Tuesday, 7 May 2024
ธีรรัตน์_สำเร็จวาณิชย์

'โฆษกพท.' ยัน!! พรรคพร้อมแก้วิกฤติให้บ้านเมือง หลัง 'รัฐบาลประยุทธ์' ทำเละเป็นซากมา 8 ปีแล้ว

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรม ‘ครอบครัวเพื่อไทย ระดมพลชาวเจียงฮาย เพื่อไทยมาเหนือสุด’ ที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2565 พี่น้องประชาชนชาวเชียงรายและทั่วประเทศต่างเรียกร้องให้เพื่อไทยกลับมาแก้วิกฤตบ้านเมือง ด้วยความเชี่ยวชาญของพรรคเพื่อไทยที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ เราคิดได้และทำเป็น ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ‘พร้อมแล้ว’ ที่จะใช้เวลา 6 เดือนแรกหลังเป็นรัฐบาล รื้อถอนซากปรักหักพังของประเทศจากฝีมือการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้สร้างเอาไว้ให้คนไทยจมทุกข์มาตลอดระยะเวลา 8 ปี

ส่วนกรณีที่นายธนกร หวังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความพยายามพูดย้ำ ซ้ำเรื่องเดิมว่าเพื่อไทยต้องการแลนด์สไลด์ เพื่อนำบุคคลสำคัญกลับมานั้น คงเป็นคำพูดที่ไม่มีราคามากนัก เพราะหากต้องการเพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องมีการวางแนวนโยบายแก้ปัญหาความยากจนให้กับประชาชน ไม่ละทิ้งคนรากหญ้า กระจายอำนาจมายังประชาชน ดึงศักยภาพคนไทยด้วยการใช้ Soft Power ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อการเกษตร เพื่อให้เกิดการวิเคราะห์แม่นยำและผลผลิตสูง ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ Digital Transformation ครั้งใหญ่ และเตรียมคนไทยเข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างแท้จริง ทั้งหมดเป็นแนวนโยบายเพียงบางส่วนเท่านั้นที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจทำเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 

‘เพื่อไทย’ โว!! ผลตอบรับ ‘เชียงใหม่’ ดีเกินคาด แซะ!! ‘ปชป.’ ทำความเข้าใจ ‘Soft Power’ ให้ดีก่อน

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ จ.เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน ครบทั้ง 40 เขต และยังมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมครอบครัวเพื่อไทยอีกจำนวนมาก  

รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหา หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่วันที่ 9-10 กันยายน 2565 นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โดย ส.ส. สมาชิกพรรค คณะทำงานด้านนโยบาย จะนำข้อร้องเรียน ตลอดจนข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชน พัฒนามาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนต่อไป

จากการเปิดตัวนโยบายแรก 2 นโยบาย ได้แก่ นโยบายด้านการเกษตร ภายใต้แนวคิด ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ แนวคิดเกษตรก้าวหน้าที่จะนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำการเกษตร เพื่อผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยขายได้ราคามากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ถูกทอดทิ้งเหมือนในปัจจุบัน 

รวมทั้งนโยบายที่ 2 คือ ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ นโยบายที่จะสร้างเงินจากฝีมือของ 1 คนในครอบครัว เพราะพรรคเพื่อไทยมองเห็นโอกาสว่าค่าแรงของ Soft Power มีค่าแรงสูงกว่าค่าแรงอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงแนวคิดในการจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานพัฒนาศักยภาพ Soft Power ที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลในการดูแลและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงานนี้ 

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัว 2 นโยบายดังกล่าว ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและรอคอยการประกาศนโยบายใหม่ๆ ที่ทีมนโยบายของพรรคดำเนินการพัฒนาอย่างรอบคอบ เพื่อเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด หากชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เราคิดไว้ พร้อมทำทันที  

ส่วนกรณีที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้นางสาวแพทองธาร ว่าลอกนโยบาย ทั้งในเรื่องของคำว่าเซลล์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ หรือ Soft Power โดยระบุว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทำมาตลอดนั้น บุคคลผู้นั้นอาจจะไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Soft Power เพราะคือ การนำวัฒนธรรม เอกลักษณ์ หรือจุดเด่นมาเป็นจุดขาย ร่วมกับการใช้ความสมัยใหม่และเป็นสากล สร้างรายได้ ขยายไปในตลาดโลกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ 

ซึ่ง Soft Power ของเพื่อไทย คือ ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสังคมไทย มีความสร้างสรรค์ ความละเมียดที่ดำรงอยู่ที่แสดงออกผ่านการปรุงอาหาร การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หัตถกรรม ไปจนถึงงานศิลปะทุกแขนง สามารถด้านกีฬา การเขียน software และความสามารถทาง e-sport ฯลฯ แต่หากมาดูผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับ Soft Power ของกระทรวงพาณิชย์ที่นำโดยนายจุรินทร์นั้น ยังถูกตั้งคำถามเพราะที่ผ่านมาคนไทยที่มีฝีมือหรือองค์กรภาคเอกชน ก็ล้วนดิ้นรนหาทางเติบโตเองทั้งสิ้น  

นอกจากนี้ หากจะกล่าวถึงคำว่า ‘เซลล์แมน’ หรือ ‘ทูตการค้า’ นั้น บุคคลที่ริเริ่มใช้คำนี้ คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่กระตุ้นให้ผู้แทนทางการทูตในต่างประเทศในขณะนั้น ร่วมมือกันขายภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ไปเจาะตลาด สร้างรายได้ในต่างประเทศ

'เพื่อไทย' ลั่น!! รถไฟฟ้าต้อง 20 บาททุกสาย ชี้!! นี่คือความกล้าหาญที่พรรคอื่นไม่กล้าทำ

(3 พ.ค.67) ในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ของพรรคเพื่อไทย (พท.) งานแสดงวิสัยทัศน์ และความคืบหน้าในนโยบายต่าง ๆ พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. กล่าวว่า นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นวิสัยทัศน์ของพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่สมัย 2549 เพราะการเข้าถึงขนส่งสาธารณะเป็นสวัสดิการพื้นฐานของประชาชน วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ โดยทันทีที่เป็นรัฐบาล ไม่ถึงหนึ่งเดือนที่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง วันที่ 16 ตุลาคม 2566 รถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีแดง และสีม่วง ลดค่าบริการลงมาที่ราคา 20 บาท ได้สำเร็จ หลังจากลดค่าโดยสารลงแล้ว ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารสายสีแดงเพิ่มขึ้น 26.62% สายสีแดงเพิ่มขึ้น 14.43%

จากนั้น กระทรวงคมนาคม กางแผนโรดแมป เพื่อดำเนินการให้รถไฟฟ้าทุกเส้นทาง คิดค่าบริการตลอดเส้นทาง ‘20 บาท’ ภายในปี 2568 ผ่านร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... หรือ พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมร่าง พ.ร.บ.รายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและอื่นๆ โดยสำนักงานขนส่งและนโยบายและแผนการจราจร (สนข.) ดำเนินการ จากราคารถไฟฟ้าสูงสุดอยู่ที่ 107 บาท หาก พ.ร.บ.ตั๋วร่วมสำเร็จ ประชาชนจะจ่ายเพียง 20 บาท ผ่านการมีกองทุนที่สะสมรายได้จากส่วนอื่น ๆ มาชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารแทนประชาชน

“ไม่มีพรรคการเมืองใดที่เสนอทำราคารถไฟฟ้าให้เหมาะสมกับรายได้ เป็นสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย คือความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทยที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อพี่น้องประชาชน เป็นการจัดการระบบการเดินทาง ที่มีสัมปทานหลายเจ้าครั้งใหญ่ อะไรที่เคยติดขัด เป็นอุปสรรค จะถูกคลี่คลาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน”

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวอีกว่า ภายในปี 2568 ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสาย, พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ต้องสำเร็จ, ลดราคาค่าทางด่วนลงรถเมล์แอร์ EV ต้องสำเร็จ เป้าหมายใหญ่ คือเพิ่มการเข้าถึงขนส่งสาธารณะ ลดการใช้รถส่วนตัว ลดปริมาณรถบนถนน แก้ปัญหารถติด แก้ปัญหาฝุ่น ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสามารถเปิดให้ขยายทางสัญจรทางเท้า ให้ กทม.เป็นเมืองที่เดินได้ เมืองที่เป็นมิตรกับคนทุกกลุ่มมากขึ้น เพื่อยกระดับขนส่งสาธารณะ ให้เป็น ‘การบริการสาธารณะ’ อย่างแท้จริง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top