Friday, 26 April 2024
ยิ่งลักษณ์_ชินวัตร

‘โรม’ ซัดหนักรัฐบาล 7 ปี สูญงบจัดการน้ำ 2.9 แสนล้าน ทำได้แค่ ‘สวดมนต์ไล่น้ำ - ปลูกบ้านบนที่สูง’ 

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพวกพ้องที่รวมศูนย์อำนาจอยู่ในหมู่ทหาร ประเทศไทยต้องประสบพบเจอกับภัยพิบัติหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโรค COVID-19, ฝุ่น PM2.5, โรคระบาดในปศุสัตว์ (ลัมปีสกิน), อัคคีภัยทั้งในป่าและในเมือง ฯลฯ ที่ต่างพิสูจน์ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ที่อ้างความมั่นคงเหนือสิ่งอื่นใด ละเมิดสิทธิลิดรอนเสรีภาพประชาชนอยู่ทุกวี่วัน ในนามของความมั่นคง กลับไม่ได้มีน้ำยาอะไรดีกว่ารัฐบาลอื่นๆ ในการแก้ไขหรือป้องกันภัยพิบัติเหล่านี้ เพื่อประกันความมั่นคงให้กับชีวิตของประชาชนเลย ยิ่งกับภัยพิบัติบางอย่างยิ่งไร้ประสิทธิภาพและไร้สำนึกรับผิดชอบจนเรียกได้ว่ากลายเป็นตัวปัญหาเสียเอง

และในวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะประจานความไร้น้ำยาของตัวเองอีกครั้งกับภัยพิบัติที่คนไทยต้องประสบพบเจอบ่อยที่สุด เป็นภัยพิบัติที่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นแทบทุกปีภายใต้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในภาคเหนือ, อีสาน, กลาง และใต้ นั่นคืออุทกภัย ที่รอบนี้เกิดขึ้นพร้อมกันนับสิบจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน, ภาคกลางตอนบนและตอนล่าง และยังต้องติดตามต่อไปว่าจะกระทบกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากขนาดไหน

‘ยิ่งลักษณ์’ ชวนดูสารคดี ‘น(า)ทีวิปโยค : 10 ปีมหาอุทกภัย’ เสียงบอกเล่าจากบุคคลในเหตุการณ์น้ำท่วม 54

18 ต.ค. 64 - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra ระบุว่า ฝากคลิปสารคดีจากพรรคเพื่อไทยที่มาสัมภาษณ์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ ความทรงจำ การบริหารจัดการน้ำเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ควรเร่งแก้ไข เพื่ออนาคตที่ดีของคนไทยค่ะ 

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แชร์เพจพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า 10 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเกิดมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วม น้ำหลาก น้ำป่า น้ำเขื่อน พากันไหลบ่าท่วมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ความยากลำบากเกิดขึ้นกับประชาชนแทบทุกจังหวัด ความเสียหายรุนแรงและยาวนานมากกว่า 6 เดือน จนกลายเป็นภาพหลอนที่ยังคงฝังใจหลายคนมาจนถึงทุกวันนี้

"เสกสกล" ตีแสกหน้า "ปู" สุมหัว "ปลอดกับโต้ง" ออกคลิปน้ำท่วม'54 แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวอย่างไม่เกรงใจประชาชน โยนบาปให้คนอื่น

19 ตุลาคม นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เผยแพร่คลิป “น(า)ทีวิปโยค : 10 ปีมหาอุทกภัย” ย้อนรอยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยนายเสกสกล ได้ออกมาเปิดเผยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณคิดเพื่อไทยทำอีกหลายคน โดยเฉพาะนายปลอดประสพ สุรัสวดี และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิง กล่าวหาหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงพยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ฟอกตัวอย่างไม่เกรงใจประชาชนที่ทุกข์ระทมขมขื่น มีชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็นหลายเดือนจากการบริหารจัดการน้ำไร้ประสิทธิภาพในยุคนั้น 

ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์น้ำท่วมปี 2554 ยาวข้ามปีไปถึง 2555 คนไทยจำได้ดี น้ำท่วมกินพื้นที่กว่า 36 ล้านไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 65 จังหวัด ไล่ตั้งแต่เชียงใหม่ลงมาถึง กทม. ประชาชนเดือดร้อนกว่า 12 ล้านคน คนตายอย่างน้อย 815 คน มีคนไทยกว่า 5 ล้านคน กลายเป็นผู้อพยพ คนงานเกือบ 650,000 คน ตกงานหรือได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีนักวิชาการธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ 1.425 ล้านล้านบาท

แต่มาวันนี้นางสาวยิ่งลักษณ์กับพวกกลับหน้ามึนถึงขนาดออกมาโยนขี้ให้คนอื่นไปทั่ว ไม่เห็นความบกพร่องผิดพลาดของพวกตนเลย พยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ด้วยวาทกรรมเดิมๆ ทั้งๆ ที่ความจริง รัฐบาลยิ่งลักษณ์แถลงนโยบายในวันที่ 23 สิงหาคม 2554 หากใส่ใจกับการแก้ปัญหาจริงๆ เหมือนการออกพาสปอร์ตและแก้ปัญหาให้พี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีอยู่ ย่อมจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนทุเลาลงได้มากกว่านี้หลายเท่านัก 

สถานการณ์น้ำท่วมปี 54 ส่งสัญญาณมาจากพายุไหหม่า และนกเต็น ตั้งแต่เดือน มิ.ย. และ กค. 2554 มีสถานการณ์น้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก แต่ยิ่งลักษณ์มัวแต่นวยนาด กว่าจะลงมือแก้ปัญหาจริงๆ จังๆ ก็กลางเดือนกันยา 54 กว่าจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยก็เดือนตุลา 54 ใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์ แล้วสุดท้ายขนาดดอนเมืองยังปล่อยให้ท่วม แล้วชีวิตชาวบ้านจะเหลืออะไร นั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากของคนไทย ที่ต้องทนอยู่กับนายกฯ โง่ๆ และรัฐบาลหุ่นเชิดที่คอยแต่รับคำสั่งจากคนแดนไกลอย่างแท้จริง

อดีตนายกฯ ‘ยิ่งลักษณ์’ โพสต์ 8 ปี 22 พ.ค. 57 โดนยึดอำนาจ ระบุภาพจำชัดเจนขึ้น หลังคณะรัฐประหารไม่ "turn on" ตามที่สัญญา หวังฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกันเอาชนะในสนามเลือกตั้ง ทวงคืนอำนาจ

เมื่อวันที่ 21 พ.ค.65 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระบุว่า พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ รัฐบาลดิฉันถูกยึดอำนาจไป 8 ปีแล้ว สำหรับบางคนดูเหมือนจะนานแต่ความทรงจำช่วงนั้นยังคงชัดเจนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการออกมาประท้วงให้ยุบสภาผ่านการชัตดาวน์กรุงเทพมหานคร ปิดกั้นการทำงานของหน่วยงานราชการ แม้ดิฉันได้คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก็มีการขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้กลไกประชาธิปไตยทำงานเพื่อทำให้บ้านเมืองเกิดสุญญากาศทางการเมืองประเทศถึงทางตัน เป็นเหตุให้นำไปสู่การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ดิฉันจำได้ดีภาพที่หัวหน้าคณะรัฐประหารได้ออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯเพื่อประกาศยึดอำนาจพร้อมกับบอกว่า รัฐบาลทำบ้านเมืองเสียหายจึงยึดอำนาจและจะคืนความสุขให้กับคนไทยโดยเร็ว

‘ยิ่งลักษณ์’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ อ้างหนี้สาธารณะเพิ่ม เพราะรับจำนำข้าวหรือบริหารงานไม่เป็น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท ระบุว่า...

จากที่คุณประยุทธ์ชี้แจงในการอภิปรายงบประมาณปี 2566 และได้มีการพาดพิงรัฐบาลดิฉันว่าต้องใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นคำกล่าวหาเดียวกันที่เคยใช้มาเมื่อหลายครั้ง ซึ่งดิฉันก็ได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ตามลิงค์นี้ค่ะ https://www.facebook.com/.../a.20100121.../4413336935377394/

ดิฉันจึงอยากขอฝากอะไรไว้ให้เป็นแง่คิดระหว่างพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีว่า แม้รัฐบาลดิฉันถูกโจมตีอย่างหนักว่า “สร้างหนี้” ทั้งๆ ที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่เพียง 45.91% แต่หลังรัฐประหารผ่านไป 8 ปี หนี้ได้พุ่งขึ้นไปที่ 60.58% โดยรัฐบาลคุณประยุทธ์จัดทำงบประมาณขาดดุลมากขึ้นๆ ทุกปี

หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในช่วง 8 ปีที่ผ่านมามีจำนวนสูงถึง 4.4 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลยังมีแผนการก่อหนี้ไปเรื่อยๆ อย่างไร้ยุทธศาสตร์ของการเพิ่มรายได้ ผิดหลักการที่ต้องใช้เงินกู้เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และเมื่อขณะนี้ประชาชนไม่มีรายได้เพิ่ม หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณลง 

'ยิ่งลักษณ์' เป็นห่วงสถานการณ์น้ำมากในกทม. บ่นอุบ ถ้าได้ทำงานต่อ ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิด

‘ยิ่งลักษณ์’ บ่นอดเสียดายโครงการจัดการน้ำทั้งระบบที่เคยวางแผนมิได้ หากวันนั้นได้มีโอกาสเดินหน้านโยบาย วันนี้ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิดแนะ รัฐบาลวางแผนระบายน้ำประสานงานกับ กทม.

(11 ก.ย. 65) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก 'Yingluck Shinawatra' ระบุว่า จากที่ดิฉันได้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศในประเทศไทย เห็นว่าปีนี้เป็นปีที่ฝนตกมาก ทำให้มีปริมาณน้ำมาก แม้อาจจะไม่เท่าปี 2554 แต่ก็อดห่วงพี่น้องเกษตรกรไม่ได้ค่ะ โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มภาคกลาง เพราะพบว่ามีการปล่อยให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่นา ทำให้ผลผลิตข้าวของชาวนาได้รับความเสียหาย ทั้งๆ ที่ควรระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังพร่องอยู่ ขณะที่น้ำจากทุ่งรังสิตกำลังเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ

‘เต้น-ณัฐวุฒิ’ โบ้ย ‘พธม.’ ต้นเหตุเกิดรัฐประหารปี 49 หากวันนั้นหยุดชุมนุมหลังยุบสภา บ้านเมืองคงไปอีกทาง

(19 ก.ย. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาว่า รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นจุดเริ่มต้นมหากาพย์ความขัดแย้งของสังคมไทย มาตลอด 16 ปี การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ในช่วงปี 2548 - 2549 แม้จะมีขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์การเมืองได้ ถ้ากลุ่ม พธม. ยุติการชุมนุมไปหลังจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ประกาศยุบสภา บ้านเมืองอาจไปอีกทางหนึ่ง และจะไม่มาสู่หนทางนี้ได้ กระทั่งเมื่อกองทัพและเครือข่ายชนชั้นนำทำรัฐประหาร จึงกลายเป็นการเริ่มนับหนึ่งของมหากาพย์ความขัดแย้ง ก่อวิกฤตความแตกแยกของสังคมไทยยาวนานมาจนถึงวันนี้

16 ปีผ่านไป ตัวละครหลักในเหตุการณ์ยังคงอยู่ครบ ทั้งฝ่ายการเมือง กองทัพ และเครือข่ายอำนาจชนชั้น ขณะเดียวกัน 19 กันยา 49 และผลพวงจากเหตุการณ์นั้น ก็ให้กำเนิดตัวละครใหม่ เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง กระทั่งขบวนการหนุ่มสาว ที่ออกมาร่วมกันต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เกิดการเรียนรู้อุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีนักประชาธิปไตยเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา เครือข่ายชนชั้นนำและกองทัพที่มีอิทธิพลสำคัญในมหากาพย์ความขัดแย้งนี้ ก็ไม่ได้รอดพ้นจากความเสียหายที่ก่อไว้ เพียงยังทรงตัวอยู่บนรอยปริร้าวของตัวเองได้ชั่วคราว แต่วันหนึ่งความเสียหายร้ายแรงจะลุกลามไปถึง

จับตา!! อาการปากกล้าขาสั่น 'รัฐบาลเศรษฐา' อาจยอมลดทิฐิ ก่อนปม 5.6 แสนล้านมาจากไหน? ทำไมต้อง 'ดิจิทัล โทเคน'? ลาม

สามสี่วันก่อน 'เล็ก เลียบด่วน' เขียนถึงระเบิด 3 ลูกของรัฐบาล คือ เงินดิจิทัล วอลเลต, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมคดีการเมือง…วันนี้ก็เลยต้องขอตามไปดูอีกนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้ผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปคนละหมื่นบาท…วงเงินงบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท

ก็ต้องวิเคราะห์และสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า…แม้รัฐบาลจะยืนกระต่ายขาเดียว ยืนยันว่าจะเดินหน้า แต่ก็เริ่มออกอาการปากกล้าขาสั่นกันบ้างแล้ว…หลังจากที่กระแสต่อต้านด้วยหวั่นเกรงว่าจะนำพาประเทศชาติเสียหาย สะท้านสะเทือนนโยบายทางการคลัง ซ้ำรอยเดียวกับโครงการรับจำนำข้าว...

อาจารย์เมธี ครองแก้ว นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อดีตกรรมการ ปปช. ถึงกับออกบทความยาว 4 หน้า สะกิดเตือนแรงๆ พร้อมเสนอแนะให้ ปปช.ทักท้วงไปยังรัฐบาล แบบเดียวกับที่ทักท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์กรณีโครงการรับจำนำข้าว...แต่ครั้งนั้นยิ่งลักษณ์ไม่นำพา จนถูกดำเนินคดีผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ต้องหลบลี้อยู่ต่างแดนจนวันนี้...

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ปปช.ไปชี้แจงรายงานผลงานในรอบปี และ สว.สมชาย แสวงการ ก็หยิบยกเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ฝากให้ ปปช.ตลอดจน กกต. และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมกันตรวจสอบโครงการนี้เสียแต่เนิ่นๆ โดยได้เอ่ยอ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 245...

เพื่อความงดงามตามท้องเรื่อง 'เล็ก เลียบด่วน' ขออนุญาตยกมาตรา 245 มาให้ดูเต็มๆ ครับ

“มาตรา 245 เพื่อประโยชน์ในการจะระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน...

...ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบดังกล่าว ให้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบนั้น ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย”    

ครับ!! แม้ดูเหมือนข้อเสนอนี้ อาจจะเร็วไปบ้างเล็กน้อย เพราะรัฐบาลยังไม่แถลงให้เป็นเรื่องเป็นราวว่าจะเอางบประมาณโครงการ 5.6 แสนล้านบาทมาจากไหน...ทำไมไม่ใช่แอปฯ เป๋าตัง...แต่ใช่หรือไม่ว่าคำถามและข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเร็วไปบ้างนี่เองที่จะทำให้รัฐบาลได้คิดหรือลดทิฐิลง...

ดังเช่นตอนนี้รัฐบาลเริ่มขาสั่นยอมทบทวนในบางประเด็นแล้ว เช่น ประเด็นขยายพื้นที่การใช้จ่าย และที่สำคัญระบุว่าคนที่จะใช้จ่ายต้องแสดงตัวตน...ซึ่งประเด็นนี้จะเท่ากับลดจำนวนเงินงบประมาณไปได้บ้าง เพราะคนที่ไม่ไปแสดงตนก็คงมีจำนวนหนึ่ง...

อย่างไรก็ตาม...ประสา 'เล็ก เลียบด่วน' ก็ฟันธงว่า  ประเด็นสำคัญที่จะนำไปสู่ความร้อนฉ่าและฉาวโฉ่ในอนาคตของโครงการนี้น่าจะอยู่ที่ผลประโยชน์อันเป็นวาระซ่อนเร้นเกี่ยวกับวิธีการใช้จ่ายผ่าน...ดิจิทัล โทเคน ที่มีจะมีค่าบริการและค่าออกโทเคน  ซึ่งคนที่มีความรู้เรื่องนี้ดีคนหนึ่งก็คือคนชื่อ 'เศรษฐา' นั่นเอง...

ว่ากันว่า...ถ้ารัฐบาลยังขาไม่สั่นในประเด็น 'ดิจิทัล  โทเคน' และจะเดินหน้าต่อไป...มหกรรมการแฉข้อมูลชุดใหญ่ไฟกะพริบที่จะโยงไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในทำเนียบรัฐบาลจะออกมาเต็มคาราเบล...

พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่คิดจะช่วยนายกฯ เศรษฐากันบ้างหรือครับ..!!??

'ศาลฎีกา' ยกฟ้อง ‘ยิ่งลักษณ์’ คดีย้าย ‘ถวิล’  ชี้!! ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

(26 ธ.ค.66) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ศาลฎีกา อม.) สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.11/2565 อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ กรณีโอนย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ศาลฯ พิพากษายกฟ้องและเพิกถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหตุจำเลยไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ

โดยศาลฯ วินิจฉัยว่ายังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาพิเศษและรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยโอนย้ายนายถวิลเพื่อให้ตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่างลง

ภายหลังการอ่านคำพิพากษา นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ผลของคำพิพากษาวันนี้ คือ ยกฟ้องอดีตนายกยิ่งลักษณ์ สาระสำคัญ คือ ความเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการทั้งหมด การโยกย้ายก็เป็นไปตามกฎหมายข้าราชการพลเรือน มาตรา 57 สามารถกระทำได้ ประเด็นที่สองเรื่องการกระทำความผิดทางอาญา ต้องอาศัยเจตนาเป็นสำคัญ ตามมาตรา 59 ในทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปกลั่นแกล้งนายถวิล ประเด็นที่สามในเรื่องของคำพิพากษาศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญ ในส่วนของศาลปกครองเป็นการพิจารณาถึงการโอนย้ายชอบหรือไม่ชอบ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการพ้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ไม่มีเรื่องการกระทำผิดทางอาญาจึงไม่อาจนำคำพิพากษาทั้งสองศาลมาฟังว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์กระทำผิดทางอาญา

ศาลฎีกาฯ มติเอกฉันท์ ยกฟ้อง-ถอนหมายจับ 'ยิ่งลักษณ์' พร้อมพวก ปมคดีจัดอีเวนต์โรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย งบ 240 ล้านบาท

(4 มี.ค. 67) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 พิพากษายกฟ้องคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกรวม 6 คน ประกอบไปด้วย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ, บริษัทมติชน จำกัด (มหาชน), บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ นายระวิ โหลทอง จำเลยที่

ความผิดเกี่ยวกับการเสนอโครงการ โรดโชว์ ที่ไม่ใช่กรณีเร่งด่วนขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจบิดผันสั่งอนุมัติงบกลาง มีเจตนาร่วมกันในการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษอันเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ และยังมีการร่วมกันดำเนินการเพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีมติยกเว้นการลงนามในสัญญาก่อนได้รับเงินประจำงวดทั้งที่ไม่ได้เข้าเงื่อนไข เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจำนวนเงิน 239,700,000 บาท

โดยศาลชี้ว่าจำเลยที่ 1-3 ไม่มีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และ 157 และไม่มีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ปี 2561 มาตรา 192 และมาตรา 123 /1 รวมถึงไม่มีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ปี 2542 มาตรา 12 และ 13 และชี้ว่าจำเลยที่ 4-6 ไม่มีความผิดตามคำฟ้องเช่นกัน โดยยังไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86

จากการไต่สวนพยานและหลักฐานศาลชี้ว่า การที่จำเลย 1-3 ดำเนินนำงบกลางจำนวน 40 ล้านบาท มาจัดดำเนินโครงการโรดโชว์ เป็นการดำเนินนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งศาลมีอำนาจวินิจฉัยถึงการใช้งบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐและตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการพิจารณาร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของนางสาวยิ่งลักษณ์ และไม่ได้กำหนดเวลากระชั้นชิดเพียงเพื่อเป็นเหตุอ้างในการใช้งบกลาง ประกอบกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณมีความเห็นว่าสมควรที่นายกรัฐมนตรีจะอนุมัติงบกลางนี้ได้ จึงเป็นดุลยพินิจที่กระทำไปบนพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริงเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้นอีกทั้งการจัดโครงการโรดโชว์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด

และยังกล่าวถึงพฤติการณ์ของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ว่าไม่ปรากฏว่ามีส่วนร่วมหรือแนะนำโดยมิชอบ ในกระบวนการเสนออนุมัติงงบกลาง ในการดำเนินการ และไม่ปรากฏพฤติการณ์ในการร่วมกันแทรกแซงหรือมีคำสั่งให้ เลือกบริษัทมติชนและบริษัทสยามสปอร์ตเป็นผู้รับจ้างโครงการไว้ล่วงหน้าก่อนเริ่มการจัดจ้าง หรือไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะอย่างใดเพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์หรือเลือกเฉพาะเจาะจงหรือกีดกันผู้เสนอราคารายอื่น

ขณะเดียวกัน จากการไต่สวนข้อเท็จจริงได้ความว่า เห็นว่านายสุรนันทน์ไม่ได้กระทำการ ในลักษณะที่เป็นการชี้นำหรือจูงใจหรือให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ และไม่ได้มีบุคคลใดสั่งให้เลือกบริษัทเอกชนทั้งสองเป็นผู้รับจ้าง ซึ่งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เป็นไปภายใต้เงื่อนไขการดำเนินโครงการที่กระชั้นชิด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ทำได้ตามระเบียบกฎหมาย จึงไม่ได้ใช้วิธีการประกวดราคา ตามข้อกล่าวหาจึงขาดเรื่องเจตนาพิเศษ ในการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการอนุมัติจัดโครงการ เพื่อทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

โดยประการสำคัญที่สุดหลังเกิดเหตุรัฐประหารเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าโครงการโรดโชว์ เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุจึงอนุมัติเบิกจ่าย สอดคล้องกับการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดพบว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานรัฐ ดังนั้นจึงฟังได้ว่านายสุรนันทน์ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติ

สำหรับโครงการอีก 10 จังหวัดในวงเงิน 200 ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่กระชั้นชิดไม่มีเวลาเพียงพอที่จะใช้วิธีการประกวดราคา และเข้าเงื่อนไขตามระเบียบสำนักนายกฯรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุเช่นเดียวกัน

ส่วนจำเลย 4-6 จากข้อเท็จจริงทางไต่สวนรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดซึ่งกรณีการแบ่งจังหวัดของบริษัทมติชนและบริษัทสยามสปอร์ตนั้นเป็นไปตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและเพื่อจัดทำงานนำเสนอจึงไม่ถือว่าเป็นการตกลงร่วมกันฮั้วประมูลจึงไม่ผิดตามคำฟ้อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top