Monday, 28 April 2025
พล.ต.ท.ภาณุมาศ

“ผบช.สตม. เดินหน้าปราบปราม แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ชูเชียงใหม่เป็นจังหวัดนำร่อง ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เตือนอย่าหลงเชื่อบุคคลอ้างเรียกเก็บค่าดำเนินการ ย้ำหากทำให้หน่วยงานเสียหายจะดำเนินคดีทันที ”

วันนี้ (23 ธ.ค. 67) เวลา 13.00 น. ที่ โรงแรมสมายล์ ล้านนา จ.เชียงใหม่  พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท. ช่วยราชการ รอง ผบช.สตม. , พ.ต.อ.ศราวุธ วะเท รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.สุรชัย เอี่ยมผึ้ง ผกก.ตม.จว.เชียงใหม่ เชิญนายจ้าง ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ทำความเข้าใจให้ความรู้การอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรและการจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคล สำหรับคนต่างด้าว 4 สัญชาติ เตือน "โบรกเกอร์เถื่อน" หลอกเรียกเงินนายจ้างนำเข้าแรงงาน พบดำเนินคดีเด็ดขาด

พล.ต.ท.ภาณุมาศฯ  กล่าวว่า วันนี้ตนได้เชิญนายจ้างและผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มาเข้ารับการอบรม ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของ สตม. กับคนต่างด้าว 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ให้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความถูกต้อง ครบถ้วน สะดวกรวดเร็วกับทั้งตัวผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ เพื่อให้คนต่างด้าวสามารถอยู่ต่อในราชอาณาจักรได้อย่างถูกต้อง  โดยผู้ประกอบการทุกท่านสามารถนำคนต่างด้าวที่ซึ่งได้รับการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวถึงวันที่ 13 ก.พ.68 มารับการตรวจอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรภายในวันที่ 13 ก.พ.68 และคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าจัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลได้ภายในวันที่ 28 มิ.ย.68 หากล่วงเลยกำหนดระยะเวลาดังกล่าวจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ มาตรา 81 ฐานอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการอนุญาตสิ้นสุด สำหรับนายจ้าง หรือผู้ประกอบการ อาจจะมีความผิดฐานให้เข้าพักอาศัย ซ้อนเร้น ให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ ให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท และขอความร่วมมือนายจ้างและผู้ประกอบการทุกท่านไม่จ้างแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีอนุญาตทำงาน หรือ ให้คนต่างด้าวทำงานที่ต้องห้ามคนต่างด้าวทำ 40 งาน แบ่งเป็น งานที่ห้ามทำเด็ดขาด 27 งาน และงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้โดยมีเงื่อนไข 13 งาน ซึ่งหากตรวจพบการฝ่าฝืนกฎหมาย คนต่างชาติทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกผลักดันส่งกลับ และในส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างชาติทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างชาติที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามจ้างคนต่างชาติทำงานเป็นเวลา 3 ปี 

ทั้งนี้ยังได้กำชับ นายจ้าง สถานประกอบการ ปัจจุบันเริ่มมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ
การมอบอำนาจให้ตัวแทน ( Agent )  ไปดำเนินการติดต่อ กับทาง กระทรวงแรงงาน หรือ ตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว  ตาม มติ ครม. โดยมีการเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ นั้น  ขอเรียนว่าในส่วนขั้นตอนของ สตม.  นั้น  ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกินจากค่าธรรมเนียมที่ทางราชการกำหนดไว้  และปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นตอนของ สตม. คือขั้นตอนการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร จึงมั่นใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดไปเรียกเก็บผลประโยชน์อย่างแน่นอน หากพบเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัด หรือแจ้งมาที่ตน จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดทุกกรณี

ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเน้นไปที่ภาคการท่องเที่ยว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยโดยเฉพาะ สตม. เร่งปราบปรามอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การแย่งอาชีพคนไทย อย่างจริงจัง หากพบเบาะแส การกระทำความผิดของคนต่างด้าว สามารถแจ้งได้ที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดทั่วประเทศ

สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว 

ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. ให้ สตม. เร่งรัดปราบปราม การกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว โดยเฉพาะแรงงาน 3 สัญชาติ นั้น  

วันนี้ (24 ธ.ค. 67) พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม. , นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3,  พ.ต.อ.ปัณณวิช จันทร์สมบูรณ์ รอง ผบก.ปรก.รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.ฯ ปรก.รอง ผบก.ตม.3

พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3
 
พร้อมด้วยกำลังข้าราชการตำรวจในสังกัด สตม. ได้แก่ ตม.จว.สมุทรสาคร, กก.สส.บก.ตม.3, บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร  รวมกว่า 100 นาย  ได้เข้าตรวจสอบบริเวณตลาดกลางกุ้ง เพื่อระดมกวาดล้างอาชญากรรมมช่วงวันคริสมาสต์ และเทศกาลปีใหม่

ตรวจสอบคนต่างด้าว บริเวณตลาดกลางกุ้ง ต.ท่าทราย อ.เมือง จว.สมุทรสาคร
เมื่อเดินทางถึงที่เกิดเหตุ พบคนต่างด้าว 3 สัญชาติ กว่า 500 ราย ทำงานอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าว  
ผลการปฏิบัติ จับกุมผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 20  ราย  
2.ข้อหา เป็นคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวไม่พักอาศัย ณ ที่ ที่ได้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม  ม.37(2) จำนวน  1 ราย

รวมทั้งสิ้น 21 ราย  

ซึ่งตลอดทั้งปี 2567 ทาง ตม.จว.สมุทรสาคร ได้จับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย หรือเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวนกว่า 1,500 ราย

ทั้งนี้พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สทส.ปรก.รอง ผบช.สตม.  ยังได้เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานต่างด้าวในการทำงานในด้านต่างๆ ดูได้จากการที่ ครม. มีมติผ่อนผันการทำงานของแรงงานต่างด้าว ตลอดจนปัจจุบันก็อนุญาตให้คนต่างด้าวสามารถทำงานขายของหน้าร้านได้ โดยต้องมีนายจ้างและอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงาน นั้น

แต่ก็ยังคงมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายทั้งโดยเจตนา หรือโดยความไม่รู้ของผู้ประกอบการ ซึ่งทางสำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองก็มิได้นิ่งนอนใจ ส่วนหนึ่ง จึงได้มีการกวดขัน ปราบปราม เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำผิดและบังคับให้มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ เจ้าของร้านที่มีลูกจ้างเป็นต่างด้าวขายของหน้าร้าน ผู้ประกอบการต้องอยู่ประจำที่ร้านหรือสถานประกอบการด้วย เป็นการยืนยันว่ากิจการดังกล่าวเป็นกิจการของนายจ้างคนไทยทั้งนี้ เพื่อป้องกันการแฝงตัวของคนต่างด้าว กรณีประกอบกิจการเองโดยผิดกฎหมาย

สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ

(15 ม.ค. 68) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY ตรวจสอบป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการประสานงานจาก สน.คลองตัน โดย พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เกี่ยวกับเบาะแสของร้านทำผมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนกลางจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น รอง ผกก.ป.สน.คลองตันพร้อมกำลังนับสิบนายลงพื้นที่ตรวจสอบ ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา 

สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณสถานประกอบการตามที่ได้รับเบาะแส ในเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะมีห้องสำหรับทำผม และเปิดประตูเข้าไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจพบทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติกำลังรับบริการตัดแต่งและจัดทรงผมเป็นจำนวนมาก ลูกค้าบางส่วนยังเข้าคิวรอรับบริการอยู่ โดยมีช่างตัดแต่งทรงผมทั้งที่เป็นชาวไทยและที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติเอเชียตะวันออกอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของช่างทำผมที่กำลังทำหน้าที่อยู่ทั้งหมด ผลการตรวจสอบจึงพบว่า ช่างทำผมมีสัญชาติเกาหลี 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 ดังนามสมมติต่อไปนี้ MR.LEE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MR.KIM สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี, MS.JIYOEN สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MS.JI HYE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 24 ปี และยังพบหญิงสัญชาติเมียนมา 1 คน คือ MS.THIN THIN สัญชาติเมียนมา อายุ 33 ปี โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 4 รายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการผ่อนผันการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว 90 วันซึ่งจะไม่สามารถทำงานได้ ส่วนชาวเมียนมาอีก 1 รายนั้นมีใบอนุญาตทำงานแต่ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังทำผมให้กับลูกค้าซึ่งอาชีพการทำผม ตัดผม เสริมสวย เป็นหนึ่งในงานต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เช่นเดียวกับ งานเร่ขายสินค้า และงานนวดไทย เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน”  และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมาในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้ ควบคุมตัวส่ง พงส.สน.คลองตัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวกล่าวสอบถาม พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า การประกอบอาชีพสงวนที่ต้องห้ามเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว หากถูกจับกุม นอกจากจะมีโทษปรับตามกฎหมายคือตั้งแต่ 5,000-50,000 บาทแล้ว จะมีผลไปถึงการถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และผลักดันออกไปนอกราชอาณาจักรนอกจากนี้ยังขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า สตม. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่มาตรฐานสากลในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และทำความผิดอื่นๆ ทั้งนี้หากท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่   อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ จักขอบพระคุณยิ่ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top