Sunday, 19 May 2024
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมการฝึกและสังเกตการณ์การบูรณาการร่วมระหว่างการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 กับการฝึกปฏิบัติการร่วม ศรชล.ประจำปี 2565

(16 มิ.ย.65) พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์ การบูรณาการร่วมระหว่าง การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 กับการฝึกปฏิบัติการร่วม ศรชล. ประจำปี 2565 โดยมี พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล หรือ ศรชล. และ พลเรือเอก ธีรกุล กาญจนะ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้อำนวยการการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี 2565 ให้การต้อนรับ

โดยใน เวลา 09.30 น. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้แทนส่วนราชการใน ศรชล. ได้เดินทางมาถึงเรือหลวงอ่างทอง หลังจากนั้น ได้เยี่ยมชมการฝึกขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันในทะเล (Oil Spill) และการฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล (Sea SAR) ร่วมกับหน่วยงานในศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)  พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการในทะเล และโรงพยาบาลสนามบนเรือหลวงอ่างทอง

ต่อมาในเวลา 11.00 น. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะ เดินทางต่อไปยังเกาะเสม็ด โดยเรือระบายพลขนาดกลาง (Landing Craft Mechanized :LCM) เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการเคมี ชีวภาพและรังสี  ณ ท่าเรืออ่าวกลาง ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์บนบก (Incident Command System :ICC) ณ สนามฟุตบอล อบจ. ระยอง 

สำหรับการฝึกในปีนี้ กองทัพเรือ ได้กำหนดจัดให้มีการฝึกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ด้วยกำลังทางเรือ ตามแนวคิด From The Sea การค้นหา และช่วยชีวิตในพื้นที่การรบทางทะเล (Combat Sea SAR) โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือและการระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดระยอง บริษัทเอกชน หน่วยกู้ภัย และสมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน 

ในปัจจุบัน ศรชล. นับเป็นหน่วยงานหลัก เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาล และรับผิดชอบการดำเนินการที่มีเอกภาพ สามารถบูรณาการการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ทั้งภายในและภายนอกราชอาณาจักร ในเขตทางทะเลที่มีลักษณะที่หลากหลาย และประเทศไทยมีอำนาจอธิปไตยหรือสิทธิอธิปไตย รวมทั้งสิทธิหน้าที่อื่นตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณี จะต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีอยู่อย่างมากมายในด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านทรัพยากร ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มี นายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ผอ.ศรชล.)

ปัจจุบัน ศรชล. มีภารกิจหลักในการป้องกันภัย 9 ด้าน ประกอบด้วย 1.การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล 2.การทำประมงผิดกฎหมาย 3.การค้ามนุษย์/ลักลอบเข้าเมือง 4.ยาเสพติด/สินค้าผิดกฎหมาย/อาวุธสงคราม 5.การทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง 6.การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 7.โจรสลัด/การปล้นเรือ 8.การก่อการร้าย และ 9.การขนส่งสินค้า

ประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 

    ระหว่างวันที่ 24-27 ก.ค.65 ที่ผ่านมา พลเอก ณตฐพล  บุญงาม เสนาธิการทหาร ได้เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด เข้าร่วมการประชุม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดภาคพื้นอินโด แปซิฟิค (Chiefs of Defense Conference - CHODs) ณ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 
       ซึ่งเป็นการประชุมนานาชาติด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยในปี 2565 กองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก และกองทัพออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพร่วม มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวทีให้ผู้นำทางทหารของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ได้พบปะหารือ แลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นด้านความมั่นคงที่สำคัญในภูมิภาค โดยในครั้งนี้มีผู้นำทางทหารเข้าร่วมประชุมจำนวน 27 ประเทศ ภายใต้หัวข้อ Promoting the Rules Based Order in the Indo-Pacific 
     ทั้งนี้ ได้มีการบรรยายและถกแถลงในหัวข้อ ผลกระทบต่อความมั่นคง จากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลก ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี รวมทั้งประเด็นสงครามระหว่าง ยูเครนและรัสเซีย
     

‘บิ๊กแก้ว’ รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ได้เดินทางไปราชการ ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น Honorary Award of the Malaysian Armed Forces Order for Valour – Gallant Commander of Malaysian Armed Forces, First Degree จากสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่เชิดชูเกียรติระดับที่ 1 โดยจะมอบให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ของกองทัพมาเลเซีย 

รวมทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการเหล่าทัพมิตรประเทศ โดยครั้งนี้มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากประเทศบรูไน อินโดนีเซีย ซาอุดิอาระเบีย และผู้บัญชาการทหารบกฟิลิปปินส์ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นนี้ด้วย 

จากนั้นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เข้าร่วมงานพระราชทานเลี้ยงรับรองอาหารกลางวัน ณ ห้องจัดเลี้ยง พระราชวัง Istana Negara ซึ่งเป็นงานเลี้ยงรับรองที่สมเด็จพระราชาธิบดี พระราชทานเลี้ยงให้แก่ราชอาคันตุกะ และข้าราชการประเทศมาเลเซีย

ซึ่งการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารแล้ว ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของกองทัพ อันจะเป็นประโยชน์ต่อความร่วมมือระหว่างกันต่อไปในอนาคต 

รวมทั้งการที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นับเป็นเกียรติอันสูงสุดซึ่งเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศที่มีมาอย่างยาวนาน

ยิงสลุต 19 นัด เป็นเกียรติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเยี่ยมอำลากองทัพเรือในโอกาสเกษียณอายุราชการ

​วันนี้ (25 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น. พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปเยี่ยมอำลากองทัพเรือ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงนามในสมุดเยี่ยมพร้อมทั้งกล่าวสดุดีและมอบของที่ระลึกแด่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ พร้อมทั้งขอบคุณกองทัพเรือ ที่ได้จัดพิธีเพื่อเป็นเกียรติในวันนี้

การจัดพิธีในวันนี้ มีการจัดกำลังพลจากกองเรือยุทธการ ร่วมกับ กำลังทางเรือเข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือรับรอง และ เรือหลวงปิ่นเกล้า เป็นเรือยิงสลุต   โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวสดุดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในโอกาสอำลาชีวิตราชการ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี กองทัพไทยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน กำลังพลทุกเหล่าทัพได้ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มกำลัง สามารถสนองตอบนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญท่านยังเป็นผู้บังคับบัญชาที่เปี่ยมด้วยความเป็นผู้นำ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับนับถือโดยทั่วกัน กองทัพเรือมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน ซึ่งท่านได้สนับสนุนการเสริมสร้าง และพัฒนากองทัพเรือ ทั้งในด้านองค์บุคคลและองค์วัตถุให้มีความพร้อม และมีความเข้มแข็งเป็นอย่างดียิ่ง”

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

วันอังคารที่ 23 มกราคม 2567 เวลา 10.00 นาฬิกา กองบัญชาการกองทัพไทย จัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี พลเอก ทรงวิทย์  หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วย ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 241 อาคาร 2 ชั้น 4 กองบัญชาการกองทัพบก
ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวขอบคุณเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งวันนี้ที่ประชุมฯ ได้รับทราบแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในด้านการฝึก โดยมีสาระสำคัญดังนี้

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงให้ที่ประชุมได้รับทราบ จำนวน 2 เรื่อง ได้แก่ นโยบายการฝึกของกองทัพไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางดำเนินการด้านการฝึกของกองทัพไทย ประกอบด้วย นโยบายทั่วไป จำนวน 14 ข้อ และนโยบายเฉพาะ จำนวน 4 แผนงาน  เรื่องที่สอง ได้แก่ การฝึกร่วม และการฝึกร่วม/ผสม ของกองทัพไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งมีการฝึกที่สำคัญที่เหล่าทัพจัดกำลังเข้าร่วมการฝึก ได้แก่ การฝึกปฏิบัติการร่วม พลเรือน ตำรวจ ทหาร ประจำปี 2567 (กฝร.พตท.67) ซึ่งจะมีพิธีเปิดการฝึกในวันที่ 24 มกราคม 2567 การฝึกร่วม/ผสม Cobra Gold 2024 (CG24) ซึ่งเป็นครั้งที่ 43 ในวงรอบปี Heavy Year ใช้พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และพื้นที่อ่าวไทยตอนบน เป็นพื้นที่ฝึกหลัก โดยนำแนวคิดตามหลักนิยม Combined/Joint All-Domains Operations (CJADO) มาใช้เพื่อยกระดับและเพิ่มความซับซ้อนของปฏิบัติการร่วมระหว่างมิติการรบ และการฝึกร่วมกองทัพไทย ประจำปี 2567 (กฝร.67) ซึ่งเป็นวงรอบการฝึก Light Year บนพื้นฐานของแผนป้องกันประเทศด้านตะวันตก (แผนนเรศวร : ทน.62) นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยังได้มีดำริให้กองทัพไทยพิจารณาริเริ่มการบูรณาการการฝึกร่วมด้านการต่อต้านโดรนและการใช้โดรนโจมตี ด้านการข่าว และการฝึกการปฏิบัติการพิเศษร่วม อีกด้วย

กองทัพบก ได้ชี้แจงแนวทางการปรับปรุง พัฒนา และจัดการฝึกประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567ของกองทัพบก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้และความชำนาญให้กับกำลังพลและหน่วย ด้วยการปรับปรุง/พัฒนา การจัดการฝึกตามวงรอบประจำปี การฝึกพิเศษ และหลักสูตรการฝึกอบรมทุกระดับ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีและยุทโธปกรณ์ด้านการป้องกันประเทศที่มีความทันสมัยเข้ามาใช้งานในกองทัพชดเชยการปรับลดกำลังพลทั้งในด้านการฝึก โดยนำบทเรียนจากการรบ การปฏิบัติการ และการฝึก มาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางจัดการฝึก ด้านการฝึกร่วม/ผสมกับกองทัพมิตรประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายในการทำการฝึก แยกเป็น กลุ่มกองทัพมิตรประเทศที่มีหลักนิยมเหมือนหรือใกล้เคียงกับกองทัพบก, กลุ่มกองทัพมิตรประเทศที่มีหลักนิยมไม่เหมือนกับกองทัพบก และกลุ่มกองทัพประเทศเพื่อนบ้าน ด้านการฝึกอบรม มุ่งพัฒนาระบบการฝึกอบรมทั้งระบบ เริ่มต้นจากการปรับปรุงหลักสูตรตามแนวทางรับราชการ โดยปรับลดเวลาการบรรยายในห้องเรียน ปรับลดวิชาที่ไม่ใช่วิชาหลัก ลดความซ้ำซ้อนของวิชาในหลักสูตรแต่ละระดับ ใช้การถกแถลง แลกเปลี่ยนการเรียนรู้และเพิ่มการฝึกปฏิบัติตามความชำนาญการทางทหาร รวมทั้งใช้ระบบสารสนเทศในการเตรียมความพร้อมให้กับกำลังพลก่อนเข้ารับการฝึกอบรม

กองทัพเรือ ได้นำเสนอแนวทางการฝึกกองทัพเรือประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งถือเป็นการฝึกที่สำคัญที่สุดของกองทัพเรือ ภายใต้แนวคิดการบูรณาการกำลังรบ ครบทั้ง 4 มิติ โดยมีหัวข้อการฝึกที่สำคัญ แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การฝึกแลกเปลี่ยนความรู้, การฝึกปัญหาที่บังคับการ CPX และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล โดยในห้วงแรกเป็นการฝึกการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติทางทะเล HADR บริเวณพื้นที่อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในระหว่างวันที่ 1-5 เม.ย. 2567 ห้วงที่ 2 เป็นการฝึกในทะเล ระหว่างวันที่ 7-15 พฤษภาคม 2567 เป็นการจัดตั้งกองเรือเฉพาะกิจปฏิบัติการระยะไกล ทำการฝึกปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ ได้แก่ การฝึกยกพลขึ้นบก การฝึกยิงตอร์ปิโดแบบ MK 46 จำนวน 4 ลูก โดย ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช และ ร.ล.นเรศวร การฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิธีพื้น - สู่ - อากาศ แบบ Evolved Sea Sparrow Missile หรือ ESSM โดย ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช และ ร.ล.ตากสิน การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือของกองทัพเรือ และอากาศยานของกองทัพอากาศ ในการป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือ ตลอดจนการฝึกป้องกันพื้นที่ และการฝึกป้องกันฐานทัพท่าเรือของทัพเรือภาค จากนั้นเป็นการฝึกภาคสนาม ในห้วงวันที่ 20-24 พฤษภาคม 2567 โดยเป็นการฝึกการยิงอาวุธทางยุทธวิธีในพื้นที่อ่าวไทย จังหวัดชลบุรี และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ร่วมกับกองทัพบก และกองทัพอากาศ ณ สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี ทั้งนี้ กองทัพเรือ ยังคงตั้งมั่น และดำรงแนวทางในการฝึกที่ว่า “รบอย่างไร ฝึกอย่างนั้น” เพื่อให้ผู้รับการฝึกสามารถนำบทเรียนจากการฝึกไปใช้ในการปฏิบัติงานในสนามรบได้จริง และได้รับการพัฒนาการฝึกอย่างต่อเนื่อง

กองทัพอากาศ ได้นำเสนอแผนการฝึกที่สำคัญของกองทัพอากาศในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีแนวคิดในการจัดการฝึกเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการรบและมิใช่การรบ ตอบสนองทั้งในระดับยุทธวิธี ยุทธการ และยุทธศาสตร์ เพื่อให้กำลังพลมีขีดความสามารถในการวางแผน อำนวยการ ประสานงาน และปฏิบัติภารกิจ โดยอาศัยการฝึกต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเป็นโอกาสในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของกำลังพลให้มีความพร้อมตั้งแต่ระดับหมู่บิน ฝูงบิน และการประกอบกำลังขนาดใหญ่ในการปฏิบัติการร่วม/ผสม ตลอดจนการบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในภารกิจด้านความมั่นคง การบรรเทาสาธารณภัยและช่วยเหลือประชาชน พร้อมรองรับภัยคุกคามและความท้าทายในทุกมิติในอนาคต อาทิ การแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2567, การทดสอบการใช้กำลังกองทัพอากาศ ประจำปี 2567, การฝึกร่วม/ผสม Cobra Gold 2024, การฝึกผสม Cope Tiger 2024, การฝึกผสม Pitch Black 2024, การฝึกผสม Falcon Strike 2024, การฝึกบินควบคุมไฟป่ากองทัพอากาศ ประจำปี 2567 และการฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานประสบภัย ประจำปี 2567 หรือ SAREX 2024 เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้บรรยายสรุป การฝึกร่วมที่สำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ โครงการฝึกอบรมหลักสูตรปฏิบัติการเรือเล็ก (Small Boat Operations Course) ซึ่งเป็นการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของข้าราชการสังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำ การปฏิบัติงานในแม่น้ำ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามยาเสพติด และอาชญากรรมที่เกิดขึ้นตามแนวแม่น้ำ โดยความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด (International Narcotics and Law Enforcement Section - INL) จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำราชอาณาจักรไทย การฝึกปฏิบัติการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ร่วมกับบริษัทรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ (รถไฟฟ้าใต้ดิน) ซึ่งเป็นการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ Urban Operation สำหรับการปฏิบัติการร่วมกัน เมื่อเกิดสถานการณ์ไม่ปกติภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้า MRT และบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อพัฒนาแผนการต่อต้านการก่อการร้าย ให้ทันสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โครงการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เพื่อค้นหาสุดยอดทีมปฏิบัติการพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขัน UAE S.W.A.T. Challenge 2024 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจะได้นำมาพัฒนา

หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจไทย อีกทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานตำรวจทั่วโลก เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้เหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่รวมทั้งเร่งดำเนินการจัดหายุทโธปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พัฒนากำลังพลให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อรองรับภัยคุกคามในทุกรูปแบบ ร่วมกับการสร้างองค์ความรู้ในเรื่องการใช้ชีวิต การสร้างทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงาน เพื่อให้สามารถนำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติ ภายใต้สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

กองประชาสัมพันธ์ สำนักประชาสัมพันธ์ กรมกิจการพลเรือนทหาร
23 มกราคม 2567


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top