Saturday, 7 June 2025
ท่าอากาศยานไทย

'กรมพัฒนาธุรกิจฯ' เปิดโพย 10 สินค้าสุดปัง ที่ นทท.แห่ซื้อ 'มะขามหวานอบแห้งแกะเมล็ด-ผ้าห่มผ้าฝ้าย' มาแรง!!

(18 ก.ย. 66) นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557-2565 กรมได้นำผลิตภัณฑ์ชุมชนจำนวน 2,375 รายการ จากผู้ประกอบการสินค้าชุมชน 112 ราย เข้าไปวางจำหน่าย ณ สนามบินนานาชาติ 3 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต และดอนเมือง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อกลับไปเป็นของฝาก ของที่ระลึก หรือใช้เอง

โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) สนับสนุนพื้นที่ และบริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด ผู้บริหารจัดการร้านค้าในสนามบิน สามารถสร้างยอดขายรวมมากกว่า 630 ล้านบาท แบ่งเป็น สุวรรณภูมิ 490 ล้านบาท ภูเก็ต 119 ล้านบาท และดอนเมือง 21 ล้านบาท และนอกจากช่องทางการขายในสนามบินแล้ว ยังคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ www.kingpower.com ได้รวมกว่า 4 ล้านบาทด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่ มะขามหวานอบแห้งแกะเมล็ด ผ้าห่มผ้าฝ้าย น้ำมันเหลือง กรอบรูปไม้สัก กระโปรงปักเลื่อม น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ยาหม่องเขียว ผ้าไหมคลุมไหล่ แชมพูสมุนไพร (มะกรูด) และก้านไม้หอมระเหย ซึ่งสะท้อนถึงความนิยมผลิตภัณฑ์ไทยที่ไม่เพียงแค่งดงาม แต่แสดงถึงอัตลักษณ์โดดเด่นที่มีคุณภาพและรสนิยม

“กรมพร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการชุมชนให้มีโอกาสด้านการตลาดที่หลากหลาย โดยช่องทางการจำหน่ายในท่าอากาศยานเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่กรมและหน่วยงานพันธมิตรได้ร่วมกันคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนที่โดดเด่นตามหลักการ DBD SMART Local ให้มีโอกาสขยายตลาดในระดับสากล รวมถึงเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการชุมชนก้าวให้ทันความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ สามารถพึ่งพาตนเองได้ และส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศให้มีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน” นายทศพลกล่าว

ที่ผ่านมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีเป้าหมายสำคัญในการพลิกโฉมการพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนตามแนวทาง DBD SMART Local ของเด่นพื้นที่ ของดีพื้นถิ่น ด้วยการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์และคุณค่า นำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีจุดเด่นและความแตกต่าง เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเชื่อมโยงช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ชุมชน DBD SMART Local ที่มีภาพลักษณ์ที่ดี และความพร้อมทางการตลาดให้มีโอกาสได้จำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ ทั้งในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ สนามบินนานาชาติ และช่องทางออนไลน์

‘สนบ.เชียงใหม่’ ดีเดย์ 1 พ.ย.นี้ ให้บริการ 24 ชม. ประเดิมเส้นทางโอซาก้าเที่ยวบินแรก

(21 ต.ค.66) นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จะเริ่มเปิดให้บริการสนามบินเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายไว้ และข้อเสนอของหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้ขอมา ซึ่งทอท.ได้เปิดสล็อตการบินรองรับไว้แล้ว ถ้าสายการบินต้องการ ส่วนที่ต้องการบินไฟลต์ดึก จะเป็นสายการบินที่บินตรงเชียงใหม่-ยุโรป, เชียงใหม่-ญี่ปุ่น, เชียงใหม่- จีน เพราะจะไปถึงประเทศจุดหมายปลายทางในช่วงเช้าพอดี โดยวันแรกเป็นเที่ยวบินที่จองไว้มีเชียงใหม่-โอซาก้า เป็นสายการบินไทยเวียตเจ็ท หลังจากนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องการเปิดประตูการเดินทาง

นายกีรติ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการจะทำตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่กำหนดไว้เมื่อปี 2548 จะไม่ส่งผลกระทบอย่างที่ประชาชนกังวล โดยมีเที่ยวบินในช่วงเวลากลางคืนในช่วงเวลา 22.00 น. ถึง 06.00 น. ในสัดส่วนไม่เกิน 6% หรือ 12 เที่ยวบิน ของเที่ยวบินที่ทำการบินรวมตลอดทั้งวัน และการให้บริการจะทำการบินไม่เกินเวลา 01.00 น.

“การเปิด 24 ชั่วโมง คือ การเปิดบริการสนามบิน ซึ่งเที่ยวบินสุดท้ายจะสิ้นสุดตี 1 การให้บริการสนามบินจะสิ้นสุดเวลาตี 3 ถ้าเที่ยวบินเข้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า สนามบินจะเปิดบริการตั้งแต่ตี 4 เท่ากับสนามบินไม่ปิด แต่เที่ยวบินถึงแค่ตี 1 เท่านั้นเอง จะมีค่าใช้เกิดขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับมีไฟล์ตชั่วโมงละ 2 ไฟล์ตก็คุ้มแล้ว” นายกีรติกล่าว

‘AOT’ เปิดงบรวมปี 66 โชว์ผลกำไร 8,790 ล้านบาท โต 179% อานิสงส์ธุรกิจการบิน-ฟรีวีซ่าช่วยหนุนแรง

(21 พ.ย. 66) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เผย งบรวมปี 2566 พลิกทำกำไรสุทธิ 8,790 ล้านบาท เติบโต 179.28% จากงวดปี 65 ที่ขาดทุน 11,088 ล้านบาท แรงหนุนจากธุรกิจการบินที่ทำรายได้ 22,266 ล้านบาท โตทะลุ 205%

บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และบริษัทย่อย รายงานงบการเงินรวมงวดปี 2566 (สิ้นสุด 30 ก.ย.66) มีกำไรสุทธิ 8,790.87ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.28% กำไรต่อหุ้น 0.62 บาทต่อหุ้น  เทียบกับงวดปี 2565 ที่ขาดทุนสุทธิ -11,087.86 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.78 บาท

โดยงบรวมงวดปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายหรือการให้บริการอยู่ที่ 48,140.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,580.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 190.71% จากปี 2565 ที่มีรายได้ 16,560.02 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

- รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 22,265.83 ล้านบาท เพิ่ม 14,975.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 205.43%เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร
- รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 25,875.09 ล้านบาท เพิ่ม 16,605.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 179.13%
- รายได้อื่น 304.58 ล้านบาท ลดลง 1,027.26 ล้านบาท หรือลดลง 77.13%

ด้านค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 5,422.70 ล้านบาท หรือเพิ่ม 18.81% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงาน ค่าจ้างภายนอก ค่าสาธารณูปโภค และค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา ในขณะที่ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ และค่าใช้จ่ายอื่นลดลง รวมทั้งต้นทุนทางการเงินลดลง 39.31 ล้านบาทหรือลดลง 1.34% สำหรับค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 5,122.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 177.40% สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

‘สุริยะ’ กำชับ ทอท. เตรียมรับมือช่วงตรุษจีน  คาดนักท่องเที่ยวจีนทะลักเพิ่มขึ้น 200% 

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลตรุษจีน นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารและผู้ใช้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของรัฐบาลและมาตรการ Visa Free 

(1 ก.พ.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 5 - 14 กุมภาพันธ์ 2567 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. กว่า 3.52 ล้านคน จึงสั่งการให้ ทอท. เตรียมความพร้อมทั้งด้านความปลอดภัยและบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับผู้โดยสารและปริมาณจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และได้เน้นย้ำให้บริหารจัดการการให้บริการภาคพื้นให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวก รวดเร็ว สำหรับจุดตรวจคนเข้าเมืองได้สั่งการให้ตรวจเช็กความพร้อมของช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels รวมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้บริการจุดตรวจคนเข้าเมืองทุกช่องบริการ และเตรียมพร้อมในกรณีระบบตรวจคนเข้าเมืองเกิดขัดข้อง เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ 

นอกจากนี้ ทอท. ได้นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของรัฐบาลและมาตรการ Visa Free ซึ่งคาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน 

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ได้กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารและผู้ใช้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารประมาณ 3,523,929 คน เฉลี่ย 352,393 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 20% และมีเที่ยวบิน 21,115 เที่ยวบิน เฉลี่ย 2,112 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

โดย ทสภ. จะมีการเดินทางมากที่สุด 1,735,885 คน เฉลี่ย 173,588 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 24.3% และมีเที่ยวบิน 9,439 เที่ยวบิน เฉลี่ย 944 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 15.6% รองลงมา คือ ทดม. 842,251 คน เฉลี่ย 84,225 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 19.2% และมี 6,104 เที่ยวบิน เฉลี่ย 610 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 24.7%, ทชม. 284,123 คน เฉลี่ย 28,412 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 12.7% และมี 1,679 เที่ยวบิน เฉลี่ย 168 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 5.3%, ทภก. 523,988 คน เฉลี่ย 52,399 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 21.7% และมี 3,005 เที่ยวบิน เฉลี่ย 300 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 21.5%, ทหญ. 78,974 คน เฉลี่ย 7,897 คนต่อวัน ลดลง 9.2% และมี 529 เที่ยวบิน เฉลี่ย 53 เที่ยวบินต่อวัน ลดลง 8.8% และ ทชร. 58,709 คน เฉลี่ย 5,871 คนต่อวัน ลดลง 7% และมี 360 เที่ยวบิน เฉลี่ย 36 เที่ยวบินต่อวัน ลดลง 8.6%

ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลตรุษจีนมีสายการบินเฉพาะเส้นทางจีนแจ้งขอทำการบิน ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. รวมกว่า 3,086 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 202.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณผู้โดยสาร 458,813 คน เพิ่มขึ้น 220.2% โดยท่าอากาศยานที่แจ้งขอทำการบินมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ทสภ. 1,799 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 193.4% ผู้โดยสาร 282,982 คน เพิ่มขึ้น 224.6% รองลงมา คือ ทดม. 662 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 366.5% ผู้โดยสาร 88,074 คน เพิ่มขึ้น 328.5% และ ทภก. 497 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 167.3% ผู้โดยสาร 69,342 คน เพิ่มขึ้น 170.1% 

นอกจากนี้ ทอท. เตรียมพร้อมรองรับผู้โดยสารชาวจีนจากนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารเดินทางจีนและคาซัคสถาน (Visa Free) เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ และจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดด้านการบิน อาทิ ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ส่วนลดค่าบริการที่เก็บอากาศยาน และค่าบริการใช้สะพานเทียบเครื่องบิน (Landing Charges, Parking Charges และ Boarding Bridge Charges) ซึ่งในปี 2567 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน

ทั้งนี้ ทอท. ได้จัดกิจกรรมสร้างความสุขและอวยพรนักท่องเที่ยวเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 5 - 14 กุมภาพันธ์ 2567 ในทุกท่าอากาศยาน และขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้า 2 - 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center โทร. 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง

‘สุริยะ’ ตั้งเป้ายกระดับ ‘ไทย’ สู่ศูนย์กลางการบินในอาเซียน พร้อมดันสนามบินไทยติด 1 ใน 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก

เมื่อวานนี้ (3 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานและกล่าวงาน Dinner Talk เนื่องในโอกาสครบรอบ 45 ปี การดำเนินงาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน โดยมี พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ ทอท. นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ให้การต้อนรับ

นายสุริยะกล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision โดยมุ่งพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน และตั้งเป้าประเทศไทยจะก้าวไปเป็นที่ 1 ของภูมิภาค โดยยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) นั้น รัฐบาลจะใช้ศักยภาพและทรัพยากรของประเทศไทยที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนเร่งรัดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทุกด้านเพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ เนื่องจากประเทศไทยมีขนาดพื้นที่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก แต่มีผู้เดินทางจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนอยู่ในอันดับที่ 8 ของโลก

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2567 (เดือนตุลาคม 2566-พฤษภาคม 2567) ฟื้นตัวจนเกือบจะเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยมีผู้โดยสารรวม 81.05 ล้านคน ฟื้นตัว 83.4% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2562 (ก่อนเกิดโควิด-19) แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48.95 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 32.09 ล้านคน ฟื้นตัว 80% ขณะที่มีเที่ยวบินรวม 490,970 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 80.9% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 274,410 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 83.5% และเที่ยวบินภายในประเทศ 216,560 เที่ยวบิน ฟื้นตัว 77.9% โดยในอีก 5 ปี (ปี 2572) คาดว่าทั้ง 6 สนามบินจะมีผู้โดยสารประมาณ 170 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1 ล้านเที่ยวบิน และในอีก 10 ปี (ปี 2577) คาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 210 ล้านคน และมีเที่ยวบินประมาณ 1.2 ล้านเที่ยวบิน

นายกีรติกล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารอินเดีย, ยุโรป และอเมริกา มีจำนวนสูงกว่าเมื่อปี 62 ไปแล้ว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวกลับมา แต่ยังรอผู้โดยสารจีน ซึ่งขณะนี้กลับมาประมาณ 65% เทียบจากก่อนโควิด ส่วนอีก 35% คาดว่าจะกลับมาในปี 68 ซึ่งจะทำให้ปริมาณผู้โดยสารในภาพรวมกลับมาที่ 140 ล้านคนต่อปีเท่ากับปี 62

นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพของสนามบินให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า ล้านคนต่อปี เพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน จึงต้องเร่งดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานให้มีความพร้อมรองรับการเดินทางในอนาคต โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีผู้โดยสารมาใช้บริการมากที่สุดกว่า 40 ล้านคน อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) คาดว่าจะเพิ่มพื้นที่รองรับผู้โดยสารได้อีก 81,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการทางวิ่งเส้นที่ 3 ในช่วงเดือน ก.ย. 2567 ทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น จาก 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

ได้วางแผนดำเนินโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันตก (West Expansion) โครงการก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (Satellite 2 : SAT-2) โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) และโครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 4 เมื่อทุกโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่า ทสภ.จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 150 ล้านคนต่อปี และรองรับเที่ยวบินได้ถึง 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

นายกีรติกล่าวว่า “จากการดำเนินการของ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่ผ่านมาในช่วงระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 66-30 มีนาคม 67 เทียบกับช่วงก่อนดำเนินการ (ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม 65-25 มีนาคม 66) สามารถบริหารจัดการเที่ยวบินได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยดอนเมืองสามารถเพิ่ม slot เที่ยวบินจากเดิม 50 เที่ยวบิน เป็น 57 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 12% รายได้เพิ่มขึ้น 520 ล้านบาท” 

“ส่วน ทภก.สามารถเพิ่ม slot เที่ยวบินจากเดิม 20 เที่ยวบิน เป็น 25 เที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 18% รายได้เพิ่มขึ้น 640 ล้านบาท และ ทชม.ซึ่งได้ขยายระยะเวลาในการเปิดให้บริการเป็น 24 ชั่วโมง ทำให้มีผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 5% และมีรายได้เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหากเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 ทสภ.จะทำให้ในปี 68 มีเที่ยวบินเพิ่มเป็น 75 เที่ยวบิน มีรายได้ 4,718.24 ล้านบาท ปี 69 จะมีเที่ยวบิน 85 เที่ยวบิน มีรายได้ 8,561.54 ล้านบาท และปี 70 จะมีเที่ยวบิน 94 เที่ยวบิน และมีรายได้ 9,090.52 ล้านบาท” 

‘สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย’ เร่งขยายเฟสแรก งบ 5,870 ล้าน สร้างอาคารหลังใหม่ พร้อมดันศักยภาพรองรับผู้โดยสารแตะ 6 ล้านคนต่อปี

(6 พ.ค. 68) กระทรวงคมนาคมร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เดินหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ระยะที่ 1 ใช้งบประมาณ 5,870 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจากปัจจุบันประมาณ 1.9 ล้านคนต่อปี ให้เพิ่มเป็น 6 ล้านคนภายในปี 2575 เพื่อตอบรับการเติบโตของการเดินทางและท่องเที่ยวในภาคเหนือ

ในแผนงานระยะที่ 1 (ปี 2568–2571) จะมีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (อาคาร 2) พร้อมปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิม ก่อสร้างลานจอดอากาศยาน ระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้สนามบินสามารถรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากการขยายอาคารผู้โดยสาร ยังมีแผนลงทุนปรับปรุงโครงข่ายถนนรอบสนามบิน เช่น ทางลอดและทางแยกต่างระดับ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเมือง พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะจากจีน ลาว และเมียนมา

ทอท. คาดการณ์ว่าในปี 2573 จำนวนผู้โดยสารของสนามบินแม่ฟ้าหลวงจะพุ่งแตะ 3 ล้านคนต่อปี จึงเร่งวางแผนพัฒนาเชิงรุกระยะยาว โดยมีแผนเฟส 2 เพื่อเพิ่มศักยภาพรองรับถึง 8 ล้านคนภายในปี 2578 สอดรับเป้าหมายของไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top