Saturday, 1 June 2024
พีระพันธุ์

'พีระพันธุ์' ลั่น!! เป็นไปไม่ได้ ตนมีชื่อนั่งนายกฯ ย้ำ!! รทสช. ไม่มีนโยบายแข่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

(3 ก.ค.66) ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.เรียบร้อยแล้ว ยังคงยืนยันว่าจะอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทำหน้าที่ในตำแหน่งเลขานายกฯ ในส่วนของ นายอนุชา บูรพชัยศรี ปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 14 จะได้เลื่อนอันดับมาเป็น ส.ส แทนนั้น ก็ต้องรอให้มีประธานสภาฯ ก่อน

เมื่อถามว่าแม้จะลาออกจาก ส.ส. แล้วยังต้องไปรายงานตัวที่รัฐสภาหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายไม่มีบังคับว่าจะต้องไปรายงานตัว ซึ่งความจริงแล้วจะรายงานตัวเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สำหรับตนไม่ได้ไปรายงานตัวเนื่องจากประสงค์จะทำหน้าที่เลขานายกฯ ย้ำว่าแม้ตนจะไม่ได้เป็น ส.ส ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่หัวหน้าพรรค เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็น ส.ส. ตนก็สามารถบริหารพรรคได้ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นโชคดีของพรรครวมไทยสร้างชาติที่มี ส.ส.ที่มีประสบการณ์หลายคนจึงไม่ห่วงงานในสภา และตนก็จะไปร่วมประชุมด้วยแต่อยู่ด้านนอก ดูแลการทำงาน ส.ส.ในสภา 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีชื่อของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภานั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลที่จะต้องไปเจรจาและตกลงกัน ส่วนทิศทางการโหวตของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น เรายังไม่ได้พูดคุย รอให้มีความชัดเจนก่อน แต่การโหวตจะต้องเป็นไปตามอุดมการณ์และนโยบายของพรรค

เมื่อถามว่า ต้องฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคหรือไม่นั้น นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะพรรคมีแนวทางการทำงานอยู่แล้ว เรายึดมั่นใน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพราะฉะนั้นไม่ขึ้นอยู่กับบุคคล

เมื่อถามย้ำว่า วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีมติในการโหวตเลือกประธานสภาที่ชัดเจนหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ต้องมีมติก็รู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร

เมื่อถามว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มีความชัดเจนที่จะไม่แก้ม.112 หรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ออกความเห็น แล้วแต่สถานการณ์ว่ากันไปในอนาคต

นายพีระพันธุ์ ยังระบุถึงกรณีที่มีชื่อนั่งนายกรัฐมนตรีว่า “ไม่มีครับ คิดมากกันไปเอง คิดลึกกันเกินเหตุ เป็นไปไม่ได้” 

เมื่อถามว่าการโหวตเลือกนายกฯ จะมีการเสนอชื่อแข่งหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่มี เราไม่มีนโยบาย ไปแข่งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวในรายการอิสรภาพแห่งความคิด กับ สำราญ รอดเพชร เมื่อวันที่ 8 ก.ค.66

"ผมคิดว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อย ในความเห็นผมมันอยู่ไม่ได้หรอก แล้วมันจะมีแต่เสียนะครับ แล้วก็จะไปสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น"
 

‘ไบรท์ ชินวัตร’ อดีตแกนนำม็อบ 3 นิ้ว กลับใจมาเปิดร้านอาหาร พร้อมขอบคุณ ‘พีระพันธุ์’ ผู้ใหญ่ที่คอยชี้แนะแนวทางจนมีชีวิตใหม่

(9 ก.ย. 66) นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ‘ไบรท์’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง อดีตแกนนำม็อบราษฎร ก่อนย้ายข้ามขั้วมาเป็นแนวร่วมกลุ่มปกป้องสถาบัน ปัจจุบันได้เปิดร้านอาหารชื่อ ‘แซ่บไบรท์’ โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณ ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

โดยนายชินวัตร ระบุว่า ขอบคุณท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่มีส่วนร่วมทำให้ผมมีวันนี้ ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถืออย่างมากที่คอยให้คำชี้แนะและแนะแนวทางให้กับผมเสมอมา

วันนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้ว ขอพี่น้องทุกท่านร่วมแสดงความยินดีกับท่านไปโพสต์ร่วมกันครับ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา ที่ร้านแซ่บไบรท์ ร้านอาหารของนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ได้รวมตัวจัดกิจกรรมสลายเสื้อสีในชื่อ ‘ปาร์ตี้นัดกระชับมิตร เหลือง & แดง บังเกิดแล้ว’

นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน เปิดเผยถึงความเป็นมาของร้าน ‘แซ่บไบรท์’ ว่า ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง อดีตแกนนำเสื้อแดงนนทบุรีและแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ได้บรรลุดวงตาเห็นธรรมว่า การต่อสู้ที่ผ่านมาในแนวทางของพรรคสีส้มนั้น เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันฯ ยิ่งต่อสู้ในแนวทางที่ผิดๆ ชีวิตไบรท์ ก็ยิ่งถลำตกต่ำ มีแต่คดีความติดตัวเป็นหางว่าว ไปสมัครงานที่ไหนใครเขาก็ไม่รับ ปากกัดตีนถีบทำงานรับจ้างทุกอย่างชีวิตก็ไม่ดีขึ้น เมียก็ต้องเลี้ยงลูกที่ยังเล็ก วิธีที่จะให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ คือการแปะบัญชีเปิดรับบริจาค มุดแชทไปขอยืมเงินทุกคนที่รู้จัก จนมีฉายาว่า ‘ไอ้ไบรท์ขอทานออนไลน์’

การดึงคนที่หลงผิดให้กลับมาเดินบนเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง ตามครรลองนั้นไม่ใช่เรื่อง่าย การมีพี่เลี้ยงคอยประคับประคองจึงเป็นเรื่องจำเป็น ‘มูลนิธิเอื้อมถึง’ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย การช่วยครั้งนี้เพื่อให้โอกาสคนหมดที่พึ่งสามารถยืนได้ด้วยสัมมาอาชีวะของตัวเอง และสัมมาทิฎฐิที่ถูกต้อง การช่วยที่ยั่งยืนคือการให้โอกาส ทำให้คนพึ่งตนเองได้จากการทำงานที่สุจริตจากความรู้ความสามารถพรสวรรค์ที่ตนเองมี เฉกเช่นเมียไบรท์ ที่มีฝีมือในการทำอาหารอีสาน ร้านส้มตำแซ่บไบรท์ จึงเป็นคำตอบ

ฝั่งชังชาติมีทุนสีเทา มีกองทุน มีท่อน้ำเลี้ยงคอยสนับสนุนเส้นทางการเงิน ให้กับคนที่ก่อความไม่สงบสุขในบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่ฝ่ายคอยปกป้อง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เคยมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หน่วยงานหรือองค์กรใดมาให้ความช่วยเหลือ ภาคประชาชนต้องช่วยกันเองตามมีตามเกิด ‘แซ่บไบรท์’ เป็นมากกว่าร้านอาหาร ร้านนี้แฝงไปด้วยสัจธรรม และความจริงของชีวิต การให้โอกาสคนที่หลงผิดมีชีวิตใหม่คือทานที่ยิ่งใหญ่ การมีแล้วแบ่งปันคือการทำให้สังคมน่าอยู่

‘พีระพันธุ์’ แจ้งข่าวดี ครม.เห็นชอบลดภาระปชช. เคาะดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ลดค่าไฟลง 30 สต.

‘พีระพันธุ์’ โพสต์แจ้งข่าวดี ครม.เห็นชอบกำหนดราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่วนเบนซินจะคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร เตรียมปรับลดเบนซินให้กลุ่มเปราะบางใช้ประกอบอาชีพ พร้อมปรับลดค่าไฟลง 30 สต. ตรึงราคาก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก.เหลือ 423 บาท

(13 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการลดราคาพลังงานว่า…

วันนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนได้เสนอเรื่องปรับลดราคาพลังงานต่อที่ประชุม ครม. ทันทีหลังเสร็จการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวาน โดย ครม.รับทราบและเห็นชอบกับแนวทางของกระทรวงพลังงาน และกระทรวงการคลังที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลราคาไม่ให้เกินลิตรละ 30 บาท เบนซินเบื้องต้นจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบควบคุมค่าการตลาดไม่ให้เกิน 2 บาทต่อลิตร ตามมติคณะกรรมการบริหารพลังงานอย่างจริงจัง ก็จะทำให้ราคาเบนซินลดลงได้ในระดับหนึ่ง และจะร่วมกับกระทรวงการคลังพิจารณาปรับลดราคาเบนซินให้กลุ่มที่จำเป็นต้องใช้เบนซิน เพื่อการประกอบอาชีพที่เรียกว่ากลุ่มเปราะบาง เช่น มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ โดยเร่งด่วนต่อไป

ส่วนไฟฟ้าปรับลดจากราคาหน่วยละ 4.45 บาทเหลือ 4.10 บาท โดยจะดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไปอีก เพื่อหาทางปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้เหลือไม่เกินหน่วยละ 4 บาท ส่วนก๊าซหุงต้มตามแนวโน้มตลาดโลกจะขึ้นทุกปลายปี เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวจะทำให้ราคาก๊าซหุงต้มในประเทศไทยสูงตามไปด้วย แต่เราจะตรึงราคาไว้ที่ 423 บาทสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม ราคาเดิมต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่าทั้งหมดนี้ไม่เพียงเป็นนโยบายของพรรค รทสช. เท่านั้น แต่บังเอิญตรงกับนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย จึงสามารถดำเนินการให้เป็นจริงได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอบคุณนายกรัฐมนตรีและ ครม.ทุกท่านด้วย

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า แม้เรื่องนี้ในเบื้องต้นจะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่เราก็ลงมือทำทันที ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่า ตน และกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหาแนวทางและมาตรการอื่น ๆ ต่อไปเพื่อทำให้ราคาพลังงานอยู่ในระดับที่เหมาะสม และเป็นธรรมกับประชาชน และเพื่อสร้างเสถียรภาพความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนให้ได้

‘พีระพันธุ์’ สั่งตรึงก๊าซหุงต้ม 423 บ./ถัง 15 กก.อีก 3 เดือน ไฟเขียว!! คงสัดส่วนผสมดีเซลบี 7 ช่วยลดภาระรายจ่าย ปชช.

(15 ก.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ก.ย. 66 ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) หรือ ก๊าซหุงต้มที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ต่อไปอีก 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยมาตรการดังกล่าว จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) บริหารราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีผ่านกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ประชุม กบง.ยังมีมติเห็นชอบให้คงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ต่อไปอีก 3 เดือน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566

โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่…) พ.ศ. 2566 ให้สอดคล้องกับการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) นำเสนอการกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล

ทั้งนี้ กบง.อาจมีการทบทวนสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็วให้มีความเหมาะสม หากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศปรับลดลง และสต็อกน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นภายหลัง

‘พีระพันธุ์’ ถก ‘กรมศุลฯ’ ถอดสูตรต้นทุนนำเข้าน้ำมัน เร่งหาช่องทางลดราคา หวังช่วยเกษตรกร-ภาคขนส่ง

(19 ก.ย. 66) ที่กรมศุลกากร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเดินทางเข้าหารือกับ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เกี่ยวกับข้อมูลการนำเข้าน้ำมันของไทย ว่า ที่มาเข้าพบกรมศุลกากรเพราะต้องการข้อมูลการนำเข้าน้ำมันที่แท้จริงทั้งหมด ตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งกรมศุลฯ จะมีรายละเอียดข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อทำความเข้าใจรายละเอียดโครงสร้างราคาพลังงานไปจัดทำมาตรการดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม แม้ครั้งนี้ยังไม่ได้รายละเอียดทั้งหมด แต่ได้ข้อมูลระดับหนึ่ง เพราะกระทรวงพลังงานแม้เป็นผู้กำหนดนโยบายแต่กลับไม่มีข้อมูล จึงจำเป็นต้องมาดูต้นทุนผู้ประกอบการว่าต้นทุนจริงอยู่ส่วนใด ถือเป็นการทำงานระหว่างหน่วยงานราชการแบบสอดประสานกัน

นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า “หากได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วจะจัดทำมาตรการลดราคาน้ำมันพิเศษให้เฉพาะกลุ่ม อาทิ เกษตรกร ภาคขนส่ง เช่นเดียวกับกลุ่มประมงที่มีน้ำมันเขียวที่ราคาน้ำมันถูกกว่าน้ำมันทั่วไป โดยจะเร่งสรุปมาตรการให้เร็วที่สุด รวมทั้งจะนำไปปรับโครงสร้างราคาพลังงานระยะยาว เพื่อให้ราคาพลังงานเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน ยืนยันว่าจะไม่เป็นภาระของประชาชนในอนาคตตามข้อกังวลของนักวิชาการ”

อีกทั้งยังกล่าวว่า สำหรับนโยบายการเปิดนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเสรี ยืนยันไม่ได้ทำในเชิงการค้า แต่เป็นการเปิดโอกาสให้บางกลุ่มนำเข้านำน้ำมันสำเร็จรูปได้เอง อาทิ ภาคขนส่ง หากรวมตัวกันหาแหล่งซื้อน้ำมันสำเร็จรูปที่มีราคาถูกกว่าจะช่วยลดต้นทุนขนส่งถูกลง

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการลดค่าไฟฟ้างวดสุดท้ายของปี (กันยายน-ธันวาคม2566) ให้เหลืออัตรา 3.99 บาทต่อหน่วย ขณะนี้ได้ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปพิจารณาด้วยการยืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไปอีกจากเดิมจะชำระคืนหนี้ 5 งวด ซึ่ง กกพ.มีแนวทางการทำตามความเหมาะสม ส่วนจะยืดหนี้ได้เท่าไหรขึ้นอยู่กับแนวทางของ กกพ. แต่เมื่อคำนวณรวมกับค่าไฟฟ้าฐานแล้วจะต้องอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ได้รายงานข้อมูลโครงสร้างต้นทุนการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ ดีเซล และเบนซิน โดยปัจจุบันกรมศุลฯ ไม่มีการเก็บอากรนำเข้าน้ำมันดิบแล้ว ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปก็เก็บเพียงน้อยมากเพียง 0.001 บาทต่อลิตรเท่านั้น ทำให้แต่ละปีกรมศุลฯ จัดเก็บรายได้จากอากรน้ำมันสำเร็จรูปได้กว่า 20 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจุบันไทยนำเข้าน้ำมันจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นหลัก ณ สิ้นเดือนสิงหาคม ปี 2566 มีการนำเข้าน้ำมันดิบ 5 หมื่นล้านลิตร มูลค่า 78,000 ล้านบาท นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป 7 ล้านลิตร มูลค่า 5,593 ล้านบาท และน้ำมันดีเซล 500 ล้านลิตร มูลค่า 1,700 ล้านบาท

สำหรับส่วนแนวทางการเปิดเสรีนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ปัจจุบันกฎหมายเปิดให้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปได้อยู่แล้ว โดยขั้นตอนจะต้องยื่นจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ จึงมองว่าหากรัฐบาลจะทำนโยบายดังกล่าวก็สามารถดำเนินการได้เลย

'พีระพันธุ์' ไล่บี้ 'กกพ.' ลดค่าไฟเหลือไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท พร้อมเร่งหาวิธีลดภาระปชช. ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่

(30 พ.ย. 66) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศค่าไฟงวดใหม่ 4.68 บาทต่อหน่วย งวดมกราคม-เมษายน 2567 ว่า ราคานี้เป็นแค่ตัวเลขเสนอแนะ คำนวนเบื้องต้นจากกกพ.ยึดตัวแปรหลักตัวแปรเดียว คือการชำระหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ส่วนราคาสุดท้ายอยู่ที่ฝ่ายบริหาร กระทรวงพลังงาน ภายใต้การกำกับของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเคาะอย่างไร ขอยืนยันว่าราคาขายไฟฟ้าจริงจะไม่ใช่ตัวเลขนี้ และประชาชนผู้ใช้ไฟจะไม่ต้องรับภาระ จนหน้ามืดอย่างแน่นอน

"นายพีระพันธุ์ กำลังหาแนวทางลดภาระค่าไฟประชาชน ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่ และจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ใกล้เคียงความเป็นจริงที่กระทรวงจัดการได้ ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย ใช้กลไกจัดการผสมผสาน หลายขั้นตอนกว่าการลดราคาค่าไฟปกติทั่วไป ไม่ได้ใช้แค่เรื่องประวิงหนี้กฟผ.อย่างเดียว" นายพงศ์พล กล่าว

นายพงศ์พล กล่าวว่า ราคานี้เป็นการบริหารลดค่าครองชีพระยะสั้นให้ประชาชนเท่านั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันจะแก้ไขเชิงโครงสร้าง ก๊าซธรรมชาติ ต้นตอของปัญหาราคาไฟฟ้า และสนับสนุนพลังงานไฟฟ้าสะอาดระยะยาวต่อไป

'เศรษฐา' คลุกวงในบิ๊กสื่อ ขอแรง 'เชียร์-หนุน' พร้อมเคลียร์ผังนอกแผน ฟาก 'รทสช.' ต้องคงไว้ช่วยค้ำศรัทธา แต่ ‘อุ๊งอิ๊ง' ดวงท่าจะไม่พาถึงนายกฯ

สวัสดีปีมังกรครับท่านผู้อ่านท่านผู้ฟังและท่านผู้ชม...

ว่ากันว่าปี 2567 จะเป็นปีมังกรร้ายมังกรเดือด...อาการของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะอยู่จะไปอยู่ในอัตรา 50/50...แบบว่าเป็นตายเท่ากัน

ทบทวนกันอีกที...ระเบิดลูกใหญ่ 5-6 ลูก...

- ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท
- ประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญ 
- พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท  
- การเลือกตั้ง สว.ช่วง มิ.ย.-ก.ค. 
- พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

...ล้วนแล้วแต่จะสร้างความร้อนแรงทางการเมืองในมิติต่างๆ...

นั่นยังไม่นับประเด็นสำคัญคือ...การปรับ ครม. ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นแน่ และ 'เล็ก เลียบด่วน' ค่อนข้างเชื่อตามโหรใหญ่หลายสำนักว่าจะเป็นการปรับใหญ่...หลายตำแหน่ง

แต่ยังไงๆ ว่ากันว่ายังไม่ถึงคิวที่จะเอาพรรคสีฟ้า...ประชาธิปัตย์ เข้ามาแทนที่พรรครวมไทยสร้างชาติที่เริ่มมีการปล่อยข่าวกันออกมาตามสภากาแฟบางวงซึ่งวิเคราะห์ว่า การเดินหน้าปฏิรูปราคาพลังงานของ รองตุ๋ย-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจไม่สบอารมณ์กลุ่มทุนใหญ่บางกลุ่ม ต้องรีบตัดไฟต้นลม...

ซึ่ง 'เล็ก เลียบด่วน' ไม่คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะคิดสั้นขนาดนั้น พวกเขาต้องรู้ดีว่า ขณะนี้พีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรีที่ช่วยค้ำยันความศรัทธาต่อรัฐบาลได้ไม่น้อย เตะ พีระพันธุ์ ออกไปก็เหมือนเตะตัดขาตัวเอง...ปีนี้ปล่อยผ่านไปก่อน ปีหน้าค่อยว่ากันอีกที...

สำหรับอาการของ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน แม้จะยังลนลานอยู่บ้าง แต่เบื้องลึกทีมงานของนายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงคนนี้ได้จัดทัพปรับแถวในหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาคิดว่าจะเป็นผลดีในการทำงานของนายกฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวรบของสื่อมวลชน...

แหล่งข่าวระดับไม่สูงมากแต่เชื่อถือได้ยืนยันกับ 'เล็ก เลียบด่วน' เหยี่ยวชราว่า...ตอนนี้ผู้บริหาร (ข่าว) ของสื่อทีวีหลายต่อหลายช่องและสื่อนสพ.หลายฉบับได้พบกับนายกฯ ตัวเป็นๆ หมดแล้ว...ความเป็นกันเองตรงไปตรงมา และรอบรู้ประเด็นเศรษฐกิจของโลกของไทย ก็เพียงพอที่จะทำให้สื่อน้อยใหญ่ให้กำลังใจ...ให้โอกาสนายกฯ คนนี้

ส่วนการกระชับพื้นที่สื่อเอาหลายรายการออกจากผังวิทยุ / โทรทัศน์ เช่น กรณียกเลิกรายการ 'คุยถึงแก่น' ช่องหอยม่วงแบบไม่บอกกล่าวอะไรนั่น แม้เป็นอะไรที่ไม่สมควรทำ แต่ถึงที่สุดก็ยังไม่ทำให้รัฐบาลรู้สึกระคายเคืองในเสียงโจมตี-ต่อต้าน...

เอาไปเอามาถ้าไม่มีปัจจัยอื่นๆ ที่คาดไม่ถึงเข้ามาแทรกซ้อน รัฐบาลเศรษฐาก็น่าจะลอดข้ามปีมังกรไปได้ เศรษฐาก็ยังจะเป็นนายกฯ ต่อไป เหตุผลสำคัญที่สุดเพราะ 'อุ๊งอิ๊ง' แพทองธาร ชินวัตร ยังไม่พร้อมที่จะย่างสามขุมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ ในปีนี้...ส่วนปีหน้าก็ต้องตามไปดูกันอีกที...ดูว่า 'คุณแม่' คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ จะเห็นเช่นไร...

แต่พูดก็พูดเหอะ...สำหรับ 'เล็ก เลียบด่วน' คุยกับหมอดูมา 3 สำนัก ล้วนทายทักว่าดวง 'อุ๊งอิ๊ง' จะไปไม่ถึงนายกฯ ดังนั้นถ้าจะสัมผัสกับคำว่า 'รัฐมนตรี' ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า...ควรจะได้เข้าไปเป็นรองนายกฯ ควบว่าการซักกระทรวง...เพื่อพิสูจน์ฝีมือและเรคคอร์ดประวัติชีวิต...

ด้วยรักและเห็นใจ...จร้า!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top