Monday, 17 June 2024
นายทุนจีน

‘ตร.’ เผย เตรียมประสาน ‘INTERPOL’ ล่า 3 นายทุนจีน หลังหลบหนีออกนอกประเทศ

รองผบ.ตร. เตรียมขอตำรวจสากลออกหมายจับ 3 นายทุนจีนเปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย ที่หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมประสาน ปปง.ตรวจเส้นทางการเงินยึดทรัพย์ทั้งเครือข่าย

วันที่ (8 พ.ย. 65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าในการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องหาสัญชาติจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงผิดกฎหมายในไทย ว่า การสืบสวนขณะนี้พบว่ามีผู้ต้องหาหลัก 5 คน ตำรวจจับได้แล้ว 2 คน ส่วนอีก 3 คน ได้หลบหนีไปต่างประเทศโดยใช้เครื่องบินส่วนตัวบินหลบหนีไปหลังจากที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา และพัทยา ในห้วง 1-3 วันหลังจากการเข้าตรวจค้นจับกุม 

ทั้งนี้ได้สืบสวนจนพบว่ามีการนำเงินไปฟอกซื้อทรัพย์สิน ห้องพัก คอนโดมิเนียม และรถยนต์หรู อยู่จำนวนมากในกรุงเทพมหานคร จึงเข้าตรวจค้นในหลายแห่งตามหมู่บ้านหรู คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง สามารถยึดทั้งทรัพย์สิน และเงินสดไว้ตรวจสอบได้หลายร้อยล้านบาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผล 4 เคสเกี่ยวข้องนายทุนจีนสีเทา จินหลิง-ท๊อปวัน-เบบี้เฟซ-คลับวัน

จากกรณีในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการเข้าตรวจสอบสถานบริการที่มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันคือ นายทุนจีนเป็นเจ้าของ และใช้คนไทยเป็นนอมินี จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ 

ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งมีการตรวจค้นพบยาเสพติดจำนวนมาก, ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งพบหญิงชาวจีนเสียชีวิตหลังเที่ยวผับดังกล่าว โดยมีสาเหตุมาจากการเสพยาเกินขนาด, ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา ซึ่งตรวจค้นพบสารเสพติดในนักเที่ยวชาวจีนจำนวนกว่า 104 คน และยาเสพติดอีกจำนวนมาก สุดท้ายคือ ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งพบความเชื่อมโยงกับนายทุนจีนและใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งได้มีการแจ้งความคืบหน้าเป็นระยะ ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมสั่งการสืบสวนความเชื่อมโยงของกลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่มีการประกอบกิจการสถานบันเทิง โดยมีการกระทำผิดแอบแฝง ทั้งเรื่องยาเสพติด บ่อนการพนัน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวน ตรวจสอบข้อมูลการติดต่อและเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงทั้ง 4 แห่งโดยละเอียด เพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทั้งหมด และให้เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนายทุนจีนทั้งหมด เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมมาใช้ในการดำเนินคดีในความผิดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยแบ่งเป็นรายละเอียดตามแต่ละคดีดังนี้

กรณีที่ 1 ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา
หลังจากที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. ผลการตรวจค้นพบสารเสพติดในปัสสาวะของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก และพบยาเสพติดอยู่ภายในร้านจำนวนมาก จากกรณีดังกล่าว ได้มีการสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย คือ นายหวง ไห่ เถา หรืออาหวง พร้อมยึดของกลางเป็นยาเสพติดประเภท เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้าน และยังตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีกกว่า 38 จุด ตรวจยึดรถหรู 5 คัน และเงินอีก 19 ล้านบาท
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติด จนสามารถออกหมายจับ และจับกุมดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งหมด 4 ราย ได้แก่
1. นายหวง ไห่ เถา หรือ อาหวงสัญชาติจีน
2. นายเจียง ไต่ หลิน หรือเสี่ยหลิน สัญชาติจีน
3. นายเหมา ยะ ฉวง หรืออาฉวง สัญชาติจีน
4. นายหวัง เจี้ยน หัว หรืออาหัว สัญชาติจีน
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” 
หลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 รายแล้ว เจ้าหน้าที่สืบสวนยังรวบรวมพยานหลักฐานและพบความเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น จนสามารถขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่
1. นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว
2. นายหยาง เฉิน หรืออาหยาง สัญชาติจีน
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด” อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย

กรณีที่ 2 ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร
จากกรณีเมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีการแถลงผลการดำเนินคดีกรณีพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีน คือ น.ส.โหยว ซื่อ หัว อายุ 31 ปี ซึ่งไปเที่ยวที่ร้านท็อปวัน เมื่อว้นที่ 16 ก.ย.65 ต่อมาได้เสียชีวิตลงเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ซึ่งได้มีการสืบสวนและจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซุกซ่อนอำพรางหลักฐานเกี่ยวกับการเสียชีวิตดังกล่าวไปแล้วจำนวน 4 ราย ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอไปแล้ว นั้น

จากสาเหตุการเสียชีวิตดังกล่าว จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยว่า สถานบันเทิงดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบเกี่ยวกับเจ้าของและผู้เกี่ยวข้องโดยละเอียดว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือการกระทำผิดอื่นๆ หรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่า สถานบันเทิงดังกล่าวได้มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่นายทุนจีนดังกล่าวได้แสดงออกโดยชัดเจนว่าตนมีความเป็นเจ้าของ ซึ่งมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นจำนวน 2 ราย ได้แก่
1. นายวีรยุทธ แซ่หย้าง อายุ 23 ปี
2. นายจาง เจี้ยนกุ้ย อายุ 48 ปี สัญชาติจีน
การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 และยังดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้มีออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีเรียบร้อยแล้ว

กรณีที่ 3 ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 เวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มทุนจีนจำนวน 6 แห่ง รวมทั้งร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน ซึ่งผลการตรวจสอบภายในร้านพบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้านจำนวน 2 ราย จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า ร้านดังกล่าวมีเจ้าของเป็นบุคคลสัญชาติจีนซึ่งมีคนไทยเป็นนอมินี จึงได้ทำการขยายผลจนทราบว่า เจ้าของสัญชาติจีนดังกล่าวคือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด เป็นเจ้าของ จึงได้ขออนุมัติศาลเข้าค้นที่พักของนายเดวิด ที่บ้านเลขที่ 94 และ 96/1 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนง เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ผลการตรวจค้นพบสุราต่างประเทศ 24 ขวด ไวน์ต่างประเทศ 28 ลัง บุหรี่ต่างประเทศจำนวน 45 คอตตอน บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวน 15 กล่อง และอาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก จึงได้จับกุมนายเดวิด พร้อมของกลางดำเนินคดีในความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ร.บ.ศุลกากรฯ และ พ.ร.บ.สรรพสามิตฯ
จากการขยายผลเพิ่มเติมพบว่า นอกจากนายเดวิดซึ่งได้จับกุมดำเนินคดีแล้วนั้น ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ราย โดยเป็นกลุ่มคนจีนมาลงทุนและใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี ซึ่งคนไทยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ ในการทำธุรกิจดังกล่าว มีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ และได้รับเงินค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติมรวมทั้งที่จับกุมแล้วรวม 4 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัท พอง แบงค็อก จำกัด (ในฐานะนิติบุคคล)
2. นายสุ่ย ไท่ เหว่ย หรือเดวิด อายุ 47 ปี
3. นายจู้ เฉิน สัญชาติจีน
4. นางทองใส เฉิดลออ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top