Tuesday, 22 April 2025
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส

‘เอมมานูเอล มาครง’ คว้าชัยเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศส เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกรอบ 20 ปี ได้นั่งเก้าอี้สมัยที่ 2 

ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างไม่เป็นทางการ "เอมมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส วัย 44 ปี ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเบื้องต้นร้อยละ 58 สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 20 ปี ที่ชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2 

วันนี้ (25 เม.ย. 65) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสรอบสองตัดสินที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง" นักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมและสนับสนุนสหภาพยุโรปหรืออียู วัย 44 ปี ชนะเลือกตั้งเหนือ "นางมารีน เลอ เปน" คู่แข่งจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ที่ประกาศนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรป หรือ อียู และต่อต้านผู้อพยพ วัย 53 ปี

ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ "มาครง" ได้คะแนนเสียงร้อยละ 58 ส่วน "เลอ เปน" ได้ คะแนนเสียงร้อยละ 42 แม้ช่องว่างของคะแนนเลือกตั้งที่ชนะกัน ไม่ทิ้งห่างมากเท่ากับเมื่อครั้งการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 แต่ก็ทำให้นายมาครง สร้างประวัติศาสตร์ เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 20 ปี 

นายมาครงพร้อมบริจิต มาครง สตรีหมายเลข 1 เดินทางมาถึงเวทีที่จัดตั้งขึ้นที่ลานหน้าหอไอเฟล แลนด์มาร์ก สัญลักษณ์สำคัญของฝรั่งเศส ในกรุงปารีส เพื่อแถลงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนตามที่ประกาศไว้ช่วงวันเลือกตั้ง  

ก่อนขึ้นเวทีทักทายและแถลงขอบคุณกลุ่มผู้สนับสนุน และ ชาวฝรั่งเศส ตลอดเวลา 5 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งด้านดีและยากลำบากรวมทั้งวิกฤติการณ์ที่ไม่ธรรมดา แต่วันนี้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเขาให้บริหารประเทศฝรั่งเศสต่อไปอีก 5 ปี ประกาศจะเป็นประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศสทุกคน ไม่มีค่ายหรือแบ่งฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่คนที่เลือก มารีน เลอ เปน นักการเมืองฝ่ายขวาจัด 

ขณะที่ นางบริจิต ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ช่องหนึ่ง รับรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายมาครงชนะเลือกตั้งอีกสมัย รู้สึกมีความสุขและเชื่อมั่นในนายมาครง ผู้เป็นสามี ที่สร้างประวัติศาสตร์ มาครง มีเป้าหมายอันแรงกล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อฝรั่งเศส

ด้าน มารีน เลอ เปน ผู้สมัครฝ่ายขวาจัด วัย 53 ปี ที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสครั้งนี้นับเป็นรอบที่ 3 กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส รอบสองรอบตัดสิน 

'ฝรั่งเศส' วุ่น!! 'ฝ่ายซ้าย' เตรียมยื่นถอดถอน 'มาครง' หลังถูกเมินเสนอชื่อคนฝ่ายตนเป็นนายกฯ ทั้งที่ชนะเลือกตั้ง

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศ เผยว่า พรรค France Unbowed (LFI) แนวร่วมฝ่ายซ้ายซึ่งคว้าเก้าอี้มาได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม กำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อทำการถอดถอนประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส หลังจาก มาครง ปฏิเสธเสนอชื่อ ลูซี คาสเตต์ แคนดิเดตของพวกเขาเป็นนายกรัฐมนตรี

"ร่างญัตติสำหรับเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ถูกส่งถึงสมาชิกรัฐสภาแล้วในวันนี้ สำหรับร่วมลงนาม" มาทิลเด ปาโนต์ แกนนำของ LFI ในรัฐสภา เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ (31 ส.ค.)

ทั้งนี้ เพื่อเริ่มต้นกระบวนการถอดถอน ทางพรรค LFI ซึ่งมี 72 ที่นั่ง ในสมัชชาแห่งชาติ 577 ที่นั่ง จำเป็นต้องรวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10% ขอสมาชิกรัฐสภา ภายใต้ญัตติดังกล่าว ทั้งนี้มาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส ระบุไว้ว่าประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งได้ ในกรณีละเลยต่อการทำหน้าที่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกิดผลกระทบต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ของประธานาธิบดี

"มาครง ปฏิเสธทำตามเสียงโหวตของประชาชน ดังนั้นเราต้องปลดเขา" ปาโนต์กล่าว พร้อมแชร์ร่างญัตตินี้ ซึ่งเน้นย้ำว่า "สมัชชาแห่งชาติ (สภาล่าง) และวุฒิสภา สามารถและต้องปกป้องประชาธิปไตยต่อการโน้มเอียงเข้าหาเผด็จการของประธานาธิบดี"

อย่างไรก็ตาม บรรดาสมาชิกสภาโต้แย้งต่อแนวร่วมฝ่ายซ้าย ว่า การเจรจาต่อรองทางการเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี ในกรณีที่ มาครง พยายามหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ นับตั้งแต่ กาเบรียล อัตตาล ลาออกไปเมื่อเดือนที่แล้ว

สำหรับ LFI คือส่วนหนึ่งของแนวร่วมพันธมิตรนิวป็อปปูลาร์ฟรอนต์ (NFP) ร่วมกับพรรคโซเชียลิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์และพรรคกรีนส์ ซึ่งโผล่ขึ้นมาในฐานะผู้ชนะในศึกเลือกตั้ง ที่มีขึ้นหลังจากมาครง ประกาศยุบสภาก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี

อย่างไรก็ตาม พันธมิตรนี้ไม่ถึงขั้นครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด บีบให้ มาครง ต้องเข้าสู่การเจรจาเพื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อวันจันทร์ (29 ก.ค.) มาครง ปฏิเสธเสนอชื่อ คาสเตต์ ข้าราชการพลเรือนซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่เป็นแคนดิเดตของแนวร่วม NFP เป็นนายกรัฐมนตรี อ้างว่ารัฐบาลหนึ่งที่นำโดยฝ่ายซ้าย จะคุกคามเสถียรภาพของสถาบันการเมือง

ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนฝรั่งเศส เน้นว่าสถานการณ์เช่นนี้คงเป็นเรื่องยากในการหาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่จะไม่ถูกเขี่ยพ้นจากตำแหน่งในทันที ในการลงมติไม่ไว้วางใจ

ปัจจุบัน มาครง ยังคงเพิกเฉยแคนดิเดตของแนวร่วมนิว ป็อปปูลาร์ ฟรอนต์ และแหล่งข่าวใกล้ชิดกับเขา เผยว่าเขาเชื่อว่าสมดุลอำนาจควรขึ้นอยู่กับพรรคสายกลางหรือฝ่ายขวากลางมากกว่า

เช่นดียวกับพรรคอาร์เอ็น ซึ่งกวาดเก้าอี้มาเป็นอันดับ 3 ในศึกเลือกตั้ง เน้นย้ำว่าพวกเขาจะขัดขวางแคนดิเดตจากแนวร่วมฝ่ายซ้าย โดยอ้างว่า NFP เป็นตัวแทนของความอันตรายที่มีต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง สันติสุขของพลเมือง และแน่นอนว่าเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top