Wednesday, 5 February 2025
นายอนุทิน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญวันเด็ก 1.9 แสนชิ้น แด่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2567) นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ รองประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ และ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย คณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อมอบชุดของขวัญวันเด็ก ประกอบด้วย สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด และ กระปุกออมสิน รวมจำนวน 190,000 ชิ้น เพื่อนำไปแจกจ่ายให้เด็กและเยาวชน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2567  ณ ห้องนารี 2 ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า การให้ของขวัญวันเด็ก เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่มูลนิธิฯ ได้จัดทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 65 ปี การจัดของขวัญส่งความรักความปรารถนาดีให้เด็กๆ ในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” ด้วยเด็กดีในวันนี้ คือผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าและเป็นกำลังสำคัญเป็นอนาคตของชาติ และ เพื่อร่วมเป็นขวัญกำลังใจและร่วมส่งเสริมให้เด็กไทย “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” ตามคำขวัญของท่านนายกรัฐมนตรี

โดยเมื่อวันอังคารที่ 9 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้จัดพิธีมอบชุดของขวัญวันเด็กให้กับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย โดยมีผู้แทนโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ  รวมทั้งจัดให้มีการส่งชุดของขวัญวันเด็กของมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ

รวมจำนวนของขวัญวันเด็กที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมอบให้กับเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2567 ทั้งสิ้น 900,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 23,400,000 บาท  (ยี่สิบสามล้านสี่แสนบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลา 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ทาง รวมทั้งด้านส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง #ช่วยชีวิต #รักษาชีวิต #สร้างชีวิต 
#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

“พิพัฒน์ ร่วมคณะรองนายก ลงพื้นที่โคราช ออกหน่วยบริการแรงงาน ส่งเสริมจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคอีสาน

วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ร่วมคณะ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่พบปะประชาชน ตรวจเยี่ยมพร้อมชมนิทรรศการและการออกหน่วยเคลื่อนที่ของส่วนราชการที่มาเปิดให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ และประชุมรับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารของจังหวัด ส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมเป็นเกียรติ นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน นางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นางสาวบุณยวีร์ ไขว้พันธุ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา นักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ ณ โรงเรียนจักราชวิทยา ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันนี้ผมพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้ลงพื้นที่มายังจังหวัดนครราชสีมา เพื่อร่วมคณะของท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพที่โดดเด่นเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การคมนาคมของภูมิภาคที่เป็นประตูสู่ภาคตะอันออกเฉียงเหนือ อันจะส่งผลให้ประชาชนเกิดการจ้างงานโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและบริการซึ่งโคราชมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีศักยภาพโดดเด่น มีประชากรมากถึง 2.6 ล้านคน และอยู่ในกำลังแรงงานร่วม 1.2 ล้านคน ในส่วนของกระทรวงแรงงานเองมีภารกิจที่ดูแลแรงงานอย่างครบถ้วนในทุกมิติ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในระดับจังหวัด มีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดนครราชสีมามาร่วมออกบูธให้บริการประชาชน ได้แก่ ให้บริการสิทธิประโยชน์ของแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ สาธิตและฝึกปฏิบัติอาชีพอิสระ คลินิกอาชีพ บริการรับลงทะเบียนสำหรับผู้ที่สนใจหางานทำในประเทศและต่างประเทศ บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ สาธิตการทำเครื่องดื่ม และการให้บริการนวดแผนไทย บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายแรงงาน ให้ความรู้เทคนิควิชาการด้านความปลอดภัยในการทำงาน และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้งานประกันสังคมมพร้อมรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 ด้วย

ต่อมา นายพิพัฒน์ และคณะ ยังได้ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน ตรวจเยี่ยมชมนิทรรศการและการออกหน่วยเคลื่อนที่ของส่วนราชการที่มาเปิดให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารของจังหวัด ส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ณ โรงเรียนห้วยแกลงพิทยาคม อ.ห้วยแกลง จ.นครราชสีมา จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ ยังได้ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรี ประชุมบูรณาการการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับสถานการณ์ด้านแรงงานของจังหวัดนครราชสีมา พบว่า ปัจจุบันมีผู้อยู่ในกำลังแรงงาน 1,246,522 คน เป็นผู้มีงานทำ 1,226,554 คน ผู้ว่างงาน 4,216 คน รอฤดูกาล 15,752 คน มีแรงงานนอกระบบ 751,623 คน มีอาสาสมัครแรงงาน 289 คน มีแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตทำงาน 39,875 คน นายจ้าง 5,490 แห่ง มีแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศ 11,213 คน มีสถานประกอบการในระบบประกันสังคม 10,323 แห่ง ผู้ประกันตน 1,028,076 คน

มุกดาหาร-สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ 42 “อนุทิน” แสดงวิสัยทัศน์ ตั้ง รองผวจ.เศรษฐกิจ ส่งออกสินค้าไทยทุกชายแดนเฟื่อง หนุนอุตสาหกรรมไทยรุ่ง

(28 พ.ย. 67) นายกานต์พนธ์ เตชะเดชอภิพัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า คณะกรรมการหอการค้าจังหวัดมุกดาหาร ร่วมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ณ สวนนงนุช จ.ชลบุรี ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบรางวัลสำเภาทอง แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด 22 รางวัล ในการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 42 ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมมอบ รางวัลผู้ว่าราชการจังหวัดสำเภาทอง ประจำปี 2567 ณ NICE HALL สวนนงนุช 

นายอนุทิน ได้กล่าวในตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะพัฒนาระบบบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยมีเป้าหมายหนุนภาคเอกชนกลุ่มผู้ค้า ผู้จำหน่วย ผู้ผลิตทุกแห่ง สามารถส่งสินค้าออกไปจำหน่ายได้ทั่วโลกภายใต้การบริหารในรูปแบบใหม่ที่ภาครัฐจะดำเนินการอำนวยความสะดวกในทุกช่องทางแก่ผู้ประกอบการ ส่วนของกระทรวงมหาดไทยจะต้องเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง เรียนรู้ ทราบถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละท้องถิ่นของจังหวัดนั้น ดังเช่นเมืองชายแดนที่อยู่ติดประเทศเพื่อนบ้านทุกแห่ง จะต้องเน้นให้ส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้ได้ในทุกรูปแบบ โดยไม่มีเงื่อนไขไม่ติดขัดเรื่องการส่งออกสินค้าแต่อย่างใด เพื่อความเจริญเติบโตทางด้านการผลิต เมื่อโรงงานมีใบสั่ง แรงงานก็มีงานทำ คนไทยทุกคนจะมีเงิน มีงานสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานภายในครัวเรือน สร้างเศรษฐกิจการค้าให้โตขึ้นในทุกจังหวัด 

โดยภาครัฐจะสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนในการประกอบธุรกิจทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้ให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จังหวัดจะต้องร่วมผลักดันขับเคลื่อนอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ โดยเฉพาะการตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ จากในปัจจุบันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นผู้ดูแล ดังนั้นรองผู้ว่าฯ ด้านเศรษฐกิจจะมาช่วยดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ประเทศกำลังต้องการฟื้นฟูระบบการค้าเพื่อให้เงินไหลเข้าประเทศ ดังที่ทางหอการค้าระบุว่าเศรษฐกิจไทยต้องโตอย่างน้อย 3% ดังนั้น ภาครัฐจะต้องมีส่วนผลักดันที่สำคัญ 

นายกานต์พนธ์ กล่าวตอนท้ายว่า จากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดูแลเศรษฐกิจของจังหวัดทุกด้าน ทั้งอุตสาหกรรมการผลิต แรงงาน นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล การเงินการคลัง ซึ่งรัฐบาลในทุกภาคส่วนในจังหวัดจะต้องพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายหอการค้าไทยตั้งเป้าไว้ใน ปี 2568 เศรษฐกิจ จะโตมากกว่า 3% ภาครัฐจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs

ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top