Tuesday, 3 June 2025
ธรรมนัสพรหมเผ่า

‘ธรรมนัส’ โว!! มั่นใจ พปชร. กวาดยก จ.พิจิตร ปมจับมือพรรคอื่นหลังเลือกตั้ง ชี้เป็นเรื่องอีกไกล ขอมุ่งหาเสียง

(25 มี.ค.66) ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานภาคเหนือ ให้สัมภาษณ์ก่อนปราศรัย ช่วยผู้สมัครหาเสียงถึงความคาดหวังที่นั่งส.ส.พปชร. ในภาคเหนือ ว่าเมื่อปี 2562 จ.พิจิตร เราได้ยกจังหวัด โดยตนดูแล จ.พิจิตร โดยตรง ฉะนั้นครั้งนี้คงไม่ต่างกัน มั่นใจว่าจะได้ยกจังหวัดทั้ง 3 เขต 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะป้องกันแชมป์และการแลนด์สไลด์ของพรรคอื่นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า แชมป์ของพรรค คือ นายพรชัย อินทร์สุข ส่วนอีก 2 คนย้ายไปอยู่พรรคอื่นไม่ต้องพูดถึง ส่วนคนใหม่ที่หามาแทนมีคุณภาพ มั่นใจว่าครั้งนี้จะได้ยกจังหวัดเช่นเดิม ส่วนการป้องกันแลนสไลด์นั้นต้องบอกว่า จ.พิจิตร เป็นการแข่งกันระหว่างพรรค พปชร. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และเพื่อไทย (พท.) ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อประเทศญี่ปุ่น ว่ายินดีที่จะกลับมารับโทษที่ประเทศไทย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้ยินเรื่องนี้มานานพอสมควร หากนายทักษิณกลับมาแล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฏหมาย เป็นเรื่องที่ดี บ้านเมืองจะได้เดินหน้าต่อไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง

เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้นายทักษิณ เคยพูดว่ากลับมาอย่างเท่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนที่จะยอมกลับมารับโทษแล้ว ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คิดว่าเป็นคำพูดที่จะพูดให้ดูดีหรือไม่ดูดีมากกว่า การ
กลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เลี่ยงไม่ได้ ตนไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของนายทักษิณ แต่โดยกฎหมายแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

เมื่อถามว่า การพูดของนายทักษิณ จะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงเสริมแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องของกฎหมายกับการหาเสียงคนละประเด็นกัน และมองว่าคนไทยมีความรู้ทางด้านกฎหมาย แม้จะพูดให้ดูดีอย่างไร แต่คนไทยก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนของการจับมือกับพรรคเพื่อไทย หลังการเลือกตั้ง ยังมีความเป็นไปได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ได้คุยกับหัวหน้าพรรคนานพอสมควร และมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะคุยในเรื่องดังกล่าว ตอนนี้ขอมุ่งเรื่องการหาเสียงก่อน เพื่อให้ลูกพรรคมีชัยชนะให้มากที่สุด เรื่องการจับมือตนว่าเป็นเรื่องอีกไกล

‘ธรรมนัส’ ชูสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท-แก้ปัญหาที่ดินทำกิน ลั่น!! ‘พปชร.’ ขออาสาพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองพะเยาให้ดียิ่งขึ้น

(5 เม.ย.66) ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้นำคณะลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำ โดยเริ่มจากไปพบปะทักทายพ่อค้า แม่ค้าและประชาชนทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ที่ตลาดเช้าแม่นาเรือ ก่อนจะขึ้นรถแห่ทักทายประชาชนรอบตลาดแม่นาเรืออีกครั้ง จากนั้นไปพบชาวบ้านในพื้นที่บ้านแม่ต๋ำบุญโยง, ตลาดแม่กาเยื้องวัดแม่กาห้วยเคียน แล้วไปต่อที่วัดบ้านดาวเรือง (จำป่าหวาย) ตลาดเครือวัลย์ (จำป่าหวาย) และตลาดท่าวังทอง และตลาดสุวรรณเภรี เป็นต้น โดยมีพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนทั่วไปที่มาจับจ่ายซื้อสินค้า ให้การต้อนรับและมอบดอกไม้ ตลอดจนพวงมาลัยดอกดาวเรือง พวงมาลัยดอกมะลิ เพื่อเป็นกำลังใจให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนได้เข้ามาสวมกอด และขอถ่ายภาพเซลฟี่อีกด้วย ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัสก็ได้ร่วมถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง

โดย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวกับประชาชนที่มาคอยให้กำลังใจช่วงหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ได้มาพบกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ถึงแม้อากาศจะร้อนแต่ก็ยังเห็นทุกคนมาคอยให้กำลังใจไม่ยอมถอย จึงรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณทุกท่านอย่างยิ่ง วันนี้จึงมาขอฝากเรื่องราวดีๆ ที่เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องการสานต่อบัตรประชารัฐ 700 บาท เรื่องการดูแลผู้สูงอายุหรือเบี้ยยังชีพเดือนละ 3,000 บาท 4,000 บาท และ 5,000 บาท ตามช่วงอายุ 60-80 ปี นอกจากนี้เราจะดูแลทุกช่วงวัยทั้ง “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” รวมไปถึงแก้ปัญหาที่ดินทำกิน “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน” เปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนด และ คทช.เปลี่ยนเป็น ส.ป.ก.

“ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่ผมเคยหาเสียงตั้งแต่ปี 2562 และได้พูดกับพี่น้องประชาชนว่า ผมจะมาทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องอย่างเต็มที่หากได้เลือกผมมาเป็น ส.ส.ของพวกท่าน และผลงานของผมที่ผ่านมาก็ได้เห็นชัดเจนว่า ผมได้ทำงานพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองและช่วยแก้ปัญหาในทุกเรื่องอย่างเต็มที่และมีทิศทางดีขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถนนสายหลักทุกสายมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน จาก 2 เลน เป็น 4 เลน ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ กรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน และราคาพืชผลการเกษตรต่าง ๆ มาวันนี้จึงมาขอโอกาสและความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนทุกท่านเพื่อเข้าไปทำงานสานต่อและดูแลรับใช้ทุกท่าน เพื่อพัฒนาสร้างบ้านแปงเมืองของเราต่อไป อย่าลืมวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหาเลือกผมเป็น ส.ส.กาเบอร์ 6 และกาเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

‘เสธ.หิ’ งง!! ลง ‘พะเยา’ ครั้งแรกถูกโยงเอี่ยวกร่าง หลัง ‘ธรรมนัส’ อ้างคนสนิท ‘เสธ.คนดัง’ ใช้ทหาร-อาวุธขู่

จากกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า บ้านใหญ่เจ๊ ล. ขาใหญ่อำเภอปง พะเยา ซึ่งเป็นพี่สาว ผู้สมัคร ส.ส. พะเยา เขต 3 ของพรรคหนึ่ง ที่ตอนนี้ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลกร่าง ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ เล่าให้ฟังว่า พอไปถึงบ้านเจ๊ ล. ก็มีกองกำลังทหารเกือบ 1 หมวด พกอาวุธ (ปืนสั้น) ภายใต้การควบคุมของเสธ น. (ลูกน้องเสธ นอกราชการคนดัง) และข่มขู่ว่าจะจัดการกับผู้นำขั้นเด็ดขาดหากไม่ช่วยผู้สมัครรายนี้ จะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้กองกำลังทหารค้นบ้านผู้นำทุกรายที่เห็นต่าง

ทั้งนี้ การออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าว ประจวบเหมาะกับ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) รับผิดชอบการเลือกตั้งภาคเหนือของพรรค ได้เดินทางไปร่วมโชว์วิสัยทัศน์ ในรายการ BIG DEBATE เวทีจังหวัดพะเยา ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา พอดี

เป็นไปได้ว่า เสธ.นอกราชการคนดัง ที่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุถึง ก็คือ ดร.หิมาลัย นั่นเอง

ล่าสุด ดร.หิมาลัย ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเองเพิ่งมีโอกาสเดินทางไปจังหวัดพะเยาครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมเวทีดีเบต ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เป็นผู้จัด เมื่อเดินทางถึงจังหวัดพะเยา ก็ได้ไปพูดคุยกับคุณไพโรจน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค เพื่อต้องการรับทราบประเด็นปัญหาของจังหวัดพะเยา สำหรับใช้เป็นข้อมูลในการดีเบต จากนั้น จึงเดินทางไปยังเวทีดีเบต และอยู่ในพื้นที่นั้นตลอดเวลาโดยไม่ได้เดินทางออกนอกพื้นที่เลย

‘ธรรมนัส’ เคลียร์ใจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ‘พปชร.’ ปมท่อน้ำเลี้ยงตัน ยัน!! ไร้ปัญหาคาใจ พร้อมร่วมงานกันต่อ

(29 พ.ค. 66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีนายคมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมแทนอดีตผู้สมัคร ส.ส. ประมาณ 20 คน โดยทวงถามเงินค่าใช้จ่ายหลังเลือกตั้งว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส. และเข้าใจกันดีแล้ว ทราบว่าปัญหาเกิดจากการประสานงานเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ในเรื่องการปฎิบัติงานต่างๆ ในพื้นที่ จากนี้จะร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลังพูดคุยกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนยืนยันยังเคารพ รัก และเชื่อมั่นในตัวพล.อ.ประวิตร อย่างเหนียวแน่นและพร้อมทำงานกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปในทุกเรื่องที่ทำได้ และจะไปทำความเข้าใจกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.คนอื่น ที่ไม่ได้มาพูดคุยวันนี้ เพื่อให้เข้าใจว่าพรรค จะแก้ปัญหาและให้ความเป็นธรรมแน่นอน

ด้านนายคมเดช กล่าวว่า จากการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ทุกคนเข้าใจกันดี จากนี้จะรอการประสานงานเพื่อแก้ปัญหาร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคตามขั้นตอน โดย ร.อ.ธรรมนัส จะนำเรื่องไปรายงานหัวหน้าพรรค จากนั้นจะนัดหมายทำความเข้าใจ และหารือแก้ปัญหาต่อไป

ตนและกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส.ยืนยันกับ ร.อ.ธรรมนัส ว่าเรายังเคารพรักและเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประวิตร เสมอและตลอดไป เราไม่ต้องการทำลายพรรค และยังยืนยันจะทำงานร่วมกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปแน่นอน

‘ธรรมนัส’ ยัน พปชร. ไม่ดัน ‘ลุงป้อม’ ชิงนายกฯ ย้ำชัด!! ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

(18 ก.ค. 66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานประสานงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังการหารือภายใน สำหรับการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ว่า ส่วนแนวทางพรรคการโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ต้องรอดูหน้างานก่อนการโหวตในวันพรุ่งนี้ โดยก่อนจะมีการโหวตทางพรรคพลังประชารัฐจะประชุม ส.ส.เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายชัดเจนในเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้น คนที่จะมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย หากไม่มีประเด็นที่ขัดกับจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่มีปัญหา ทางพรรคฯ พร้อมจะสนับสนุน ขณะเดียวกัน ทางพรรคฯ ไม่มีแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยจะไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ในการโหวตนายกฯ 

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อแทน คงต้องหารือกันอีกครั้ง พร้อมระบุว่า ยังไม่ถึงเวลาของเรา และขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใคร และยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงเรื่องนั้น ต้องรอให้การโหวตพรุ่งนี้ผ่านไปก่อน

‘บิ๊กป้อม’ ควง ‘ธรรมนัส’ ทำบุญพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ วัดโพสพผลเจริญ  ด้าน ปชช.ในพื้นที่รอให้กำลังใจ ตะโกนเรียกนายกฯ คนที่ 30

(30 ก.ค. 66) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธียกช่อฟ้า อุโบสถวัดโพสพผลเจริญ ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สส.จังหวัดพะเยา ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ และนายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ ร่วมพิธีด้วยทั้งนี้ ก่อนที่พลเอกประวิตร จะเดินทางมาถึงที่วัดมีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่ทันทีที่พลเอกประวิตร และคณะมาถึงฝนก็ได้หยุด และมีประชาชนมารอให้การต้อนรับจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังขอถ่ายรูป รวมถึงนำผ้าขาวม้ามาผูกที่เอวของพลเอกประวิตร พร้อมส่งเสียงเชียร์บอกให้สู้ๆ และเรียกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 อีกด้วย ซึ่งพลเอกประวิตร มีสีหน้า สดชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส

ต่อมาในเวลา 13.19 น. พลเอกประวิตร พร้อมด้วย ร้อยเอกธรรมนัส และนายสุรทิน ได้ร่วมพิธียกช่อฟ้าอุโบสถฯ จนเสร็จสิ้นพิธี ท่ามกลางคำกล่าว “สาธุ สาธุ สาธุ” จากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก จากนั้นพลเอกประวิตร ได้นำคณะไปปลูกต้นพยุง ไม้มงคล และร่วมพิธีเสริมดวงชะตาเพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งในช่วงทำพิธีดังกล่าว ทางวัดขอให้สื่อมวลชนออกไปรอภายนอกโบสถ์ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากสื่อมวลชนเป็นอย่างดี

มีรายงานว่า หลังเสร็จพิธีแล้ว พลเอกประวิตร ยังได้ทักทายประชาชนที่รอให้กำลังใจ ก่อนจะเดินขึ้นรถกลับทันที ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
 

‘ธรรมนัส’ บอกไม่รู้ สส.ก้าวไกล ดอดพบ ‘บิ๊กป้อม’ เคลียร์ปมหากจะขอเข้าพรรค ต้องให้ กก.บห.ตัดสินใจ

(25 มี.ค. 67) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าว สส.พรรคก้าวไกล เข้าพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บ้านมีนบุรีว่า ถ้าพูดตามตรง ตนเองไม่ทราบในเรื่องนี้

ถามว่าหากมีเหตุในอนาคตที่ทำให้ สส. ของพรรคก้าวไกลต้องไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องใหญ่ เราจะรับใครเข้าพรรคเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค จะต้องมีการประชุมร่วมกัน เราจะไม่ทำอะไรที่เคยเป็นบทเรียนในอดีตที่ทำให้เกิดความหมางใจกัน เราเคยเป็นผู้ถูกกระทำ เราอย่าเอาสิ่งที่เคยถูกกระทำนั้นมาทำเอง ฉะนั้น จะต้องมีการคุยกัน

เมื่อถามว่า มีการติดต่อจากกลุ่ม สส.ของพรรคก้าวไกล มาที่เครือข่ายของ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเองไม่มีเครือข่าย มีแต่เครือข่ายภาคเกษตรฯ

ซักว่าที่ สส.ของพรรคก้าวไกลมีคนใดพอที่จะมีคุณสมบัติมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเห็นการทำงานของฝ่ายค้านก็เข้มข้น เพราะเราเป็น สส. เป็นถึงรัฐมนตรี เราก็เห็นการทำงานของเขาในการตรวจสอบการทำงานของเราอย่างเข้มข้น

เมื่อถามถึงในส่วนของ สส.พรรคก้าวไกลบางคน ที่มีทัศนคติที่ดีต่อพรรคพลังประชารัฐ จะมีการปิดประตูรับหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า จะต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการของพรรคก่อน จะตัดสินใจเองไม่ได้

‘ธรรมนัส’ ประกาศอิสรภาพ หลุดพ้น ‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ เอ่ยชัด “ผมว่า…ผมพอแล้ว” หลังถวายหัวรับใช้มา 6 ปี

หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาเปิดเผยโผรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า พรรคร่วมเขาไม่เอา ซึ่งพรรคร่วมน่าจะหมายถึงพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ที่ไม่ต้องการให้มลทินทั้งหลายไปกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแพทองธาร เหมือน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โดนมาแล้ว กรณีไร้จริยธรรม แต่งตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่มีมลทิน

แต่ที่น่าสนใจ มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้าว่า รัฐบาลใหม่ไม่เอา ‘วงษ์สุวรรณ’ ซึ่งหมายถึงไม่เอา ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ นั้น แต่ในโผรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ กลับมีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งเก้าอี้เดิม แต่เตะโด่ง ‘ร.อ.ธรรมนัส’ ออกนอกสนามแข่ง มี ‘สันติ’ มานั่งว่าการกระทรวงเกษตรแทน และให้ ‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ เสียบแทนสันติในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข

ไม่เอา ‘วงษ์สุวรรณ’ อันเกิดจากความไม่พอใจของหัวเรือใหญ่เพื่อไทย ไม่พอใจต่อท่าทีที่เมินเฉยต่อพรรคเพื่อไทยของ ‘พล.อ.ประวิตร’ ที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภาโหวตให้แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ออกแรงห้าม 40 สว.ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความฐานะของนายกฯ เศรษฐา ผิดจริยธรรมทางการเมือง จนต้องพ้นจากตำแหน่ง

เกือบ 6 ปีที่ประชาชนได้รู้จักชื่อของ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ในฐานะนักการเมืองที่สร้างแรงสะเทือนอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์หรือปรากฏตัว มักมีสัญญาณทางการเมืองที่สำคัญ เคยถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ปลดพ้นรัฐมนตรีมาแล้ว หลังร่วมกันวางแผนล้ม พล.อ.ประยุทธ์กลางสภา และเคยออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปตั้งพรรคใหม่ ‘เศรษฐกิจไทย’ แต่สุดท้ายก็กลับมาพลังประชารัฐอีกครั้งและรับบทเป็นแม่บ้านเลขาธิการพรรค

“จากประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมา ผมเองรับใช้บุคคลหนึ่งและพรรคหนึ่งมามากพอสมควรแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องเดินออกมาโดยไม่ทะเลาะกับใคร วันนี้ถึงเวลาที่ต้องประกาศความเป็นอิสรภาพของตัวเองแล้ว” 

พร้อมกล่าวด้วยว่า “พี่น้องคงเห็นแล้วว่าสมัยรัฐบาลที่แล้ว ผมก็รักคนคนหนึ่งมาก ใช้ผมไปตาย ผมยังไปตายเลย แล้วท้ายที่สุดผมก็ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ผมว่าผมพอแล้ว และการที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ถามผมและไม่ได้คุยอะไรกัน”

คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องแปล เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ‘แตกหักกันแล้ว’ แต่ ร.อ.ธรรมนัสก็ยังไปไหนไม่ได้ จะย้ายพรรคก็ยังไม่ได้ เพราะถ้าลาออกเองก็จะพ้นจากความเป็น สส. ก็ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอไปเรื่อย ๆ จนกว่า พรรคเขาหมั่นไส้ ไม่ออกเอง แล้วไปหาพรรคใหม่

พรรคใหม่ก็ไม่ต้องไปควานหา หรือดิ้นรนอะไรมาก ‘พรรคกล้าธรรม’ ที่ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปตั้งพรรครอไว้เรียบร้อยแล้ว

ก็ต้องติดตามกันต่อไปสำหรับก้าวย่างของชายผู้กล้าได้กล้าเสียคนนี้ในนาม ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’

สำนักข่าวอิศรา เปิดธุรกิจ ‘กัน จอมพลัง’ ลูกน้องคนสนิท ‘ผู้กองธรรมนัส’ จากร้านบะหมี่ สู่ ‘คนขายหวย - รักษาความปลอดภัย’ รายได้!! หลายสิบล้าน

(26 เม.ย. 68) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่ จ.นครศรีธรรมราชเมื่อ 24 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

โดยได้ออกมายอมรับแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ ในการช่วยเหลืองานสังคม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือกรณีนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี สองผัวเมีย ถูกนายสมิทธิพัฒน์ หรือพีช หลีนวรัตน์ ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ ‘นายกเบี้ยว’ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สี เบียดปาด เหตุเกิดบนถนนกาญจนาภิเษก กม.22 มุ่งหน้าบางปะอิน จนได้รับบาดเจ็บและรถยนต์เสียหายเป็นข่าวดังครึกโครม และยังบอกกรณีนักการเมืองรายหนึ่งออกมาปูดมีคนตั้งค่าหัวนายกัณฐัศว์ 5 แสนบาทว่า ไม่มีใครทำอะไร‘กัน จอมพลัง’ได้หรอก ถ้ามีใครทำอะไร ‘กัน จอมพลัง’ ก็เหมือนทำเขาด้วย เพราะทำงานด้วยกันตั้งแต่ ‘กัน จอมพลัง’ ยังไม่ดัง

จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เคยเป็นเจ้าของร้านขายบะหมี่ ‘จอมพลัง’ซึ่งมีร้านหนึ่งอยู่แถวอุโมงค์ ถ.ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ตอนนี้ปิดตัวแล้ว ปัจจุบัน นายกัณฐัศว์ มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้น 3 บริษัท

1.บริษัท สลากรวยดี จำกัด ชื่อเดิม บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 22 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากทุกชนิดที่สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลพิมพ์จำหน่าย ที่ตั้งเลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร นายกัณฐัศว์ เป็นคนจดทะเบียนก่อตั้ง นายกัณฐัศว์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,995 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 10 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี เป็นกรรมการ ที่ตั้งปัจจุบัน 305/241 ซอยรามอินทรา 123 ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ล่าสุด 18 ธันวาคม 2567 จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สลากรวยดี จำกัด ผู้ถือหุ้นยังคงเดิม

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 59,965,429.89 บาท ต้นทุนขาย 52,975,000 บาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 8,945,202.41 บาท ขาดทุนสุทธิ 1,965,295.40 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 2,982,132.17 บาท หนี้สิน 551,515.24 บาท กำไรสะสม 1,430,616.93 บาท

2.บริษัท ไทยคิงเทค จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ม.ค.2564 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์ ระบบคอมพิวเตอร์ และให้คำปรึกษาทางด้านซอฟต์แวร์ทุกประเภท ที่ตั้งสำนักงานเดียวกับ บริษัท เสือแดงลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด เลขที่ 428/72 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ , นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 4,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ ตุ้มสุวรรณ 2,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท นายกัณฐัศว์ และ นายธานี เป็นกรรมการ
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยคิงดี จำกัด ซึ่งเป็นชื่อปัจจุบัน เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท และย้ายสำนักงานที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี แจ้งวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการ จัดงานนิทรรศการต่างๆ บริการรับจัดงานอีเว้นตรมสถานที่ทุกประเภทประกอบกิจการนำเข้า ส่งออก และจำหน่าย ผักสด ผลไม้สด และสินค้าทางการเกษตร พืช ผัก ผลไม้ แปรรูป ทุกชนิด บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บ.อบจ.5) วันที่ 30 เม.ย.2567 นายกัณฐัศว์, นายธานี ถือหุ้นคนละ 24,000 หุ้น และ นายพิตฒิพัฒน์ 2,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 50,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 1,093,903.89 บาท ขาดทุนสุทธิ 752,866.45 บาท งบดุล สินทรัพย์รวม 331,638.86 บาท หนี้สิน 101,505.31 บาท ขาดทุนสะสม 769,866.45 บาท

3.บริษัท จอมพลัง รวยดี จำกัด จดทะเบียนวันที่ 20 เม.ย. 2566 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการกิจกรรมการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล ที่ตั้งเลขที่ 1 ซอยนนทบุรี 32 ตำบลท่าทราย อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี (ที่ตั้งเดียวกับ บริษัท ไทยคิงดี จำกัด) นายกัณฐัศว์ และ นายธานี มั่งมี ถือหุ้นคนละ 5,000 หุ้น รวม 10,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท และร่วมกันเป็นกรรมการ

ข้อมูลงบการเงิน วันที่ 31 พ.ค.2567 นำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 ธ.ค.2566 งบกำไรขาดทุน รายได้รวม 6,731.51 บาท ขาดทุนสุทธิ 768.49 บาท (ทั้ง 3 บริษัท ยังไม่มีข้อมูลงบการเงินปี 2567)

ในทางการเมือง อาจไม่เกินคาดหมาย หากจะมีชื่อ ‘เสี่ยกัน’ เป็นผู้สมัคร สส.พรรคกล้าธรรม ในวันข้างหน้า!!

‘ปวิช พรหมทอง’ แต่งตัว!! ลงชิง สส.เขต 2 พัทลุง ‘พรรคกล้าธรรม’

(1 มิ.ย. 68) ผมไล่ดูในเฟซบุ๊กของพรรคพวก @ปวิช พรหมทอง กรรมการในการยางแห่งประเทศไทย พบข้อมูลที่น่าสนใจ

น่าสนใจว่า ปวิช พรหมทอง ลงไปพัทลุงบ่อยครั้งในช่วงปีนี้ น่าจะมีภารกิจพิเศษที่น่าสนใจมากกว่าการลงไปปฏิบัติภารกิจในฐานบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)

พบข้อมูลว่า ปวิชลงไปแจกเอกสารประเภทหนึ่งที่เรียกว่า 'โฉนดต้นยาง' บอกตามตรงว่า ไม่รู้จัก เคยรู้ที่ นส.3 /โฉนด/หรือ สค.1 แต่คำว่า โฉนดต้นยาง ยังไม่เคยรู้จักมาก่อน

สืบค้นพบว่า เอกสารโฉนดต้นยางเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ขออนุญาตนำเรียนว่าด้วยความไม่รู้จึงไปสืบค้นผ่าน 'ปัญญาประดิษฐ์' หรือ AI ด้วยการเสิร์ชหาผ่าน Chat GPT พบข้อมูลที่น่าจะพออธิบายคำว่า 'โฉนดต้นยาง' ซึ่งแตกต่างจากโฉนดเพื่อการเกษตร ที่แปลงโฉมมาจาก สปก.4-01

อธิบายความอย่างนี้จากข้อมูลผ่าน Chat GPT พบว่า คำว่า 'โฉนดต้นยาง' อาจหมายถึงเอกสารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับ ต้นยางพารา หรือ ที่ดินที่ปลูกต้นยาง แต่ในกฎหมายไทย ไม่มีเอกสารชื่อว่า 'โฉนดต้นยาง' โดยตรง ดังนั้นคำนี้อาจมีความหมายในบริบทใดบริบทหนึ่งต่อไปนี้:

1. โฉนดที่ดินที่ปลูกต้นยางพารา
• เป็นโฉนดที่ดิน (น.ส.4) ที่เจ้าของใช้ปลูกสวนยาง
• ใช้เป็นหลักฐานกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ปลูกต้นยาง
• สามารถนำไปใช้ค้ำประกันกู้เงินจากธนาคารหรือกองทุนต่าง ๆ ได้

2. ทะเบียนต้นยางพารา (เอกสารขึ้นทะเบียนสวนยาง)
• เอกสารที่กรมส่งเสริมการเกษตร หรือการยางแห่งประเทศไทย ออกให้เมื่อเกษตรกรไปแจ้งขึ้นทะเบียนต้นยาง
• ใช้ประกอบการขอรับเงินสนับสนุน หรือเงินช่วยเหลือจากรัฐ เช่น โครงการประกันรายได้
• ไม่ใช่โฉนด แต่เป็นหลักฐานแสดงการครอบครองและดูแลต้นยาง

3. ใบรับรองหรือสัญญาซื้อขายต้นยาง
• หากเป็นกรณีซื้อขายต้นยางโดยเฉพาะ เช่น ขายยางก้อนถ้วยหรือขายต้นยางที่ตัดแล้ว อาจมีใบสัญญาหรือใบรับรองแยกต่างหาก
• เอกสารเหล่านี้ใช้ในการค้ายางหรือขอสินเชื่อในรูปแบบที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตร

แต่ข้อมูลที่พบปรากฏว่า ปวิช พรหมทอง เดินทางไปแจก โฉนดต้นยาง ในจังหวัดพัทลุง โซนเหนือแบบถี่ยิบ ผิดสังเกต เช็กข้อมูลพบว่า ปวิช กับ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มีบทบาทสำคัญในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น่าจะร่วมกันผลักดันนโยบายโฉนดต้นยาง เพื่อให้เกษตรกรใช้เอกสารนี้เข้าถึงแหล่งทุน

ฟังดูแล้วน่าจะยังพื้น ๆ แต่เช็คลงไปในเชิงลึกพบว่า พรรคกล้าธรรม ที่มี รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษา กำลังเปิดเกมรุกในภาคใต้ หลัง บิ๊กโอ-ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ ปักธงให้กล้าธรรม ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 8 นครศรีธรรมราช

ปวิช พรหมทอง ถูกวางตัวให้ลงสมัคร สส.พัทลุง เขต 2 ในนามพรรคกล้าธรรมในการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงไม่แปลกที่ปวิช ปรากฏตัวในจังหวัดพัทลุงบ่อยครั้งหนึ่งในช่วง 3-4 เดือนมานี้

ปวิช เป็นคนพัทลุง เคยเป็นสมาชิกสภาเขต ในย่านห้วยขวาง เขาก็มีฐานเสียงอยู่ไม่น้อยย่านป่าพะยอม ควนขนุน เขามีประวัติที่น่าสนใจไม่น้อยกับการแทรกตัวเข้าไปในสนามการเมืองระดับชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top