Monday, 21 April 2025
รถโรงเรียน

‘รัฐบาล’ ห่วงใยความปลอดภัยเด็ก ขณะใช้บริการ ‘รถโรงเรียน’ กำชับ!! กรมขนส่งฯ รุดตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐาน

(6 มิ.ย. 67) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงนี้อยู่ระหว่างโรงเรียนเปิดเทอม ประกอบกับมีฝนตกทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และมีข่าวปรากฏบนโลกโซเชียลบ่อยครั้งเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุของรถโรงเรียน รัฐบาลห่วงใยเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและนักเรียน

นายคารม กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบก กำชับและสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศไทย ตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถโรงเรียน และรถที่รับจ้างรับส่งนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถ และพนักงานขับรถต้องนึกถึงความปลอดภัยของเด็ก ๆ นักเรียนทุกคนที่โดยสารมากับรถ และตัวรถที่ใช้รับส่งนักเรียนต้องมีสภาพที่แข็งแรงต้องชำระภาษีรถประจำปีอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะให้บริการรับส่งนักเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 

นายคารม กล่าวว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น (ไม่เกินวัน ปิดเทอมของแต่ละภาคการศึกษา) ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรง กรณีเป็นรถสองแถวหากมีทางขึ้นลงอยู่ ด้านท้ายต้องปรับปรุงตัวรถให้มีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตกหล่นจากรถ ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย ต้องมีป้าย สีส้มสะท้อนแสง มีข้อความ ‘รถโรงเรียน’ ให้เห็นชัดเจน พร้อมติดไฟสัญญาณสีเหลืองไว้ที่ด้านหน้า และด้านท้ายของตัวรถ หากพบการฝ่าฝืนจะพิจารณาสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ใช้รถทันที และไม่สามารถขออนุญาตได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปีไปแล้ว

เจ้าของเพจ SME ชื่อดัง ยกรถนักเรียนไทยของ ‘บัณฑูร ล่ำซำ’ เป็นโมเดล ชี้การรับส่งนักเรียนมีต้นทุนแฝงในวิถีชีวิตคนไทยสูง

(7 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ เจียรนัยพานิชย์ เจ้าของเพจ SME Networking Thailand ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า

เวลาได้ยินข่าวเกี่ยวกับรถนักเรียนผมนึกถึง #โครงการรถนักเรียนไทย ของ คุณปั้น-บัณฑูร ล่ำซำ เสมอ

เมื่อก่อนทำงานที่ราษฎบูรณะ จะเห็นรถรับส่งนักเรียนสีเหลือง รูปทรงเท่ห์มากคล้ายกันกับรถนักเรียนในสหรัฐอเมริกา เวลาผมนั่งรถเมล์ไปทำงาน หรือวันไหนที่ไปใส่บาตร จะเห็นรถคันนี้ประจำ วิ่งรับส่งนักเรียนแถววัดสน กับ เส้นราษฎบูรณะ ส่งเสร็จแล้วก็จะมาจอดที่ ธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ จอดหลังตึก 

เคยแอบไปมองดูข้างในรถ มีจอทีวี มีที่นั่งไม่เยอะมาก ตกแต่งข้างในกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็กดี 

เคยถามประวัติรถคันนี้ เค้าบอกเป็นแนวคิดของคุณปั้น เห็นนักเรียนแถวนี้ต้องตากแดดตากฝนขึ้นรถเมล์ ค่าครองชีพก็สูงขึ้น เลยทำเป็นรถคันนี้ขึ้นมา มีสองสาย จำได้ว่า วัดสน อีกสายหนึ่งจำไม่ได้ บริหารโครงการนี้โดยมูลนิธิ ไม่ใช่ธนาคารทำเองโดยตรง ให้บริการแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย 

จะหาข่าวหรือหาข้อมูลโครงการนี้ก็มีไม่เยอะมาก ทั้งๆที่โครงการนี้ทำมานาน ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่ทำมานานมากๆทำต่อเนื่องน่าจะใช้งบประมาณไม่น้อย แต่บนตัวรถเองก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเป็นโครงการของธนาคารกสิกรไทย เป็นโครงการทำตั้งใจทำจริงๆไม่ได้ทำเอาหน้าเอาตา ก็น่าจะพูดอย่างนี้ได้ เป็นหนึ่งในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมจริงๆ 

เคยอ่านข่าวเรื่องธุรกิจรถบัสในประเทศไทยเป็นธุรกิจใหญ่โตมาก แต่ธุรกิจรถรับส่งนักเรียนในไทยมีแค่เจ้าเดียวที่นึกออก คือ Montri เป็นบริษัททำรถนักเรียนในกรุงเทพ ทำมานานมาก ด้วยความที่ทำรถให้มีมาตรฐานดีมากเลยได้รับเลือกเป็นรถรับส่งนักเรียน รถทัศนศึกษาของโรงเรียนเอกชน โรงเรียนนานาชาติ แต่ทำมานานขนาดนี้ มูลค่าธุรกิจที่ขายไปให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เพียงแค่ 300 ล้านเอง ( เนชั่นNBC เป็นคนซื้อ)

เรื่องรับส่งนักเรียนนี่เป็นหนึ่งในต้นทุนแฝงในประเทศไทยมายาวนานมากๆ แต่แทบไม่มีการแก้ไข เพราะมูลค่าทางธุรกิจไม่มาก หากจะทำให้มีคุณภาพราคาก็สูง สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกให้พ่อแม่ผู้ปกครองเลือกกลายเป็นการต้องไปรับส่งเอง เป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล พ่อแม่ทุกคนรู้ดี

ผมเชื่อว่าคุณปั้นตอนตั้งโครงการนี้ก็คิดแบบเดียวกัน ช่วยประหยัดต้นทุนให้คนในชุมชน สังคมชุมชนรอบสำนักงานใหญ่ก็จะดี เมืองไทยจะน่าอยู่มากขึ้นถ้าทุกคนคิดแบบนี้ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top