'ผู้นำโสมขาว' ขอสานความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับญี่ปุ่น วอน!! ชาวเกาหลีก้าวข้ามทุกเรื่องบาดหมางในอดีต
วันนี้ 15 สิงหาคม ตรงกับวันปลดปล่อยแห่งชาติ (Liberation Day) ของเกาหลี โดยเป็นวันที่คาบสมุทรเกาหลีได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นจากฝ่ายกองกำลังสัมพันธมิตร หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
ฉะนั้นเกาหลีใต้ จะถือวันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์สำคัญประจำปี โดยจะมีการเฉลิมฉลองที่ได้รับอิสรภาพ และรวมถึงมักมีการย้อนรำลึกถึงความโหดร้ายของสงคราม และการกระทำของกองทัพญี่ปุ่นที่ยังคงทิ้งแผลใจให้แก่ชาวเกาหลีจนถึงทุกวันนี้
แต่ทว่า ในปีนี้ 2022 'ยุน ซอก-ยอล' ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ในวันฉลองครบรอบ 77 ปี วันปลดปล่อยเกาหลีว่า ต้องการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ที่ดีกับญี่ปุ่นอีกครั้ง เพราะเสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกนั้นสำคัญกว่า
โดยประธานาธิบดี 'ยุน ซอก-ยอล' กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ ญี่ปุ่นกลายเป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อสู้กับภัยคุกคามเสรีภาพของโลก ดังนั้นก็ถึงแก่เวลาที่ชาวเกาหลีใต้ ควรก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีตไปได้แล้ว และเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี-ญี่ปุ่น สามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันบนพื้นฐานของค่านิยมสากลในด้านการส่งเสริมเสรีภาพ ก็น่าจะช่วยคลี่คลายความบาดหมางในอดีตได้
แต่ทั้งนี้ ความบาดหมางฝังลึกระหว่างเกาหลี และ ญี่ปุ่น มิใช่เพียงแค่การที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ามากดขี่ ยึดครองและสังหารทหาร และประชาชนชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นของ 'Comfort Women' หญิงชาวเกาหลีที่ถูกทหารญี่ปุ่นใช้เป็นนางบำเรอในกองทัพด้วยความไม่สมัครใจเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในปัจจุบัน สตรีชาวเกาหลีเหล่านั้นหลายคนยังมีชีวิตอยู่ และเรียกร้องให้ญี่ปุ่นออกมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำโดยกองทัพญี่ปุ่น แล้วชาวเกาหลีใต้จะสามารถก้าวข้ามความบาดหมางที่ผ่านมาไปได้อย่างที่ผู้นำเกาหลีใต้ออกมากล่าวในวันปลดแอกปีนี้ได้จริงหรือ?
อย่างไรก็ตามนโยบายการขอคืนดีกับญี่ปุ่นนี้ ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยเรียกว่าเป็นการขยายความร่วมมือกันในหลายมิติ ตั้งแต่ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่ช่วยส่งเสริมสันติภาพ และความก้าวหน้าในระดับนานาชาติ
โดย ยุน ซอก-ยอล ได้อ้างอิงถึง ข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี-ญี่ปุ่น ที่เคยทำร่วมกันในปี 1998 ในสมัย คิม แท-จุง ผู้นำเกาหลีใต้ และ เคโซ โอบุจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Japan–South Korea Joint Declaration ซึ่งเป็นเหมือนพิมพ์เขียวในการสานสัมพันธ์เพื่ออนาคตระหว่าง 2 ชาติชั้นนำในเอเชียกลาง ที่ต่างก็เป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกาทั้งคู่
