Sunday, 20 April 2025
มณีรัตน์_ลิมป์รัตนกาญจน์

‘มณีรัตน์’ ชูนโยบาย "มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า" ตอบโจทย์ลดรายจ่าย ช่วงน้ำมันแพง

ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภูมิใจไทย “พระโขนง - บางนา” ชูนโยบาย “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” เชื่อ ตอบโจทย์ลดรายจ่ายช่วงน้ำมันแพง – แก้ปัญหามลภาวะทางอากาศ

(29 มี.ค. 66) น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตพระโขนง-บางนา พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า หลังจากลงพื้นที่รับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยมีโอกาสได้พูดคุยกับวินมอเตอร์ไซค์ ไรเดอร์ และผู้ใช้รถจักรยานยนต์ พบว่าเกือบทุกคนประสบปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่เพิ่มต้นทุนของอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไรเดอร์ส่งสินค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป 

ประกอบกับปัญหาโลกร้อน และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังวิกฤตส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากในตอนนี้ พรรคภูมิใจไทย เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงมีนโยบาย มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และติดตั้งแผงโซล่าร์ลูฟบนหลังคา เก็บพลังงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนมาเป็นไฟฟ้า เป็นการประหยัดค่าไฟลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ทั้งอากาศ และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นได้ ตอบโจทย์ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษ PM 2.5 และยังช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า ให้พี่น้องประชาชนอีกด้วย 

น.ส.มณีรัตน์ กล่าวต่อว่า นโยบายนี้หากบ้านไหนติดตั้งแผงโซล่าร์ลูฟบนหลังคา จะให้สิทธิซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าบ้านละ 1 คัน ในราคา 6,000 บาท ด้วยระบบผ่อนชำระเพียงเดือนละ 100 บาท เป็นเวลา นานถึง 60 งวด และสามารถใช้เครดิตพลังงานเติมกระแสไฟฟ้าได้ โดยไม่ต้องจ่ายค่าพลังงานสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายให้แก่ประชาชน ทั้งการซื้อรถราคาถูก และไม่ต้องเสียเงินค่าพลังงาน ส่วนตัวจึงเชื่อว่า นโยบายมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะตอบโจทย์ทั้งลดช่วยต้นทุน เพิ่มรายได้ พร้อมยกระดับชีวิตพี่ๆวินมอเตอร์ไซค์ ไม่ต้องแบกรับภาระหนักซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจ รายรับไม่พอรายจ่ายอีกต่อไป

‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ชี้ ไทยควรมีแจ้งเหตุร้ายผ่านมือถือ หลังเผชิญเหตุกราดยิง แต่ไร้ระบบเตือนภัย - แนะวิธีปฏิบัติตัว

(4 ต.ค. 66) นางสาวมณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์ อดีตคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ดีกรีนักกฎหมายจาก King's College London และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเหตุการณ์กราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 โดยระบุว่า ในฐานะผู้ประสบภัย จากเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า บ้านเราควรจะมี SOS Alert ผ่านมือถือแล้วหรือยัง

ณ เวลาที่มีเสียงปืนดังขึ้น ตอนนั้นดิฉัน สามี และลูกสาวอยู่ใน Sea Life Ocean World ที่ชั้น B1 เจ้าหน้าที่ของ Sea Life รีบทำการปิดประตูรั้วเหล็กลง และไม่ให้ลูกค้าเดินออกไป ในตอนนั้นไม่มีใครรู้เหตุผลเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ให้เราออกไปข้างนอก ครอบครัวเราก็เช่นกันเนื่องจากตอนที่อยู่ด้านล่าง จะไม่ได้ยินเสียงปืนด้านบนเลย รู้แต่เพียงว่าให้รวมตัวกันไว้ และรออยู่ด้านใน ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะพอสมควร ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าหน้าที่ของ Sea Life เพียงแต่บอกว่ามี Emergency Case ที่ด้านบน ในประเด็นนี้ก็เข้าใจว่าพยายามไม่ให้นักท่องเที่ยวตื่นตกใจ ซึ่งก็ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีเยี่ยม

ในตอนนั้นสิ่งเดียวที่เราทำได้ คือหาข่าวจากสื่อ Social Media ต่างๆ และโทรเช็คข่าวกับที่บ้านว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อจะได้เตรียมรับมือได้ถูกต้อง ในทางกลับกันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ติดอยู่ด้วยกัน ไม่สามารถอัปเดตข่าวสารจากข้างนอกได้เลยได้เพียงแต่อดทนรอแบบไม่รู้สาเหตุ กลายเป็นคนที่ต้องประสบเหตุเผชิญสถานการณ์กลับรู้เรื่องน้อยกว่าบุคคลภายนอกเสียอีก จุดนี้เองส่วนตัวแล้วมองว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็นในเหตุเฉพาะหน้าเช่นนี้ ทำให้คิดต่อไปว่า ถ้าบ้านเรามีระบบแจ้งเตือน ไม่ว่าจะเป็นช่องทาง SMS หรือช่องทางใดๆก็ตาม เพื่อแจ้งเตือนให้บุคคลที่อยู่บริเวณที่ประสบเหตุทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมบอกวิธีการปฏิบัติตัวก็คงจะเป็นเรื่องดี อย่างน้อยทำให้คลายความกดดัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top