Friday, 10 May 2024
พรรคเป็นธรรม

‘ศรีสุวรรณ’ บุก กกต. จี้สอบ ‘กัณวีร์-พรรคเป็นธรรม’ ปมใช้นามสกุลตระกูลดังแอบอ้างหาเสียงหรือไม่

วันที่ (12 มิ.ย. 66) ที่สำนักงานการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องชี้เบาะแสให้ กกต.ตรวจสอบการหาเสียงของนายกัณวีร์ สืบแสง ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเป็นธรรม ที่ปรากฎเป็นการทั่วไปในการหาเสียงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้และในสื่อต่างๆว่าเป็นหลานปู่ของ นพ.สืบแสง หรือ ‘ขุนเจริญวรเวช’ อดีต ส.ส. ปัตตานี 3 สมัย ช่วงก่อนและหลังปี พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นตระกูลที่สร้างคุณงามความดีให้กับชาวปัตตานีมาอย่างยาวนาน โดยที่ตระกูลดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ในทางเครือญาติหรือสายโลหิตกับนายกัณวีร์แต่อย่างใด เพียงแต่มีนามสกุลพ้องกันเท่านั้น

ทั้งนี้ นพ. เจริญ สืบแสง เคยรับราชการในกรมสาธารณสุข เป็นแพทย์หลวงประจำจังหวัดปัตตานี และยังเปิดคลินิกรับรักษาให้ประชาชนทั่วไปในรูปแบบรักษาให้ฟรีสำหรับผู้คนที่ขาดแคลนส่วนงานด้านการเมืองนั้น เคยเป็นสมาชิกสภาเทศบาลจังหวัดปัตตานี เคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี เคยเป็นประธานสภาเทศบาลจังหวัดปัตตานี และยังเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานีถึง 3 สมัย อีกด้วย

นอกจากนั้น ยังเคยเป็นประธานกรรมการสันติภาพแห่งประเทศไทย และเคยเรียกร้องสันติภาพ ด้วยการคัดค้านสงครามรุกรานเกาหลี ต่อมาปรากฎว่าถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “กบฏสันติภาพ” ส่วนน้องชายคือนายจรูญ สืบแสง เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคณะราษฎรสายพลเรือนที่มีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นแกนนำ เคยรับราชการในตำแหน่งด้านการเกษตร กรมเพาะปลูก กระทรวงเกษตราธิการ เคยเป็นอธิบดี กรมศุลกากร อธิบดี กรมชลประทาน และยังได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดปัตตานีอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าตระกูลสืบแสงนั้น มีคุณงามความดี และมีผลงานที่สร้างชื่อคุณูปการต่อชาวปัตตานีมาอย่างต่อเนื่องทั้งในงานทางด้านสังคม การแพทย์ และการเมือง จึงเป็นที่เคารพรักใคร่กันของพี่น้องประชาชนชาวปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียงมาโดยตลอดและอย่างยาวนาน เพราะถือว่าเป็นตระกูลนักการเมืองที่เคยมีบทบาทสำคัญ และมีคณูปการอย่างยิ่งต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะสังคมในพื้นที่ปาตานี/จังหวัดชายแดนใต้

แต่ทว่านายกัณวีร์กลับใช้กลยุทธ์ในช่วงหาเสียงโดยการกล่าวอ้างว่า นพ.เจริญ สืบแสง เป็นปู่ เป็นบรรพบุรุษ เป็นต้นตระกูลของตนเอง เป็นรุ่นปู่ รุ่นหลาน ตนเองเป็นหลาน หรือมีศักดิ์เป็นหลาน เป็นผู้สืบเชื้อสาย นับศักดิ์เป็นญาติ ปู่เป็นญาติรุ่นเดียวกัน ฯลฯ ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงนั้น ไม่ได้มีส่วนใดในเชิงเครือญาติที่เกี่ยวข้องกันโดยสิ้นเชิง แม้ภายหลังถูกเครือญาติของ นพ.สืบแสงออกมาเปิดโปง ก็เพียงแต่ออกมาโพสต์ขอโทษในเฟซบุ๊กส่วนตัวของตนเองหลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้วเท่านั้น การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตาม ม.73 (5) แห่ง พรป.เลือกตั้ง ส.ส. 2561 หรือไม่ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นชี้เบาะแสให้ กกต. ตรวจสอบในวันนี้ นายศรีสุวรรณ กล่าว

 

‘กัณวีร์’ เผยความรู้สึก หลังศาล รธน. สั่ง ‘พิธา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ลั่น!! ไม่ยอมแพ้ ขอเคียงข้าง ‘ก้าวไกล’ พร้อมจับมือสู้ไปด้วยกัน

กัณวีร์ พรรคเป็นธรรม เผยความรู้สึก นั่งอยู่ในสภา หลัง ศาลรธน. สั่ง พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมถือหุ้นไอทีวี ลั่นอย่ายอมแพ้ขวากหนามขวางกั้น

(19 ก.ค. 66) หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น พร้อมมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.สตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang ระบุว่า…

“ตัวผมเองนั่งอยู่ในสภาฯ แต่ความรู้สึกคงไม่ต่างจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ด้านนอกครับ

อย่างไรก็ตาม อย่ายอมแพ้กับขวากหนามที่มาขวางกั้นประชาธิปไตยของประเทศไทย และกฏเกณฑ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อเอื้อให้กับอำนาจนิยม คนไทยยังต้องการเห็นประชาธิปไตยของประชาชนครับ!! จับมือไปด้วยกัน!! ส่งกำลังใจครับ

ขณะเดียวกัน กัณวีร์ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความสง่างามทางการเมืองไทย คือการเคารพเสียงมติมหาชนและปฏิบัติตามกฎหมาย ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

อย่ายอมแพ้กับขวากหนามที่มันมาขวางกั้น การนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ฉุดรั้งประชาธิปไตยของประเทศไทย

อย่าหยุดยั้ง เพราะกฏเกณฑ์ระเบียบที่ถูกสร้างมาเอื้อให้กับอำนาจนิยม ที่จะหยุดการพัฒนาประเทศที่มีประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

ให้กำลังใจ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่แค่ชั่วคราว แล้วค่อยกลับมาอย่างสง่างามครับ ประชาชนยังต้องการเห็นประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน

‘หมออ๋อง’ ถูก ‘อดีต สส.อนาคตใหม่’ ฟ้องฐานหมิ่นประมาท ยัน!! ไม่หนีหมายเรียกแน่นอน พร้อมเข้าสู่กระบวนการสอบสวน

(8 ธ.ค. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม และรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทวีตข้อความผ่าน X ต่อกระแสข่าวที่ถูกตำรวจพิษณุโลกสั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาท นายเกษมสันต์ มีทิพย์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า…

“จากที่สอบถามกรณีข่าวผมหนีหมายเรียกและจะถูกหมายจับคดีหมิ่นประมาท ผมยืนยันว่ายังไม่ได้รับหมายใดๆ มีเพียงการไปรับทราบข้อกล่าวหาเท่านั้น และยินดีเข้ากระบวนการสอบสวนทุกอย่าง” พร้อมระบุอีกว่า “ผู้ร้องคือ อดีต สส.อนาคตใหม่ ที่ไปอยู่กับพรรคภูมิใจในปัจจุบัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวเป็นกระแสเกิดขึ้นหลังจากที่เพจ ‘วันนี้พรรคก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ข้อความว่า…

“ตำรวจเตรียมออกหมายจับ หมออ๋อง หลังวันที่ 11 ธ.ค. หากไม่ไปรายงานตัว เหตุเบี้ยวนัดคดีหมิ่นประมาทหลายรอบ”

พร้อมระบุรายละเอียดในช่องแสดงความเห็นโดยเป็นภาพโพสต์ของนายเกษมสันต์ ที่ระบุว่า ได้ยื่นหนังสือถึง ‘ผบ.ตร.’ ถึงการดำเนินการตามที่ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ เพราะผู้ต้องหาไม่ยอมมาพบพนักงานสอบสวนแม้มีหมายเรียกออกไปแล้วถึง 2 ครั้ง

ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงเจตนาประวิงเวลา เพื่อที่จะใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองอีกครั้งในวันเปิดประชุมสภาที่จะถึงนี้ ตำรวจมีระยะเวลาในการดำเนินการในครั้งนี้เหลือเวลาอีก 3 วันคือวันที่ 7, 8 และ 11 ก่อนที่ผู้ต้องหาจะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค.

“ผมรอมาแล้ว 100 กว่าวัน ซึ่งผู้ต้องหาได้ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครองไปแล้ว 90 วัน จากสมัยเปิดประชุมสภาครั้งที่ผ่านมา รวมกับระยะเวลาที่สามารถดำเนินการได้ 40 วันในช่วงปิดประชุมสภา” นายเกษมสันต์ ระบุ

นอกจากนั้น เพจดังกล่าวยังระบุโพสต์ที่ว่า “สั่งฟ้องแล้ว” พร้อมภาพเป็นหนังสือแจ้งความคืบหน้าการสอบสวนคดีอาญา ลงชื่อ พ.ต.ท.ธนาพล เมฆบุตร สารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก แจ้งต่อนายเกษมสันต์ ระบุความคืบหน้าของพนักงานสอบสวน ระบุว่า การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง และจะส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมผู้ต้องหาไปยังพนักงานอัยการต่อไป ลงวันที่ 16 พ.ย.

ซึ่งกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากนายเกษมสันต์ แจ้งความเอาผิดนายปดิพัทธ์ ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณาด้วยเอกภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ หรือที่ทำให้ความปรากฏด้วยวิธีการใดๆ

‘ธนกร’ ซัด ‘ปดิพัทธ์’ โปรดรักษามารยาท อย่าก้าวล่วงอำนาจฝ่ายบริหาร ชี้!! บุกทำเนียบหนนี้ มีวาระซ่อนเร้น-หวังผลทางการเมืองหรือไม่

(2 มี.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายประดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามนายกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ยังค้างคาอยู่ว่า ตนเองมองว่าฝ่ายนิติบัญญัติแค่ประสานงานมายังเว็บรัฐบาลก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเองเพราะดูไม่เหมาะสม  มองว่า ทำเกินไป ควรรักษามารยาททางการเมืองกว่านี้  เห็นว่า การที่ฝ่ายนิติบัญญัติเข้ามาทวงถามฝ่ายบริหารเองถือเป็นการก้าวล่วงอำนาจหรือไม่

เมื่อถามว่าเป็นเพราะกฎหมายสำคัญที่พรรคก้าวไกลเสนอมีการวิจารณ์ว่าถูกรัฐบาลดองไว้ นั้น  นายธนกร กล่าวว่า ประธานสภาและ รองประธานสภา  หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถ ประสานงานหรือการติดตามทวงถาม ซึ่งก็มีขั้นตอนทั้งทางเอกสารและทวงถามด้วยวาจา อยู่แล้ว เพราะเมื่อถูกสื่อถามเรื่องการนัดหมายกับใครในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไว้ แต่ท้ายสุดนายประดิพัทธ์ ก็ไม่ได้เจอผู้ใหญ่ตามที่กล่าวอ้าง เจอเพียงผู้อำนวยการกองงานประสานงานกลางการเมือง ของทำเนียบฯรับเรื่องไว้เท่านั้น 

“จึงทำให้ผมคิดได้ว่า การที่นายประดิพัทธ์เดินทาง เข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเองเพื่อจะทวงถามร่างกฎหมายต่างๆนั้นอาจมีวาระซ่อนเร้น หรือหวังผลทางการเมืองอะไรหรือไม่ จึงอยากขอให้นายประดิพัทธ์ที่เป็นถึงรองประธานสภาให้เกียรติและไว้หน้าฝ่ายนิติบัญญัติด้วย ที่สำคัญ ร่างกฎหมายต่างๆมีขั้นตอนปฏิบัติเช่นการส่งไปให้หน่วยงานต่างๆให้ความเห็นซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องใช้เวลาในการพิจารณากว่าจะส่งกลับมาก็ต้องใช้เวลา นายปดิพันธ์เป็นถึงรองประธานสภาฯควรรักษาเกียรติตัวเองและเกียรติสภาฯด้วย“ธนกร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top