Tuesday, 22 April 2025
ปูอัด

'สส.หญิงก้าวไกล' เดือด!! ขึ้นรูปโปรไฟล์ดำประท้วง หลังมติไม่ขับ 'ปูอัด' พ้นพรรค โพสต์สับ "หน้าด้าน"

(2 พ.ย.66) ภายหลังจากการประชุมพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาแถลงมติพรรคก้าวไกล ให้ขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ออกจากพรรค ขณะที่นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เสียงส่วนใหญ่ 106 เสียง จาก 128 เสียงที่มาประชุม เห็นควรให้ขับออกจากพรรค แต่เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ สส.และกรรมการบริหารพรรคที่มีอยู่ 116 เสียง จึงยังไม่สามารถมีมติให้ขับพ้นออกจากสมาชิกพรรคได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัญชีโซเชียลมีเดียของกลุ่ม สส.หญิง พรรคก้าวไกล ได้เปลี่ยนภาพดิสเพลเป็นสีดำ อาทิ นางสาวศศินันท์ ธรรมนิธินันท์ หรือ ทนายแจม สส.กรุงเทพฯ, นางสาวภัสรินทร์ รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ รวมถึง นางสาวภัสราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือ ‘สก.เนอส’ สก.กรุงเทพฯ ด้วย

นางสาวภัสราภรณ์ ยังโควททวีตกรณีดังกล่าว โดยมีข้อความว่า “หน้าด้าน ไม่มีความละอายแก่ใจ เป็นคนให้ได้ก่อนค่อยเป็นผู้แทนประชาชน” และแท็ก @chaiyamparwaan บัญชีทวิตเตอร์ของนายไชยามพวาน

นอกจากนี้ยังได้รีทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่ง ซึ่งมีข้อความว่า “ผิดหวังกรณีปูอัดมาก ดูจากคลิปออกมาไม่มีสำนึกเลย ปฏิเสธไม่ได้ทำตลอดทั้ง ๆ ที่พรรคสอบสวนแล้ว สงสารเหยื่อเหมือนถูกกระทำซ้ำอีกรอบ”

ขณะที่บัญชีเฟซบุ๊กของนายไชยามพวาน มีประชาชนจำนวนไม่น้อย เข้าไปคอมเมนต์ในโพสต์ล่าสุด โดยเรียกร้องให้รับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าว

'รุ้ง ปนัสยา' ซัด 'ปูอัด ก้าวไกล' หน้าด้าน ใช้ความเมาเป็นข้ออ้าง ชี้!! ถ้าก้าวไกลแก้ปัญหาเรื่องเพศไม่ได้ เรื่องอื่นก็ไปไม่รอด

(2 พ.ย. 66) จากกรณีที่คณะกรรมการวินัย คณะกรรมการบริหาร พรรคก้าวไกล มีมติว่า นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ทำผิดวินัยร้ายแรง คุกคามทางเพศ ที่ประชุมร่วม ส.ส. และกรรมการบริหาร โหวตขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ลาออกจากตำแหน่ง ถึง 106 เสียง จาก 128 เสียง จึงทำให้การขับออกยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ (เนื่องจากน้อยกว่า 116 เสียงตามเกณฑ์ 3 ใน 4)

ล่าสุด “รุ้ง ปนัสยา” แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ทวีตข้อความผ่านแอปพลิเคชั่น X (ทวิตเตอร์) ส่วนตัว @PanusayaS ระบุว่า...ปูอัดต้องลาออก อย่าหน้าด้าน เมาไม่ใช่ข้ออ้างที่จะไปกระทำเลวต่อคนอื่น ก้าวไกลต้องแก้ปัญหาเรื่องเพศให้ได้ ถ้าแก้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็สู้ไม่รอด

‘กรุณพล’ เบรกโซเชียล อย่าคาดเดาชื่อ สส.โหวตมติอุ้ม 'ปูอัด' ฟากชาวเน็ต สวน!! “ถ้ากล้าไม่ขับออก ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ!!”

(3 พ.ย. 66) หลังจากที่ประชุมร่วมกันของกรรมการบริหารพรรคและสส.ของพรรคก้าวไกล พิจารณาเรื่องร้องเรียนกล่าวหา สส.มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ โดยลงมติขับ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พ้นสมาชิกภาพ และคาดโทษ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เขตจอมทอง-บางขุนเทียน-ท่าข้าม ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงบรรทัดฐานในมติดังกล่าว

โดยผู้ใช้ X ในชื่อ @HiHextor โพสต์ภาพ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ที่กากบาทว่าสส.คนใดโหวตแบบไหนบ้าง พร้อมข้อความว่า คาดเดาล้วน ๆ แต่พอตัดชื่อออกแล้วเหลือ 22 ท่านพอดีเลย

ทำให้ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.ส.บัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวไกล Petchkaroonpon @petchy66 โพสต์ข้อความตอบกลับว่า

อย่าเดาเลยครับ มันจะสร้างความเสียหายให้บุคคลอื่นได้ หากบางท่านอ่านเพียงผ่านๆ ตอนโหวตหลายท่านก็ก้มหน้า บางท่านก็หลับตาเพราะต้องการแสดงออกเฉพาะความเห็นของตัวเองไม่ก้าวก่ายความเห็นที่แตกต่างของท่านอื่น และไม่ว่าจะออกแบบไหนพวกเราทุกคนในพรรคก็ต้องรับผลนั้นไปด้วยกันครับ

นอกจากนี้มีผู้โพสต์แสดงความคิดเห็นสนับสนุนให้เปิดชื่อด้วยว่า

จริงๆพรรคไม่ควรปล่อยให้พวกเราๆต้องเดานะครับ มันเป็นเรื่องใหญ่ ควรชี้แจงให้ชัดเจน และโปร่งใส อย่างที่ได้รับปากประชาชนไว้ในช่วงแรกๆ

มันควรเปิดเผยนะครับ กล้าลงมติไม่ขับออก ก็ต้องกล้ารับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองลงไป กล้าเปิดหน้าชี้แจงเหตุ

‘ลอรี่ พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ’ ติง!! สส.ฝ่ายค้าน ฉาวคนเดียว ระวังเหม็นทั้งประเทศ จี้ให้!! ลาออก ก่อนกระทบ ‘การทูต-การท่องเที่ยวไทย’ เสียหายถึงความสัมพันธ์

(8 ก.พ. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลออกหมายจับ สส.ฝ่ายค้านคดีล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ว่า

ในขณะนี้ สื่อต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนและไต้หวัน ประโคมข่าวใหญ่ 'สส.ฝ่ายค้านไทย' ขืนใจนักท่องเที่ยวไต้หวัน เรื่องดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องผิดส่วนตัว แต่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทบต่อการท่องเที่ยวที่ทุกภาคส่วนร่วมกันช่วยฟื้นฟูกันอย่างแข็งขัน กลับต้องมาเสียหายเพราะผู้แทนของประชาชน ที่กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นายพงศ์พล กล่าวต่อไปว่า พรรคการเมืองไหนยังให้การสนับสนุนถือหางได้ก็ถือไป แต่ไม่ใช่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ พวกเราขอไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ สส. คนดังกล่าวพิจารณาตนเองและงดใช้เอกสิทธิ์ สส.ไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ก่อนประเทศเสียหายกว่านี้

"ผมเสนอให้สภามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส ไม่ให้มีการใช้อิทธิพลพรรคใหญ่เข้าแทรกแซง พร้อมทั้งเยียวยาเหยื่อ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ" นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา’ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ จี้!! ‘ปูอัด’ ลาออก สส. เร่ง!! หน่วยงานตรวจสอบโดยเร็ว ชี้!! ความยุติธรรมที่ล่าช้า ก็คือความไม่ยุติธรรม

(9 ก.พ. 68) ‘ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์’ รองโฆษกและผู้ช่วยผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงกรณีศาลเชียงใหม่ออกหมายจับ ‘นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์’ ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า

ตนในฐานะตัวแทน ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะ ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม โดยเร่งดำเนินการ ดังนี้

1. นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ควรแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออก ไม่ใช้เอกสิทธิ์ สส. เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง

2. พรรคการเมืองในสังกัดปัจจุบันควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการออกมาแสดงจุดยืนและขอโทษประชาชน

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากยึดตามสโลแกนที่ว่า “พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค” สะท้อนถึงปัญหาระบบการคัดสรรผู้สมัคร สส. ของต้นสังกัดเดิม จะได้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่บุคลากรของพรรคเดิม มีประวัติและการกระทำด่างพร้อย  ดังนั้น ต่อไปนี้อยากฝากพี่น้องประชาชนอย่าเลือกคนลงสมัคร สส.ที่พรรคอย่างเดียวควรพิจารณาถึงผลงาน ประวัติ ความเป็นมาของผู้สมัครเป็นหลัก ดังนั้น คำที่ว่า พรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค จึงไม่สามารถใช้กับพรรคการเมืองในเมืองไทยได้อีกแล้วเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ซ้ำซากกับบุคคลากรของพรรคการเมืองดังกล่าว 

ทั้งนี้ ตนจึงอยากเรียกร้องให้ผู้บริหารอดีตพรรคก้าวไกลที่เป็นคนนำพา สส.คนกล่าวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ล่วงละเมิดทางเพศนักท่องเที่ยวหญิงต่างชาติเข้าสู่การเมืองและได้รับการเลือกตั้งเป็นสส.เพราะความนิยมของพรรค ได้ออกมาขอโทษพี่น้องประชาชนด้วย เนื่องจาก ผู้บริหารพรรคก้าวไกลในอดีตมักพูดเสมอว่า เป็นเพราะกระแสความนิยมพรรรคจึงได้ สส.มาเป็นจำนวนมาก 

ตนขอชื่นชมในความกล้าหาญของนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันที่จะยืดหยัดต่อผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยไม่เกรงกลัวกับอำนาจใดๆ และประเด็นที่สังคมควรให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน คือ มาตรการเยียวยาผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ และยิ่งกว่านั้นในสังคมไทยควรจะร่วมมือกันรณรงค์ในการป้องกัน สอดส่องดูแลไม่ให้ผู้ใด โดยเฉพาะเด็กและสตรี ตกเป็นเหยื่อได้อีก #nomorevictims

'เลขาสภาฯ' คาด 20 ก.พ. เปิดโหวตส่ง ‘ปูอัด’ ให้ตำรวจ ยืนยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม 2 สภา

‘เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร’ คาดบรรจุวาระโหวตไฟเขียวจับ ‘สส. ปูอัด’ ข้อหาข่มขืนสาวไต้หวัน 20 ก.พ.นี้  ยันไม่ล่าช้า เหตุสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม

(10 ก.พ.68) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หมายจับของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ข้อหาข่มขืนนักท่องเที่ยวหญิงชาวไต้หวัน ยังมาไม่ถึงสภาฯ เพราะตามขั้นตอนสภ. เชียงใหม่จะส่ง หมายจับของศาลไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหนังสือเพิ่งถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จึงคาดว่ามาถึงสภาฯ ไม่วันที่ 10 ก.พ. ก็ 11 ก.พ. นี้ เพราะต้องผ่านขั้นตอนคือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หรือรองผบ.ตร. ก็จะทำหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาต พิจารณาคดีระหว่างสมัยประชุม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 วรรค 1 ทั้งนี้เมื่อหนังสือมาถึงทางสำนักประชุมก็จะนำเสนอประธานสภาฯ เพื่อขออนุญาตบรรจุวาระการประชุมในวันที่ 20 ก.พ.เป็นเรื่องด่วน เพราะวันพุธ เป็นวันพิจารณากฎหมาย 

เมื่อถามว่า หากนายไชยามพวานลาออก ไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ กล่าวว่า ถ้าลาออกก็ถือว่าขาดสมาชิกภาพทางสภาฯก็ไม่ต้องพิจารณา การคุ้มกันต่าง ๆ จะหมดลง แต่ตอนนี้อยู่ในระหว่างชั้นการสอบสวนยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟ้องศาล แต่ทันทีที่สภาฯอนุมัติให้จับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าควบคุมตัวนายไชยามพวาน ได้ทันที

เมื่อถามว่า มองว่าช้าไปหรือไม่ที่บรรจุวาระดังกล่าวในวันที่ 20 ก.พ. กล่าวว่า เป็นขบวนการตามปกติ เนื่องจากสัปดาห์นี้มีประชุมร่วม ยังไงก็บรรจุไม่ได้อยู่แล้ว ต้องรอสัปดาห์หน้า

เมื่อหนึ่งในผลิตผลของ ‘พรรคส้ม’ ล้มสถาบัน!! คือการเป็น สส. หื่นกาม กระทั่งข่มขืนหญิงสาวชาวต่างชาติ

(12 ก.พ. 68) ถ้าเป็นประเทศที่เจริญแล้วจริง ๆ หรือคุณภาพของนักการเมืองอยู่ในมาตรฐานที่สูงมากพอ หากถูกจับได้ว่ามีส่วนพัวพันในเรื่องละเมิดจริยธรรม คุณธรรม ทำให้เกิดเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนเอง รวมถึงพรรคการเมืองที่สังกัด นักการเมืองผู้นั้นจะต้องขอยุติบทบาท ลาออกจากการทำหน้าที่ทันที ไม่ต้องรอให้ใครมากดดัน หรือขับไล่

แต่เรื่องดี ๆ แบบนี้คงยากจะหาได้จาก ‘นักการเมืองขี้หมา’ ของประเทศไทยเรา 

ด้วยมาตรฐานของนักการเมืองไทย เน้นไปที่ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’ มีมาตรฐานที่ค่อนข้างต่ำ สมัยยี่สิบปีก่อนก็ไม่ได้มีมาตรฐานสูง แต่สมัยนี้กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน นับได้ไม่เกิน ‘นิ้วมือรวมนิ้วตีน’ ที่จะเรียกว่าเป็น ‘สส. คุณภาพ’ เข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนอย่างซื่อสัตย์สุจริต มีอุดมการณ์ มีความรับผิดชอบอันแรงกล้าต่อสังคมส่วนรวม 

ส่วนใหญ่เป็นได้เพียง สส. ผู้หิวกระหายอำนาจ รวมหัวกันโกงบ้านกินเมือง ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยมีแต่ความต่ำทราม เลวร้าย ดูเป็นอาชีพที่ไร้เกียรติ เพราะอุดมไปด้วยกลุ่มคนที่มี DNA ในทางปลิ้นปล้อนเข้ามาอยู่รวมกันในสภาอันทรงเกียรติ 

ที่ชัดสุดคือ สส.จากพรรคการเมืองที่มีเป้าหมายล้มล้างการปกครอง อ้างตนเป็น ‘กลุ่มคนรุ่นใหม่’ ที่หมายจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศชาติ แต่พฤติกรรมแต่ละดอกที่ประชาชนจับได้ไล่ทันช่างเป็นสิ่งที่น่าอเนจอนาถใจ ตั้งแต่การแอบอ้างผลงานของคนอื่นเป็นผลงานของตัวเอง สร้างเรื่องโกหกรายวันให้ตนเองดูดี หนีการเกณฑ์ทหาร และพัวพันคดี 112 อีกไม่น้อย ยังมีคดีละเมิดทางเพศ ข่มขืนสาวชาวต่างชาติ ทำให้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยหมดคุณค่าลงสิ้น 

สส. หื่นกาม มีพฤติกรรมชั่ว ทำผิดในเรื่องซ้ำ ๆ รายหนึ่ง เป็นผลผลิตที่น่าภาคภูมิใจของพรรคการเมืองที่เข้ามาเพื่อล้มล้างสถาบัน จึงยากที่จะเห็นนักการเมืองในพรรคนี้ก่นด่าให้เราได้ยิน ต่างพากันเงียบกริบ หันไปสายลมแสงแดดแทน 

คำกล่าวที่ว่า สส. โง่และชั่วในระดับใด ก็ให้ดูพรรคการเมืองที่สร้างจนมีตัวตน รวมถึงกลุ่มคนที่กาเลือกเข้ามา เพราะจะมีคุณสมบัติที่ไม่ต่างกัน

‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช.!! สอบ ‘ปูอัด’ พ่วง!! ‘วันนอร์-สุชาติ’ ฝ่าฝืนจริยธรรมฯ

(16 ก.พ. 68) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 หรือไม่ โดยมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายเป็นตัวอย่างในคำร้องดังนี้

ข้อ 1.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 (1) และมาตรา 87 บัญญัติว่า มาตรา 28 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และมาตรา 87 เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนและมีความเห็นว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย การเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาตามวรรคหนึ่ง และการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาให้เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ซึ่งต้องกำหนดให้ใช้ระบบไต่สวนและให้ดำเนินการโดยรวดเร็ว ให้นำความในมาตรา 81 และมาตรา 86 มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

การเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจมอบหมายให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ดำเนินการในศาลแทนได้”

ข้อ 2. มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 กำหนดไว้ดังนี้ ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง

ข้อ 3. ระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เรื่องด่วน ขออนุญาตสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจับกุมตัว นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.มารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายในระหว่างสมัยประชุม ตามมาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ

ข้อ 4. เอกสารแนบระเบียบวาระดังกล่าว แนบหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ ตช 0011.25/537 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นหนังสือการแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญากับ นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น โดยพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 95/2568 กรณี นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงอาจเข้าข่ายอันควรตรวจสอบว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 หรือไม่

ข้อ 5. ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

ข้อ 6. ข้อเท็จจริงตามข่าวที่ปรากฏ กรณี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา กับ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ควรถือเป็นความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาหรือไม่ ตามมาตรา 48 วรรคหนึ่งแล้ว จึงมีเหตุอันควรขอให้ตรวจสอบบุคคลทั้ง 3 แล้วแต่กรณี ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 17 หรือไม่

“เรื่องฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ อยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยตรง จึงไม่ควรไปร้องหน่วยงานอื่น” นายเรืองไกร กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top