยาบาลของสถานีแบริ่ง เมื่อผู้โดยสารมีอาการดีขึ้นจึงได้เดินทางต่อไป

บริษัทฯ กราบขออภัยผู้โดยสาร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทางครั้งนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการเยียวยาผู้โดยสารทั้ง 3 ราย และจะปรับปรุงระบบการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวก และปลอดภัยกับผู้โดยสารมากที่สุด

ทั้งนี้หากผู้โดยสารพบเห็น หรือประสบเหตุลิฟต์ขัดข้องสามารถแจ้ง ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส
โทรศัพท์ 02 – 617- 6000 Line official : @btsskytrain

'รถไฟฟ้าบีทีเอส-สายสีทอง' หนุนกิจกรรมวัน Car Free Day ชวน!! 22 ก.ย.นี้ จูงจักรยานขึ้นรถไฟฟ้าฟรีทุกสถานี

(20 ก.ย. 67) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า เนื่องด้วยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับวัน วันคาร์ฟรีเดย์ (Car Free Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 22 กันยายน ของทุกปี ที่ทุกประเทศทั่วโลกจะร่วมกันรณรงค์หยุดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล พร้อมหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือปั่นจักรยาน เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ อาทิ คาร์บอนไดออกไซด์, คาร์บอนมอนอกไซด์, ควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น และยังช่วยลดปัญหาการจราจร รวมถึงลดมลพิษทางเสียง

ดังนั้นในวันที่ 22 กันยายน 2567 บริษัทฯ จะยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้แก่ ผู้ที่เดินทางด้วยจักรยานฟรีทุกสถานี รวมทั้งส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท และส่วนต่อขยายสายสีลม โดยจักรยานพับได้สามารถเข้าระบบฟรี ตลอดเวลาการให้บริการ ส่วนจักรยานพับไม่ได้จะแบ่งระยะเวลาการเข้าระบบฟรีเป็น 2 ช่วงคือ ตั้งแต่เวลา 06.00 - 09.00 น. และตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงปิดให้บริการ 

ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทอง สามารถนำจักรยานเฉพาะพับได้ เข้าระบบฟรี ตลอดเวลาการให้บริการ ผู้โดยสารสามารถติดต่อขอรับคูปองเดินทางฟรี ได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารทุกสถานี

รถไฟฟ้าบีทีเอส ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ของการให้บริการ เรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการ ด้วยความรวดเร็ว ปลอดภัย และมีคุณภาพต่อผู้โดยสาร ควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทฯ ที่มีเป้าหมายในการเป็นองค์กร ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero และกิจกรรมวัน Car Free Day ของบริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ เพราะเราเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจอย่างมีจิตสำนึกต่อชุมชน และสังคม จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญสู่การพัฒนา และเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือสอบถามข้อมูลการให้บริการได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บีทีเอส โทรศัพท์ 02 - 617 - 6000 Line official : @btsskytrain และ Facebook Page : รถไฟฟ้าบีทีเอส หรือเช็กสถานะการเดินรถได้ที่ Application ‘The SKYTRAINs’

ถอดบทเรียนสิงคโปร์ซื้อ 'สัมปทานรถไฟฟ้า' คืน หวัง!! แก้ปัญหาเอกชน โกยแต่กำไร

(22 ก.ย. 67) สิงคโปร์เป็นหนึ่งประเทศที่มีขนส่งสาธารณะดีอันดับต้นๆ ของโลก โดยสำนักข่าวซีเอ็นเอ (CNA) รายงานว่า สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคุณภาพขนส่งสาธารณะดีอันดับที่ 3 ของโลกเป็นรองเพียงฮ่องกงและเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามการจัดอันดับของ Mobility Index Ranking 2023 ของบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Oliver Wyman Forum

อย่างไรก็ตาม ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์ สถาบันเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้สัมภาษณ์พิเศษว่า หากย้อนกลับไปในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่สิงคโปร์เริ่มพัฒนาระบบรถไฟฟ้าใต้ดินก็เผชิญปัญหาเรื่อง ’สัญญาสัมปทาน' คล้ายประเทศไทย

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ปัญหาสำคัญปัจจุบันของระบบรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินของประเทศไทยปัจจุบันคือ ผู้ใช้บริการไม่สามารถเดินเชื่อมต่อกันในแต่ละสถานีได้โดยไม่ต้องออกจากประตูและใช้บัตรใบเดียว

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ หากผู้ใช้งานคนหนึ่งต้องการเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพื่อไปต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน หากเป็นประเทศที่ระบบขนส่งสาธารณะออกแบบมาอย่างดี ผู้ใช้งานจะสามารถใช้บัตรใบเดียวในการเดินทางเปลี่ยนจากบีทีเอสไปเป็นเอ็มอาร์ทีได้โดยไม่ต้องเดินออกจากประตู

แต่สำหรับประเทศไทยในหลายสถานีผู้ใช้บริการยังต้องออกจากสถานีบีทีเอสเพื่อไปซื้อตั๋วเอ็มอาร์ทีใหม่ซึ่งสร้างความไม่สะดวกสบายและทำลายต้นทุนด้านเวลาของผู้ใช้บริการอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้น ดร.สุเมธ จึงมองว่า หนึ่งปัญหาสำคัญคือ ปัจจุบันรถไฟฟ้าแต่ละสายไม่สามารถเชื่อมต่อกันได้ภายใต้ระบบเดียว คือ ภาครัฐไทยไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาสัมปทานแบบเอกชนร่วมทุน (PPP) ตั้งแต่ต้นว่ารถไฟฟ้าแต่ละสายต้องเชื่อมต่อกัน

ปัจจุบันภาครัฐไทยให้สัมปทานเอกชนเพื่อเดินรถไฟฟ้าไปแล้ว 6 ฉบับภายในระยะเวลา 20 ปี ทว่าไม่มีฉบับใดเลยที่ระบุเรื่องการเชื่อมต่อเอาไว้

ทั้งนี้ ครั้งหนึ่งสิงคโปร์เคยเผชิญปัญหาเรื่องสัญญาสัมปทานคล้ายไทย โดยประมาณปี 1990 รัฐบาลสิงคโปร์นำโดยหน่วยงาน Land Transport Authority (LTA) ใช้โมเดล PPP เหมือนประเทศไทยเพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายแรก ตอนนั้นรัฐบาลให้สัญญา PPP ไป 2-3 ฉบับ โดยโครงสร้างสัญญาคล้ายกันคือ เมื่อรัฐก่อสร้างเสร็จก็ให้เอกชนมาซื้อขบวนรถแล้วก็เก็บค่าโดยสารโดยมีสัญญา 30 ปี

จากนั้นเอกชนดำเนินกิจการไปประมาณ 10 กว่าปี ถึงประมาณปี 2000 ต้นๆ ตอนนั้นรัฐบาลออกแบบระบบหลังบ้านและออกแบบสัญญาค่าโดยสารได้ค่อนข้างดี คือรัฐอุดหนุนเยอะเพื่อให้ค่าโดยสารต่ำ

แต่ปัญหาที่เกิดเป็นเรื่องทางเทคนิคที่น่าสนใจคือเมื่อเป็นสัญญาในเชิงกำหนดค่าโดยสาร กำหนดข้อบังคับและวิธีการดำเนินงานอย่างรอบคอบ แต่เมื่อรถไฟฟ้าวิ่งไปสักพักเอกชนก็เริ่มทำกำไรได้ ด้วยการออกแบบในตอนนั้น มีความจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนรถไฟฟ้า แต่นั่นก็หมายความว่าเอกชนต้องลงทุนเพิ่มซึ่งเอกชนไม่เห็นด้วยเพราะคิดว่ายังอัดผู้โดยสารเข้าไปได้ สุดท้ายจึงเกิดปัญหาแออัด

ประกอบกับตอนนั้นรัฐบาลสิงคโปร์เขาพยายามโปรโมตการใช้ขนส่งมวลชนมากอยู่แล้ว แทบไม่ให้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลดังนั้นประชาชนก็อัดกันเข้าไปใช้รถไฟฟ้า

ตอนนั้นไม่ว่ายังไงเอกชนก็ไม่ยอมเพิ่มขบวนรถ เมื่อภาครัฐไปเปิดสัญญาสัมปทานดูก็เห็นว่ารัฐบาลล็อกทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบยกเว้นเรื่องการเพิ่มขบวนรถเพราะยังไม่ถึงเกณฑ์ให้เพิ่ม

สุดท้าย ดร.สุเมธ เล่าว่า รัฐบาลมองว่าเหตุการณ์นี้ทำให้คุณภาพการให้บริการต่ำลงแล้วรัฐทนไม่ไหว เคสนี้รัฐบาลเลยซื้อคืนสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้ามาทั้งหมด แล้วปรับโมเดลใหม่เพื่อเพิ่มขบวนรถเข้าไป และจากเดิมที่เป็นสัญญาสัมปทาน 30 ปีแล้วเอกชนลงทุนรถไฟฟ้า หลังจากเหตุการณ์นี้รัฐซื้อรถไฟให้แล้วตัดสัญญาในการจ้างเอกชนมาดูแลเหลือแค่ 15 ปี

หมายเหตุ: สิงคโปร์เผชิญเหตุการณ์ปัญหาเรื่องสัญญาสัมปทานคล้ายกับประเทศไทยแต่หน่วยงาน Land Transport Authority หรือ LTA มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการเรื่องขนส่งสาธารณะในประเทศทั้งหมด ในขณะที่ประเทศไทยมีหลายหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ กรุงเทพมหานครและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top