Thursday, 4 July 2024
บิ๊กเต่า

'บิ๊กโจ๊ก' แตกหัก!! ส่งทนายฟ้อง 'บิ๊กเต่า' ขู่!! ถ้าแฉเส้นทางเงินทั้งหมด 'ตายหมู่' แน่นอน

(13 มี.ค. 67) นายณัฐกร โตสกุล ทนายผู้รับมอบอำนาจจากพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อนำเอกสารไปยื่นฟ้องพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีเมื่อวันที่ 21 และ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรือ ‘รองเต่า’ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าว โดยมีการนำข้อมูลที่อยู่ในสำนวนคดีเว็บพนันของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ไปเปิดเผย ซึ่งข้อความดังกล่าวมีลักษณะเกินเลยความเป็นจริง ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องมายื่นฟ้องในวันนี้ และหากที่ผ่านมามีบุคคลใดที่ทำให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ได้รับความเสียหายอีก ทีมทนายก็จะดำเนินการฟ้องร้องทั้งหมด

ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังระบุว่า กรณีที่ตำรวจไปขอศาลอนุมัติหมายจับเมื่อวานนี้ เมื่อศาลยกคำร้องการขอออกหมายจับไปแล้ว พนักงานสอบสวนก็สามารถออกหมายเรียกได้ตามอำนาจหน้าที่ แต่คดีนี้พนักงานสอบสวนไม่น่าจะมีอำนาจแล้ว เพราะ ป.ป.ช. รับเรื่องแล้ว จึงอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ดำเนินการ ซึ่งพฤติกรรมของคดี ทั้ง สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน เป็นเส้นทางการเงินเดียวกันหมด แม้จะต่างเว็บไซต์ แต่ก็ถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน และเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งทีมทนายได้ข้อมูลมาจากพยานหลักฐานบัญชีและเส้นทางการเงินที่พันตำรวจโทคริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องมือขวาของบิ๊กโจ๊ก ที่บันทึกเส้นทางการเงินเข้าและออกไว้ทั้งหมด แต่พนักงานสอบสวนมีความพยายามที่จะแยกสำนวนออกมา ซึ่งทีมทนายมองว่าการสอบสวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ มีกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากพนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ดีกว่าการสอบโดยตำรวจด้วยกัน

นอกจากนี้ ทนายความของบิ๊กโจ๊ก ยังกล่าวอีกว่า เส้นทางการเงินเหล่านี้เชื่อมโยงมาถึงบิ๊กโจ๊กเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็มีเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นด้วย ซึ่งหากบิ๊กโจ๊กเข้าข่ายความผิด บุคคลท่านนั้นก็ต้องผิดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนเพ่งเล็งจะสอบแค่เพียงเส้นเงินที่เชื่อมมาถึงบิ๊กโจ๊กหรือไม่ พร้อมแง้มว่า เร็ว ๆ นี้ทีมทนายความของบิ๊กโจ๊ก อาจจะตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเส้นทางการเงินทั้งหมด และตอบคำถามในประเด็นต่าง ๆ กับสื่อมวลชน รวมถึงเปิดเส้นทางการเงินที่เชื่อมไปยังบุคคลอื่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุคคลที่จะทำให้สะเทือนทั้งวงการ เหมือนที่บิ๊กโจ๊กเคยบอกไว้ว่า หากแฉออกมาจะมีการตายหมู่แน่นอน

ชลบุรี- 'บิ๊กเต่า' ลั่นฟัน 157 หากพบเจ้าหน้ามีส่วนเกี่ยวข้อง เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ

ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่าเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ล่าสุดวันนี้ (13 มิถุนายน) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เรือบรรทุกน้ำมันหาย 3 ลำ ณ ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก่อนเข้าประชุมเร่งรัดหาข้อเท็จจริง

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า การดำเนินการติดตามเรือที่หาย ได้มีการตั้งคณะกรรมการในการดำเนินคดีออกเป็น 3 ส่วน คือ เจ้าาหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง และในส่วนของลูกเรือ โดยได้ตั้งกองอำนวยการสืบสวนหาข้อเท็จจริงถึงสาเหตุเรือบรรทุกน้ำหาย และจะเร่งนำเรือของกลางกลับมาโดยเร็ว ทั้งนี้เชื่อว่าเรือที่หายทั้ง 3 ลำ ยังคงอยู่ในอ่าวไทย และยังไปไม่ถึงประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเรือทั้ง 3 ลำมีน้ำมันอยู่ด้วย ทำให้เรือสามารถวิ่งได้ประมาณ 7-8 นอต และจะต้องใช้ระยะเวลาในการวิ่งเรือจากพื้นที่เกิดเหตุไปประเทศเพื่อนบ้านที่มีระยะทาง 240 ไมล์ทะเล โดยต้องใช้ระยะ 15 ชั่วโมง

ส่วนข้อสงสัยที่ว่าทำไหมเรือบรรทุกของกลางที่จอดด้วยกัน 5 ลำ จึงหายไปเพียง 3 ลำนั้น ด้วย เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำที่หายนั้น จากสืบข้อมูลเชิงลึก เรือทั้ง 3 ลำ มีเจ้าของและเป็นเรือของผู้มีอิทธิพลเรื่องน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ปัตตานี และเหตุที่คาดการว่าเรือทั้ง 3 ลำจะไปประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเจ้าของเรือคาดว่าอีก 2 ลำ เป็นเรือไม่มีเจ้าของ แต่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน สำหรับลูกเรือที่จับได้ทั้งหมด 28 คน และหายไปกับเรือ 3 ลำ 18 คน ทั้งนี้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสั่งลงมาให้ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หากพบเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจและปล่อยเรือออกไปก็จะดำเนินคดี เพราะไม่ทำหน้าที่เท่าที่ควร มีอะไรกับเป้าหมายหรือไม่ รับรองว่าการเข้ามาทำหน้าที่ของตนตรงไปตรงมา หากพบเจ้าหน้าที่นายไหนมีส่วนเกี่ยวข้องพร้อมดำเนินคดี 157 ทันที และเชื่อว่าบนเรือไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเรือของกลาง อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา ให้ช่วยติดตามหาเรือทั้ง 3 ลำแล้ว พร้อมเตรียมออกหมายจับลูกเรือที่หนีไป

ด้านพ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผู้กำกับ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ เปิดเผยว่า เรือ 3 ลำได้ยึดเป็นของกลางในคดี ทั้งเป็นคดีของพนักสอบสวนกลางและกรมสรรพสามิต ซึ่งเรือแต่ละลำมีทะเบียนเรือไม่ตรงกับข้อมูลเรือ บางลำไม่มีทะเบียนเรือ และจากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่าเรือ 3 ลำ ที่หายไปเป็นเจ้าของเดียวกัน ส่วนการจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 5 ลำ นั้น ด้วยมีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลในฝั่งทะเล ออกทะเลอันดามัน เพื่อจะเอาน้ำมันเข้ามาในราชอาณาจักร จึงมีการจับกุม ส่วนการจัดเก็บของกลางตามระเบียบ สตช. ระบุให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดูแล และหากของกลางเป็นประเภทเรือ ของกลาง จะต้องให้ตำรวจน้ำในพื้นที่ดูแล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top