Sunday, 20 April 2025
นักอนุรักษ์

ทช. ร่วมกับ อส. มอบประกาศนียบัตร ให้กับนักอนุรักษ์ในโครงการ Sea You Strong ทะเลคือหัวใจของไทย อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล

วันที่ 11 กรกฎาคม 2566 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) จัดพิธีมอบใบประกาศนียบัตรแก่ทีมว่ายน้ำในการรณรงค์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ซึ่งได้รับเกียรติจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อทช.รรท.ออส.) เป็นประธานในพิธีฯ โดยมีคุณสิรณัฐ สก๊อต (คุณทราย) นำทีมนักอนุรักษ์ จัดโครงการ Sea You Strong ทะเลคือหัวใจของไทย อาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ที่ว่ายน้ำข้ามทะเลอันดามันเป็นระยะทางกว่า 70 กิโลเมตร ผ่าน 3 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ พังงา และภูเก็ต เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการดูแล รักษา ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นพลังของ "คนรุ่นใหม่" หรือ Soft Power

นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้คนหันมาหวงแหน และรักษ์ทะเลไทยมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งอันดามันให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้รู้จักความสวยงามของทะเลไทยมากยิ่งขึ้น ในการนี้ได้มีนายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี ณ ห้องประชุมลำแพน ชั้น 9 กรม ทช. 

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อทช.รรท.ออส.) กล่าวย้ำว่า ตนได้มีแนวคิดในการนำกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผสานการทำงานร่วมกันปกป้องและคุ้มครองทรัพยากรบนบกสู่ทรัพยากรทางทะเลให้เป็นหนึ่งเดียว โดยทั้งสองหน่วยงานพร้อมจะเป็นแรงสนับสนุนให้การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณคุณทรายและทีมงาน ที่ทุ่มเทและเสียสละเวลาในการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนทั้งในชุมชนและสังคมเมือง ตลอดจนสร้างความเข้าใจต่อสิ่งต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญจากการใช้ทรัพยากรของมนุษย์ และถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเครื่องมือสื่อสมัยใหม่ ผ่านโครงการ Sea You Strong กับภารกิจว่ายน้ำข้ามทะเลฝั่งอันดามัน เริ่มจากกระบี่ พังงา และไปสิ้นสุดที่ภูเก็ต รวมระยะทางราว 70 กิโลเมตร เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม คืนความอุดมสมบูรณ์ให้ท้องทะเลอีกด้วย

นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) กล่าวว่า สำหรับการว่ายน้ำข้ามทะเลในครั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว และมีภารกิจหลักในการส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มอบใบประกาศนียบัตร พร้อมเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ "รักษ์ทะเล ชั้น 2 (เข็มเงิน)" ให้แก่ทีมว่ายน้ำ ทีมพายเรือ และทีมรักษาความปลอดภัยในโครงการ Sea  you strong เพื่อเชิดชูเกียรติคุณงามความดีให้กับนักอนุรักษ์ที่ร่วมโครงการ สำหรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติฯ นี้ มีเจตนารมณ์มอบให้กับผู้ซึ่งมีจิตอาสาดำเนินกิจกรรมทางด้านการสงวน อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ด้วยความเสียสละและอุทิศตนในการปฏิบัติงานเพื่อส่วนรวม และดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้คงความอุดมสมบูรณ์สืบไป

‘อิน-เอม’ สองพี่น้องนักอนุรักษ์ ‘เต่าทะเล’ รุ่นเยาว์ ผู้มุ่งมั่นพลิกฟื้นระบบนิเวศทะเลไทยให้อุดมสมบูรณ์

เมื่อไม่นานนี้ เรื่องราวของ 2 พี่น้อง ‘อิน-นายอริณชย์ ทองแตง’ วัย 16 ปี และ ‘เอม-ด.ญ. อริสา ทองแตง’ วัย 14 ปี ผู้ริเริ่มโครงการ ‘Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles’ (อิ่มท้องน้องเต่า) ที่มุ่งมั่นตั้งใจสานต่อความรัก สู่การเป็นผู้ให้ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของ ‘เต่าทะเล’ ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อปรับสมดุลระบบนิเวศใต้ท้องทะเลไทยให้สมบูรณ์และยั่งยืน

“เต่าเป็นสัตว์ที่ผมชอบมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ผมเป็นคนที่ชอบสัตว์เลื้อยคลาน ชอบธรรมชาติ ผมกับเพื่อนเริ่มชอบเต่ามาตั้งแต่ช่วง 3 ขวบ ก็เลยไปซื้อมาเลี้ยงกัน พอเลี้ยงมาเรื่อยๆ ก็เลยมีมากขึ้น และทำให้ผมชอบเต่ามากขึ้น ก็เลยอยากนำความชอบตรงนี้ มาต่อยอดเพื่อให้มีประโยชน์ต่อสังคมครับ” พี่ชายเปิดอกเล่า

“ที่บ้านจะสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากค่ะ เรามีบ้านอยู่ริมคลอง เด็กๆ ก็จะมีโอกาสได้ช่วยคุณย่าเก็บขยะริมคลอง และคุณย่าก็จะสอนเราเรื่องนี้มาตลอด ว่าจริงๆ มนุษย์เราเป็นคนทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย และต่างๆ คุณย่าจะสอนว่าเราต้องทำยังไง เพื่อช่วยตรงนี้ได้บ้าง แล้วจำได้ว่า วันเกิดของพี่อิน คุณยายก็ซื้อเต่ามาให้เลี้ยงด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ช่วยกันดูแลเต่ามาตลอดค่ะ” น้องสาวกล่าวเสริม

และจากการเฝ้าดู นำไปสู่ความรับผิดชอบ เมื่อพบว่า แต่ละปีประเทศไทยต้องสูญเสียเต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์ไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ความคิดที่จะดูแลเต่าในสโคปที่กว้างออกไปปรากฏขึ้นในใจของทั้งคู่

“เราได้ไปเรียนดำน้ำ scuba diving ที่เกาะมันในกันค่ะ เป็น diving สำหรับลงไปปลูกปะการัง แล้วหนูได้เจอเต่า หนูมีความสุขมาก แฮปปี้ที่ได้เห็นเต่าอยู่ตามธรรมชาติ เขาดูมีความสุขที่ได้อยู่บ้านของเขา เราก็เลยรู้สึกว่าเรามีความรับผิดชอบ ที่จะต้องดูแลพวกเขา” น้องเอมกล่าว

“เราไปดูที่ศูนย์วิจัยทางทะเลและชายฝั่ง ที่เกาะมันใน ไปดูเต่าทะเลที่นั่น ว่าปัญหาของเขามีอะไรบ้าง และเต่าที่นั่นต้องการอะไร เพราะการที่เต่าตาย และมีจำนวนลดลง จริงๆ ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมเยอะมากครับ เต่ามีความสำคัญต่อระบบนิเวศใต้น้ำ อย่างเช่น ช่วยควบคุมไม่ให้มีแมงกะพรุนมากเกินไป ช่วยกำจัดสาหร่ายที่มีเยอะเกิน และยังช่วยป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง และอีกหลายๆ อย่าง ถ้าไม่มีเต่า ระบบนิเวศใต้น้ำของเราก็จะล้มเหลวครับ” พี่อินกล่าว

โครงการ Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles (อิ่มท้องน้องเต่า) เริ่มต้นขึ้น ผ่านทาง ‘เทใจดอทคอม’ โดยผ่านเพื่อนคุณแม่ แล้วสองพี่น้องก็เริ่มลงมือทำ

“เราเปิดรับบริจาคผ่านทางเทใจครับ และบางครั้งเราก็มีไปออกบูธทำเสื้อขายด้วย เพื่อระดมเงินเข้าผ่านทางเทใจ และเมื่อครบจำนวนที่เราตั้งไว้ คือ 660,000 บาท เราก็จะนำไปให้ทางศูนย์วิจัยฯ (ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) เพื่อจะได้ใช้เงินตรงนี้ดูแลลูกเต่าที่เขาอนุบาลไว้ เลี้ยงจนเต่าโตแข็งแรง และนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติครับ โอกาสรอดของเต่าทะเลจะมีมากขึ้น ก็ต่อเมื่อถูกปล่อยในช่วงวัยที่เหมาะสม นั่นคือ ‘โตเต็มวัย’ ซึ่งต้องใช้เวลาในการอนุบาลกว่า 200 วัน แต่เราได้ไปศึกษาข้อมูลที่ศูนย์วิจัยฯ ที่นั่นจะมีบ่อหลายขนาด มีตั้งแต่บ่อเลี้ยงเต่าตัวเล็กๆ จนถึงตัวใหญ่มาก กระดองยาวประมาณเมตรกว่าๆ คือเราจะเห็นได้เลยว่าในบ่อของตัวเล็กๆ จะมีเยอะกว่ามาก แต่พอโตมาจริงๆ จะเหลือแค่ 2-3 ตัวที่อยู่ในบ่อ เพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง และเรื่องของอาหารที่ไม่เพียงพอ เพราะเต่ากินเยอะครับ พี่ๆ ที่ศูนย์ก็เลยจำต้องปล่อยเต่าไปก่อนกำหนด เพราะเลี้ยงไว้ก็อาจจะเสียชีวิตได้ ปล่อยไปอาจจะมีโอกาสรอดได้มากกว่า เราจึงทำโครงการนี้ เพื่อนำเงินไปให้กับทางศูนย์วิจัยฯ เพื่อที่จะสามารถเลี้ยงเต่า ได้จนโตเต็มวัย ในจำนวนที่มากขึ้นได้ครับ” พี่อินกล่าว

“ค่าอาหารเต่าแต่ละตัว จะตกวันละ 30 บาทค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเลี้ยงดูเต่าจนโตพอที่จะปล่อยสู่ธรรมชาติอย่างปลอดภัย เพิ่มจำนวนเต่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ให้มีมากขึ้น เราต้องใช้เวลาอนุบาลเขาประมาณ 200 วัน เพื่อให้เต่ามีน้ำหนักได้ประมาณ 2 กิโลฯ ความยาวประมาณ 30 ซม. นั่นเท่ากับว่าเราต้องใช้เงินดูแลเต่า ตกตัวละ 6,000 บาท ก่อนปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ” น้องเอมกล่าวเสริม

แม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน

“อุปสรรคงจะเป็นเรื่องของการกระจายข่าว การประชาสัมพันธ์ค่ะ เพราะว่าเราไม่รู้จะทำยังไงให้ทุกคนรู้จักโครงการนี้ แต่แล้วเราก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่มีโอกาสได้ทำงานกับพี่ ‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ (มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2023) เพราะพี่เขามีคนติดตามเยอะมาก ก็ดีใจที่ได้พี่เขามาช่วยชักชวนทุกคนให้ช่วยเหลือเต่ากันค่ะ” น้องเอมกล่าว

“อินและเราก็ยังได้รับการสนับสนุนจาก ‘กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม’ ด้วยครับ หลังจากที่ได้ไปเข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เพื่อนำเสนอโครงการนี้ และทางกระทรวงก็อยากช่วยสนับสนุน เพราะไม่ค่อยมีเด็กๆ ที่ตั้งใจอยากช่วยสิ่งแวดล้อมจริงจังแบบนี้ และเห็นว่าตรงนี้จะกลายเป็น ‘Role Model’ (ต้นแบบ) ให้กับเด็กคนอื่นๆ ได้อีกด้วยครับ”

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป ทั้งอินและเอมจึงอยากเชิญชวนทุกคนให้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม ที่ถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตอนนี้โลกเราร้อนขึ้นทุกๆ ปี น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่วนของทะเลเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่พื้นดินค่อยๆ หายไป ผมอยากให้ทุกคนตระหนักว่าทุกอย่างที่เราทำ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ก็อยากจะให้ทุกคนคิดก่อนทำครับ” พี่อินกล่าว

“อยากให้ทุกคนมองว่า ถึงจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าเราแค่เริ่ม และพยายามช่วย ก็ถือว่าเราได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมแล้วค่ะ หรือจะเริ่มต้นด้วยการบริจาคให้กับโครงการอิ่มท้องน้องเต่าก็ได้นะคะ โดยสามารถบริจาคผ่านทางเว็บไซต์เทใจดอทคอม ซึ่งทุกบาททุกสตางค์ ไม่ว่าจะเยอะหรือน้อย ก็ล้วนมีความสำคัญต่อชีวิตของเต่าทุกตัวค่ะ” น้องเอมกล่าวทิ้งท้าย

ความตั้งใจอันแรงกล้าของเด็กๆ ทำให้เราต้องย้อนกลับมามองตัวเอง… วันนี้เราได้ทำอะไรเพื่อโลก เพื่อสิ่งแวดล้อมบ้างหรือยัง?

ติดตามความคืบหน้าและเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกทะเลได้ที่
เทใจ : https://taejai.com/th/d/below-the-tides-zero-starving-sea-turtles_an/
Facebook : https://www.facebook.com/BelowtheTides?mibextid=LQQJ4d
Website : www.belowthetides.com


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top