Saturday, 18 May 2024
ผู้ประสบภัย

พบ 'เด็กสาว' รอดชีวิต เหตุแผ่นดินไหวตุรเคีย-ซีเรีย หลังติดอยู่ใต้ซากตึกนานกว่า 11 วัน รวม 260 ชม.!!

(17 ก.พ. 66) ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย แตะ 44,000 รายแล้ว ปาฏิหาริย์วันที่ 11 สามารถช่วยเด็กติดใต้ซากปรักหักพังนานสุด 260 ชั่วโมง

ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวตุรเคียและซีเรีย ยอดผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นแตะ 44,000 รายแล้ว จากการรายงานล่าสุดของซีเอ็นเอ็น โดยเสียชีวิตในตุรเคีย 38,044 คน ส่วนในซีเรียราว 5,800 คน อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูญหายอีกหลายพันคน ที่คาดว่าติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต ได้เข้าสู่ช่วงท้ายสุด และกำลังจะปิดลงแล้ว ทั้งรัฐบาลตุรเคียและซีเรียยังไม่เคยยืนยันจำนวนผู้สูญหายจากแผ่นดินไหว

แต่ปาฏิหาริย์ยังคงเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (16 ก.พ. 66) ซึ่งเข้าสู่วันที่ 11 หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ผู้รอดชีวิตล่าสุดที่พบใต้ติดอยู่ซากปรักหักพัง นานสุด 260 ชั่วโมง

ทีมกู้ภัยทำงานกันตลอดทั้งคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา จนสามารถดึงตัวเด็กชาย 1 คน ที่รอดชีวิต ขึ้นมาจากใต้ซากปรักหักพังได้ ในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ (17 ก.พ.) หลังเด็กน้อยติดอยู่นาน 260 ชั่วโมง นับเป็นผู้รอดชีวิตที่ติดใต้ซากนานที่สุดเท่าที่พบจนถึงวันนี้ ทุกคนต่างส่งเสียงโห่ร้องและปรบมือด้วยความดีใจ เมื่อดึงตัวเด็กชายออกจากใต้ซากปรักหักพังได้อย่างปลอดภัย และนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

และเมื่อวานนี้ (16 ก.พ. 66) ซึ่งเป็นวันที่ 11 หลังแผ่นดินไหวยังพบผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากตึกนานกว่า 248 ชั่วโมงอีก 3 คน เป็นเยาวชน 2 คน คือเด็กชายอายุ 12 ปีชื่อ 'ออสมาน', เด็กสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ชื่อ 'อาเลย์นา โอลเมซ' และหญิงวัย 30 ปีอีก 1 คน

อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิต ได้เปลี่ยนไปเป็นการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหว และสถานการณ์ล่าสุดในตุรเคีย เริ่มใช้รถขุดตักเก็บกวาดซากปรักหักพังแล้ว หลังจากไม่คาดคิดว่าจะพบผู้รอดชีวิตจากใต้ซากแล้ว ในขณะที่ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตหลายล้านคนจากแผ่นดินไหว ประสบอุปสรรคจากความหนาวเหน็บของฤดูหนาว ที่แผ่ไปทั่วพื้นที่แผ่นดินไหวในตุรเคีย

‘จีน’ เกิดเหตุ ‘แผ่นดินไหว’ 6.2 แมกนิจูด ดับแล้ว 111 ราย บ้านเรือนพังยับ น้ำ-ไฟถูกตัดขาด ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต

(19 ธ.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, จีสือซาน/ซีหนิง รายงานว่า สำนักงานใหญ่บรรเทาภัยพิบัติแผ่นดินไหว ในมณฑลกานซู่ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รายงานเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.2 ตามมาตราแมกนิจูด บริเวณอำเภอกลุ่มชาติพันธุ์ในกานซู่ช่วงเที่ยงคืนของวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในกานซู่และชิงไห่ ที่เป็นมณฑลใกล้เคียง รวม 111 รายแล้ว

ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน เผยว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นตอน 23.59 น. ของวันจันทร์ (18 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีความลึกของจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว 10 กิโลเมตร และศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ตำบลหลิ่วโกว ที่อยู่ห่างจากที่ตั้งของอำเภอปกครองตนเองจีสือซาน กลุ่มชาติพันธุ์เป่าอัน ตงเซียง และซาลา ในแคว้นปกครองตนเองหลินเซี่ย กลุ่มชาติพันธุ์หุยของกานซู่ราว 8 กิโลเมตร

กลุ่มผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวซินหัวของจีนว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือน ถนนหนทาง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยหลายหมู่บ้านประสบกับไฟฟ้าขัดข้องและการจ่ายน้ำหยุดชะงัก

หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่น ระบุว่า อุณหภูมิต่ำรายวันในจีสือซานอยู่ที่ -10 องศาเซลเซียสในวันอังคาร (19 ธ.ค.) ด้านสำนักดับเพลิงและกู้ภัยของกานซู่ได้ส่งทีมกู้ภัย 580 คน เข้าช่วยเหลือพร้อมรถดับเพลิง 88 คัน สุนัขค้นหาและกู้ภัย 12 ตัว รวมถึงชุดอุปกรณ์มากกว่า 10,000 ชุดไปยังพื้นที่เกิดภัยพิบัติ

ขณะที่หน่วยงานการรถไฟระงับการเดินขบวนรถไฟโดยสารและรถไฟสินค้า ผ่านพื้นที่เกิดแผ่นดินไหว และสั่งการให้ตรวจสอบความปลอดภัยของรางรถไฟ

‘หูชางเซิง’ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลกานซู่ และเหรินเจิ้นเฮ่อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ได้เร่งเดินทางลงพื้นที่เกิดภัยพิบัติเพื่อบัญชาการงานกู้ภัยและบรรเทาทุกข์แล้ว

นราธิวาส-“ธารน้ำใจ พี่น้องไทย สู่ผู้ประสบภัย ชาวสุคิริน จ.นราธิวาส ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันเอก ณัฐพล ชัยสุภา เสนาธิการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ร่วมกับ ศิษย์เก่าคณะบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 32 ,นิสิตจุฬาฯรุ่นปี 2514 (cu14) ,ดร.คนึงนิตย์ ศรีรักษ์ และคุณสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 15 เดินทางลงพื้นที่ เข้าเยี่ยมมอบความห่วงใย และให้กำลังใจ พี่น้องประชาชน ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอสุคิริน จ.นราธิวาส จำนวน 100 ครัวเรือน  6 หมู่บ้าน  ได้แก่ 1.หมู่บ้านลีนานนท์ 2. หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา12  3. บ้านสันติ 4.บ้านไอกาบู 5.บ้านราษฎร์ผดุง และ 6.บ้านสอวอนอก พร้อมมอบอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว เและเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 80,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เป็นภาพบรรยากาศที่อบอุ่น สร้างความปลาบปลื้มให้พี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก “ คนไทย ไม่เคยทิ้งกัน “

จากปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ สร้างความสูญเสียให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญเข้าช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างสุดกำลังความสามารถ เพื่อคืนสภาพปกติโดยเร็ว  พร้อมจัดกำลังพลชุดช่างร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่เร่งดำเนินการซ่อมแซม ฟื้นฟู ทำความสะอาด เก็บ กวาด ซ่อมแซ่มบ้านเรือน อาคาร สถานที่ที่พังเสียหาย เพื่อให้สามารถกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ยืนยันในฐานะหน่วยงานราชการ หน่วยงานของกองทัพบก พร้อมให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ และขอให้เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนมีความพร้อมเข้าดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มขีดความสามารถ “
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร/อัสมา บินมะนุ จ.นราธิวาส

‘กองทัพอากาศ’ เคลื่อนย้ายผู้ป่วย ส่งต่อ ‘รพ.สุราษฎร์ธานี’ หลังได้รับการประสาน เพื่อขอใช้ยานฉุกเฉิน เร่งช่วยชีวิตหญิงผ่าคลอด

(20 เม.ย.67) กองทัพอากาศโดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบิน 7 ได้รับการประสาน จากโรงพยาบาลเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อขอใช้อากาศยานของกองทัพอากาศ ในการรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงไทย อายุ 34 ปี อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ มาผ่าตัดคลอดตามนัด ขณะที่ผ่าตัดผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องออกซิเจนในเลือดต่ำลง แพทย์วินิจฉัยคาดว่าเกิดจากภาวะน้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือดและมีภาวะหัวใจหยุดเต้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

กองทัพอากาศ จึงได้จัดเฮลิคอปเตอร์แบบที่ 11 (EC-725) ของหน่วยบิน 2037 จากที่ตั้งกองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนภารกิจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากสถานีรายงานสมุย (เขาป้อม) กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ ตำบล ลิปะน้อย อำเภอ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งต่อไปเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ การสนับสนุนภารกิจดังกล่าวเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ประสบภัยเพื่อคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงระบบการแพทย์ฉุกเฉินอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพมาตรฐาน โดยให้มีความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ประสบภัย ด้วยการเคลื่อนย้ายลำเลียงหรือการขนส่งทางอากาศไปยังสถานพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ได้รับการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ดี มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ทั้งในภาวะปกติและเมื่อเกิดสาธารณภัย

กองทัพอากาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่จะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งบุคลากร อากาศยานและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top