Monday, 9 June 2025
ภูกระดึง

‘ป่าภูเขียว-อช.น้ำหนาว-ภูกระดึง’ ได้ขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน ภาครัฐฯ พร้อมเดินหน้าคุ้มครอง-รักษาสภาพธรรมชาติอย่างยั่งยืน

(5 ก.ค. 66) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 34 (34th Meeting of the ASEAN Senior Officials on the Environment : 34th ASOEN) วันที่ 1 สิงหาคม 2566 ได้พิจารณารับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียน (ASEAN Heritage Park : AHP) ของประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง ได้แก่

- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียวและอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 56 
- อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งที่ 57

ได้พิจารณารับรองให้โรงเรียนสาธิตเทศบาลบ้านหัวหิน เข้ารับรางวัลโรงเรียนที่มีกระบวนการจัดการเรียนการสอนสิ่งแวดล้อมดีเด่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN ‘ASEAN Eco-Schools’ ระดับมัธยมศึกษาและระดับประถมศึกษา รวมทั้งรับรองให้นายมนตรี เจือไธสง เข้ารับรางวัลนักวิจัย / ครูผู้สอนสิ่งแวดล้อมศึกษาดีเด่น ระดับชาติและระดับนานาชาติ กลุ่ม ASEAN ‘ASEAN Youth Eco-Champions Award’

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองเป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติตะรุเตา กลุ่มอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลันและอ่าวพังงา กลุ่มป่าแก่งกระจาน ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติกุยบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง และอุทยานแห่งชาติเขาสก

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการนำเสนอ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ให้เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 หลายภาคส่วนได้ร่วมกันเตรียมเอกสารนำเสนอข้อมูลพื้นที่ ตลอดจนเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อให้สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินได้ ซึ่งไทยมีความโดดเด่นหลายประการ อาทิ การอนุรักษ์ธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ มีพื้นที่ที่มีความเชื่อมโยงกับประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น

“โลกมีการตื่นตัวเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและเร่งพัฒนาแนวความคิดของคนไทยอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ การสนับสนุนให้พื้นที่ในประเทศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อเป็นพื้นที่คุ้มครอง รักษาสภาพธรรมชาติ ร่วมกับให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งอุทยานแห่งชาติจะช่วยรักษาสภาวะสมดุลธรรมชาติ พร้อมกันนี้ รัฐบาลสนับสนุนให้ระบบการศึกษาไทยให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม สร้างการตระหนักรู้ตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะส่งผลต่อการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

'อดีตทูตนริศโรจน์' โพสต์!! ส่วนตัวไม่ขัดสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง ช่วย 'อำนวยความสะดวก-ดูแลจราจรมนุษย์-ธรรมชาติไม่เสื่อม'

(4 ธ.ค.66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj ว่า...

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยกับการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงครับ ด้วยเหตุผล...

1.กระเช้าไม่ได้ทำลายธรรมชาติ ต้นไม้ก็ยังขึ้นได้ด้านล่าง ยกเว้นแค่ที่ตั้งเสาเท่านั้น National Park ในต่างประเทศเขามีมานานแล้ว

2.ข้างบนภูกระดึงมีชุมชน มีคนอาศัย มีสำนักสงฆ์ ที่ต้องการเดินทางโดยสะดวก

3.การมีกระเช้าสามารถควบคุมการบริหารจัดการจำนวนคนได้ดีกว่าปล่อยให้เดินขึ้นไปแบบสะเปะสะปะ แบบควบคุมไม่ได้

4.กรณีมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องขนย้ายคนก็สามารถทำได้รวดเร็วกว่า

5.ถ้ามีรถกระเช้าขนส่งสิ่งของเหลือใช้ / ขยะก็สามารถขนย้ายระบายนำมาฝังกลบ / กำจัดด้านล่างได้แทนที่จะทิ้งบนยอดภู

'อ.ศศิน' เผย 'สร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง' อาจมีประโยชน์ แต่ยังมีโจทย์ 3 ข้อ ที่ยังไม่มีใครตอบ หากตัดสินใจจะสร้างจริงๆ

(7 ธ.ค. 66) นายศศิน เฉลิมลาภ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม อดีตประธานมูลนิธิ สืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า...

#กระเช้าภูกระดึง โจทย์ที่ต้องตัดสินใจของประเทศไทย 3 ข้อ

ถ้าทำกระเช้าภูกระดึง จะมีสิ่งที่อาจเป็นประโยชน์หลายประการ...

ประการแรก ธุรกิจที่สัมพันธ์กับอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน อาคารพาณิชย์ ที่มีคนครอบครองอยู่รอบ ๆ ภูเขาภูกระดึง และเส้นทางสู่ภูกระดึงจะคึกคัก ทั้งการเพิ่มมูลค่า การหมุนเวียนของเม็ดเงินต่าง ๆ ในการขยายกิจการเพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีมากขึ้น และหมุนเวียนมาเยือนเพื่อขึ้นลงกระเช้าไปที่ราบกว้างใหญ่บนยอดเขา ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้สองเท้าเดิน

ประการที่สอง ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองขึ้นไม่ไหว ไม่มีเวลา และไม่กล้าขึ้น รวมถึงผู้มีข้อจำกัดเรื่องอายุและสภาพร่างกายมีโอกาสขึ้นไปได้

และกระเช้าไฟฟ้าอาจช่วยนำคนเจ็บป่วย บาดเจ็บ ขยะ ขนส่งข้าวปลาอาหาร เครื่องใช้ขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

นี่เป็นเหตุผลง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่…การสร้างกระเช้าภูกระดึง มีโจทย์ที่ไม่มีใครคิดจะตอบ 3 ข้อ 3 ระดับ...

#ระดับที่ 1 ภูกระดึงเป็นเส้นทางท่องเที่ยวเดินขึ้นเขาที่เป็น Trekking trail ที่ดีที่สุดของประเทศ เมื่อประเมินจากระยะทางที่ไม่ไกลมาก แทบไม่มีอันตรายอะไรถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุจากความประมาท การจัดการที่ลงตัว มีค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวไม่แพง รวมถึงเมื่อขึ้นไปแล้วมีที่สวย ๆ ให้เดินเที่ยวมากมาย เรียกว่าคุ้มค่าเดินขึ้นและเดินเที่ยวสิ่งที่ว่ามาทำให้ภูเขาลูกนี้ทำหน้าที่มอบความรักธรรมชาติ ให้เราได้ซึมซับความงามทั้งจากธรรมชาติและมิตรภาพระหว่างทาง รวมถึงการเรียนรู้ที่บังเกิดขึ้นมากมายระหว่างความอดทนตอนเดินขึ้น สถานที่แบบนี้ในไทยมีที่เดียวคือ 'ภูกระดึง' ส่วนที่อื่น ๆ มีถนนขึ้นถึง หรือเดินไกลเกินไป เดินไปถึงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดูมากนัก

ดังนั้น เมื่อมีกระเช้า ความท้าทายให้ไปถึงเรื่องที่ว่ามา ย่อมสู้ความสบายเย้ายวนจากการขึ้นกระเช้าไม่ได้

คนจะเดินขึ้นก็คงมีน้อยยิ่งกว่าน้อย

พวกที่เลือกเดินจึงเป็นคนที่รักธรรมชาติมากมายอยู่แล้ว คนที่ขึ้นกระเช้าไปก็ไม่ได้ซึมซับอะไร ไม่ต่างจากการขับรถขึ้นภูเรือ ดอยอินทนนท์ หรือภูเขาอื่น ๆ ที่กลับมาแล้วไม่มีความหมายอะไร ภูกระดึงทำหน้าที่นี้ให้ประเทศไทยมากว่า 50 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่จนถึงปัจจุบัน

การมีกระเช้าหมายถึงเราเลิกใช้ฟังก์ชันนี้ของภูกระดึงแล้ว จะเทียบไปคงเหมือนเปลี่ยนวัด โบสถ์ วิหาร เป็นบอร์ดนิทรรศการพุทธศาสนา

นี่คือเรื่องที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะเลือกทิ้งคุณค่าจากสิ่งนี้ไปหรือไม่

#ระดับที่ 2 จากผลการศึกษาและการออกแบบระบบกระเช้า คาดว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (เช่นตัดต้นไม้ไม่กี่ต้น) แต่ผลที่ตามมาหลังจากมีกระเช้า ยังไม่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

เช่นเมื่อคนจำนวนมากขึ้นไปข้างบนแล้วจะต้องสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมแน่ ๆ เช่น อาคารกลางแหล่งธรรมชาติ

ที่สำคัญคือ ถนนหนทางข้างบนที่ต้องรองรับผู้มาเยือนที่ไม่เตรียมตัวไป ‘เดิน’ และไม่พร้อมจะรับรู้ทั้งนั้นว่าทำไมไม่มีรถวิ่งไปชมที่ท่องเที่ยวที่ห่างจากสถานีกระเช้าหลายกิโลเมตรในแต่ละที่

รวมถึงการจำกัดคนค้างแรม การจัดการขยะ ต่าง ๆ ภายใต้สถานภาพความเป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย กำลังคน งบประมาณในการดูแลให้คงสภาพธรรมชาติ

เราพร้อมจะปล่อยให้ที่สวย ๆ ข้างบนพังไปอีกที่ใช่หรือไม่

#ระดับที่ 3 ถ้ามีคนขึ้นไปจำนวนมาก เราพร้อมเปลี่ยนพื้นที่อนุรักษ์อันอุดมด้วยธรรมชาติไปรองรับการบริการท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวข้างบนในอนาคตเลยหรือไม่

หากนโยบายวันข้างหน้าจะเอาอย่างนั้น ยกเลิกพื้นที่อุทยานแห่งชาติไปเลย

นี่คือเรื่องที่ต้องตัดสินใจตามกระเช้ามาในระดับท้ายสุด

รัฐบาลนี้ต้องตอบทั้ง 3 คำถามก่อนตัดสินใจ ผมรอฟังอยู่ ก่อนตัดสินใจขึ้นกระเช้าไปทำลายภูกระดึงเดิม ๆ ด้วยกัน

สุดยอด!! ‘คุณยายวัย 74’ โชว์สกิลแบกเป้ พิชิต ‘ภูกระดึง’ ชาวเน็ตแห่ชื่นชม-ยกให้เป็นแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยว

(18 ธ.ค.66) เป็นเครื่องยืนยันว่าหากเราดูแลร่างกายตัวเองดี ๆ อายุเยอะก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น เหมือนกับคุณยายท่านนี้ ในวัย 74 แล้ว สามารถท่องโลกกว้าง เดินขึ้นภูกระดึงได้อย่างชิล

โดยผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่ง เดินทางไปท่องเที่ยวพิชิตยอดภูกระดึง ได้ถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์สุดประทับใจเอาไว้ โดยระบุไว้ว่า “ขออนุญาตคุณยายในคลิปครับ อายุเป็นแค่ตัวเลข พิชิตภูกระดึง”

ทว่าในคลิปจะเห็นคุณยายสวมชุดเดินป่าทะมัดทะแมง แบกเป้ และกระเป๋าข้าง สวมหมวกสีขาวปีกกว้าง มีเพียงไม้เล็ก ๆ ช่วยพยุงทรงตัวเท่านั้น ซึ่งเจ้าของคลิปได้ถ่ายวิดีโอนี้ พร้อมให้กำลังใจคุณยายว่า “สู้ ๆ ครับ” ซึ่งคุณยายตอบกลับว่า “จ้า ยายแก่แล้ว ตอนนี้อายุ 74”

หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไปไม่นาน มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หลายคนยกให้เป็นแรงบันดาลใจในการออกเดินทางท่องเที่ยว

- “คุณยายไปได้ ป้าก็ต้องไปได้เนาะ”
- “อายุไม่ได้ทำอะไรยายได้ ขึ้นไหวเก่ง ส่วนเรารอกระเช้า ชาตินึ้จะได้เห็นภูกระดึงกับเขาไหมหนอ”
- “เดินสวนกับยาย ยายบอกว่าขึ้นจนจำไม่ได้แล้วว่าขึ้นกี่รอบ ยายเก่งมากก”
- “นี่แหละสิ่งที่ท้าทาย อายุจะเพิ่ม แต่พลังไม่ถอย สู่ยอดเขาผู้พิชิตภูกระดึง”

‘อพท.’ ลุย!! เสริมกำลังดัน ‘กระเช้าไฟฟ้า ภูกระดึง’ เตรียมปั้นพื้นที่ท่องเที่ยวยั่งยืน รองรับนักท่องเที่ยว

(24 ก.พ. 68) ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มอบหมายให้ ผู้บริหารสำนักพัฒนาขีดความสามารถการท่องเที่ยว (สพข.) สำนักท่องเที่ยวโดยชุมชน (สทช.) และสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย (อพท.เลย) เดินหน้าลงพื้นที่ จังหวัดเลย เพื่อหารือถึงแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในอำเภอภูกระดึง โดยเตรียมนำมาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (STMS) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ Global Sustainable Tourism Council ไปใช้ในการค้นหาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวตามความบริบทและความเหมาะสมในพื้นที่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในปัจจุบัน และอนาคตที่จะเกิดจากโครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง

ในโอกาสนี้ ผู้บริหาร อพท. ได้เข้าพบ นายศุภฤกษ์ น้อยสุวรรณ นายอำเภอภูกระดึง ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอภูกระดึง พร้อมหารือร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 5 องค์กร ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลศรีฐาน เทศบาลตำบลภูกระดึง องค์การบริหารส่วนตำบลผานกเค้า องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยส้ม และองค์การบริหารส่วนตำบลภูกระดึง ถึงแนวทางการการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมเชิญชวนเข้าร่วมส่งเสริมมาตรฐาน STMS โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 5 องค์กร เห็นถึงความสำคัญในการเตรียมมาตรฐานการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และยินดีเข้าร่วมส่งเสริมมาตรฐาน STMS ของ อพท. และจะร่วมลงพื้นที่สำรวจศักยภาพของพื้นที่ทั้ง 54 หมู่บ้านในโอกาสต่อไป

สำหรับความคืบหน้าในเรื่องการสร้างกระเช้าภูกระดึงนั้น ทางจังหวัดเลยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีความยินดีและพร้อมที่จะร่วมขับเคลื่อนโครงการฯ ร่วมกัน เพราะเป็นโครงการที่รอมานาน และได้ให้ข้อเสนอแนะในการสร้างการรับรู้และสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมให้กับท้องถิ่นและชุมชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงต่อไป โดยขั้นตอนการดำเนินงานต่อไปของ อพท. คือ การพัฒนาศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 5 องค์กร ตามมาตรฐาน STMS และการพัฒนาศักภาพด้านการท่องเที่ยวของ 54 หมู่บ้าน เพื่อให้ได้แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยว เรื่องราวท้องถิ่น อาหารท้องถิ่น เครื่องดื่มท้องถิ่น ของฝากและของที่ระลึก ที่พักและผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ประธานมูลนิธิสืบฯ โพสต์ข้อความ!! สร้างกระเช้าภูกระดึง ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม หนุน!! พัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างภูมินิเวศ รอบภูเขา ให้สวยงาม

(12 พ.ค. 68) นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

อ่านโพสต์ของ ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ แล้วก็ชัดเจนว่า ด้วยเทคโนโลยีการสร้างในปัจจุบัน ตัวกระเช้าเอง ไม่ได้สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่ ลำพังสร้างกระเช้าไม่ใช่ปัญหา 

แต่ในแง่เศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ตัวงบประมาณที่จะใช้สร้างและการดูแลรักษา ลำพังนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวทั่วๆไปมันไม่เพียงพอที่จะให้คุ้มทุนได้เพราะ ตัวภูกระดึงเองเป็นสภานที่ท่องเที่ยวโดดเดี่ยวใครจะมาตรงนั้นคือจะมาภูกระดึงเท่านั้น ซึ่งพอขึ้นไปข้างบนมันไม่ได้มีอะไรที่จะรับการท่องเที่ยวให้คนมาเยอะแยะได้ และไม่มีอะไรดึงดูดให้คนขึ้นไปชมวิวแล้วกลับ เหมือนสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งในต่างประเทศที่ให้ขึ้นไปดูวิว หรือไหว้พระ แบบเป็นนักท่องเที่ยวด่วนๆ อยู่ไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ มันไม่มีอะไรรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นเลย ดังนั้น... 

แต่มีการเพิ่มโครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติอะไรไม่รู้ไว้ข้างบนหลังแปด้วย แล้วก็คาดการณ์ให้มันคุ้มทุนว่าจะมีนักเรียนหรือใครก็ไม่รู้ขึ้นไปเพื่อเที่ยวศูนย์ที่ว่านี่แล้วก็กลับลงมา โดยที่พีคกว่านั้นคือศูนย์ที่ว่านี่ ค่าก่อสร้างก็ไม่ได้รวมอยู่ในงบโครงการกระเช้า เพราะถ้ารวมก็เจ๊งอีกอยู่ดี 

คืออันนี้ชัดเจนว่าพยายามแต่งตัวเลขให้โครงการคุ้มทุน 

เพราะลำพังตัวโครงการเองมันไม่คุ้มทุน ประเทศไทยไม่ได้ร่ำรวยขนาดจะสร้างโครงการที่ไม่จำเป็น ดูแลตัวเองไม่ได้ ต้องคอยเอางบมาเติม หรือต้องปล่อยพังเสียหาย ใช้การไม่ได้ เพราะไม่มีงบมาเติม

รอบนี้ได้ข่าวว่าจะศึกษาใหม่อีก ตามที่ได้ยินมาคือเสียเงินอีก 25 ล้าน มันมีอะไรเปลี่ยนไปหรือถึงจะต้องศึกษาใหม่? บางทีก็ไม่เข้าใจว่าประเทศนี้นึกอยากจะเสียเงินค่าศึกษาอะไรก็ศึกษา คิดโครงการบ้าบออะไรขึ้นมาก็ได้ ขุดโครงการอะไรขึ้นมาจากหลุมมาศึกษาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ คือแค่ค่าศึกษานี่ ถ้าเอาไปทำอย่างอื่น ก็ได้ตั้งเยอะแยะแล้ว...

อันนี้ ดร.นณณ์ โพสต์ไว้เมื่อวาน
https://www.facebook.com/share/p/1E8metZdp9/?mibextid=qi2Omg

ผมมาคิดต่อว่าถ้าเป็นแบบนั้น เราควรทำอะไรกับภูมินิเวศรอบภูเขาภูกระดึง 
เอาเงินที่จะศึกษาเรื่องกระเช้า มาทำแผนพื้นที่วงแหวนรอบภูกระดึงว่า ควรพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนอย่างไร 

ปัจจุบันพื้นที่เกษตรโดยรอบ ยังเป็นพืชเชิงเดี่ยว แห้งแล้ง แต่ยังมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เป็นต้นน้ำที่ค่อนข้างมีสภาพดี ถ้ามีการปรับการปลูกพืชให้เหมาะสม น่าจะทำให้พื้นที่รอบๆกลับมาสวยงาม และเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวแบบที่พักระยะยาว หรือรูปแบบที่เหมาะสมอื่นๆได้ หากมีการศึกษาทางวิชาการจริงๆ

นอกจากภูกระดึงแล้ว มีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆมากมายโดยรอบ หากจะพัฒนาความเชื่อมโยงถึงกัน 

แล้วมามองว่า เที่ยวภูกระดึง กันหนักๆ ช่วงปลายฝนต้นหนาว ถึงก่อนแล้ง แต่ช่วงอื่นๆ ยังมีนักท่องเที่ยวมากระจายรายได้ในพื้นที่วงแหวนนี้ตลอดปี โดยไม่ต้องขึ้นภูกระดึงจะทำอย่างไร ??

ศึกษาเรื่องแบบนี้กันไว้ตรงไหนหรือเปล่าครับ 

เผื่อชวน Nonn Panitvong มาช่วยอ่าน น่าจะสนุกดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top