Saturday, 11 May 2024
ทูตนอกแถว

‘ทูตนอกแถว’ ยก!! 'ทักษิณ' นายกฯ สุดเก่ง หยาม 'บิ๊กตู่' เป็นนายกหรือมัคนายก

28 ก.ย. 64 - นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจทูตนอกแถว และอดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตกลงจะเป็นนายกหรือมัคทายก? (มัคนายก)

เดิมตั้งใจว่าจะเขียนอะไรเกี่ยวกับการครบรอบ 15 ปีรัฐประหารปี 2549 ที่ลากพาประเทศชาติให้ตกต่ำมาถึงทุกวันนี้ แต่ในวันนั้นได้รับเชิญให้ช่วยกล่าวปราศรัยทางออนไลน์ในกิจกรรมคาร์ม็อบเนื่องในโอกาสครบรอบดังกล่าวก็เลยไม่ได้เขียนอะไรนะครับ 

แต่จะอย่างไรที่พูดไปวันก่อนก็ยังมีบางประเด็นที่ไม่ได้พูดถึง และก็เห็นยังมีชาวสลิ่ม/ไอโอไปขุดเรื่องคดีเก่าๆ ทั้งหลายของคุณทักษิณขึ้นมาโจมตีอีก ก็เลยอยากมาคุยกันอีกสักนิด ซึ่งก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมไม่ได้คิดว่าคุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่ผมคิดว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีที่เก่งที่สุดในแง่การพัฒนาสร้างความเจริญและยกระดับความกินดีอยู่ดีของประชาชนได้อย่างแท้จริง เท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา

ซึ่งสิ่งนี้มันก็เป็นคำตอบในตัวมันเองอยู่แล้วว่าทำไมผ่านไปสิบกว่าปี คนไทยจึงยังไม่ลืมชายชื่อทักษิณหรือพี่โทนี่จนถึงวันนี้ และยิ่งไปยกคดีเก่าๆ ไม่ว่าซื้อที่ดินรัชดา หวยบนดิน เงินกู้พม่า ภาษีหุ้นอะไร ฯลฯ มันยิ่งดูตลก out of place, out of context หลงโลกมาก เพราะมันยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดในวันนี้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือการกลั่นแกล้งกันทางการเมืองโดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ

ซึ่งมันก็เป็นเพราะความบิดเบี้ยวของกระบวนการยุติธรรมเอง (ที่เท่ากับการทำลายระบบนิติรัฐโดยรัฐเองในทางอ้อมด้วย) ทำให้ไม่มีใครเขาเชื่อในคำตัดสินเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยส่วนใหญ่หรือทั่วทั้งโลก ซึ่งก็เป็นคำตอบอีกว่าทำไมไม่มีประเทศไหนใครเขาจับทักษิณส่งกลับ แม้กระทั่งจีน

ไปๆ มาๆ มันก็เลยกลายเป็นว่าต่อให้คุณทักษิณผิดจริงอย่างไรก็ไม่มีทางรู้เพราะความตกต่ำของระบบยุติธรรมของไทยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใครเขาเชื่อถืออีกต่อไป ผมเคยเป็นทูตจึงรู้ดีว่าไม่มีประเทศไหนหรอกที่เขาอยากจะฟังคำชี้แจงของรัฐบาลไทยต่อข้อหาของคุณทักษิณ พอทำหนังสือนำส่งคำชี้แจงไป (เพราะเขาไม่อยากรับนัดหมายฟังเราพูดให้เสียเวลาทำงาน) เขาได้รับก็คงเอาโยนใส่ตะกร้าทิ้งขยะไปหมด ประมาณนั้น เพราะไม่เคยปรากฏว่ามีปฏิกริยาตอบกลับแต่อย่างใดทั้งสิ้น

'อัษฎางค์’ แนะ 'ทูตนอกแถว' ทูต = ตัวแทนแห่งรัฐ ไม่ใช่กระบอกเสียงนักโทษหนีคดี

(1ต.ค. 64) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“ทูตคือผู้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนแห่งรัฐและพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่เป็นกระบอกเสียงให้กับนักโทษหนีคดีหรือม็อบล้มล้างการปกครอง”

ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านหนึ่ง กล่าวถึงผู้ที่เรียกตัวเองว่า ทูตนอกแถว ว่า…

“...เจ้านี่เคยเป็นทูตได้อย่างไร ประเด็นมิใช่อยู่ที่ว่าได้มีการใช้กระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้งทักษิณ รึเปล่า

แต่ประเด็นจะอยู่ที่ว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองที่ตัดสินว่า ทักษิณผิดในหลายคดี นั้น มีการบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐานที่สามารถนำมาตรวจสอบ+ย้อนหลังได้ตลอดเวลาว่า ที่มาของคำพิพากษาเหล่านั้นประกอบด้วยพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือเพียงใด

ข้ออ้างอีกอย่างที่นักวิชาการชาวอเมริกันคนหนึ่งที่อยู่เมืองไทยร่วม 50 ปีและรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี ได้อ่านคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ทักษิณเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท พร้อมสรุปว่า เป็นคำพิพากษาที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่มีข้อสงสัยอย่างที่นักกฎหมายชอบพูดกันเสมอว่า beyond any reasonable doubts หรือปราศจากข้อสงสัยที่พึงมี

แต่นักวิชาการคนนั้นระบุว่า beyond all possible doubts altogether หรือปราศจากข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว (ว่าคำพิพากษานั้นถูกต้องและสมเหตุผลอย่างที่สุด)

ดังนั้น ถ้าจะมีผู้ใดสงสัยว่า ทักษิณจะถูกกระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้งอย่างที่อดีตทูตคนนี้อ้าง จึงพึงต้องค้นหาจุดอ่อนในคำพิพากษาออกมาตีแผ่ให้เห็นว่า คำพิพากษาทั้งหลายเหล่านั้น บิดเบือนข้อเท็จจริงไปอย่างไร จึงไม่สมควรให้การยอมรับหรือเชื่อถือ

แต่ถ้าไม่สามารถทำได้และออกมาอ้างลอยๆ ดังที่อดีตทูตคนนี้ทำ ว่าทักษิณถูกกระบวนยุติธรรมกลั่นแกล้ง ก็คงจะหลีกเลี่ยงความจริงไปไม่พ้นว่า เป็นการแก้ตัวให้ทักษิณแบบโง่เขลาและไร้เหตุผลที่ไม่ควรออกมาจากปากคนเคยเป็นถึงตัวแทนชาติในฐานะทูตเลย นอกเสียจากเป็นคนที่เคยได้รับประโยชน์จาก รัฐบาลยุคทักษิณหรือน้องสาวเป็นนาย…”

เวลาที่คนทั่วไปเรียกใครว่า “ทูต” ปกติจะหมายถึง “เอกอัครราชทูต”

แต่ความจริง “นักการทูต” มีหลายระดับ เริ่มตั้งแต่นักการทูตปฏิบัติการ นักการทูตชำนาญการ

นักการทูตชำนาญการพิเศษ (อัครราชทูตที่ปรึกษา)

นักบริหารการทูตระดับต้น (อัครราชทูต) ไปจนถึงตำแหน่งสูงสุดอย่างนักบริหารการทูตระดับสูง (เอกอัครราชทูต)

นักการทูต มีบทบาทเป็นตัวแทนที่ดูแลส่งเสริมผลประโยชน์ให้กับประเทศไทยในสนามต่างประเทศ ตั้งแต่ภาพลักษณ์สังคมความเป็นอยู่ของประเทศ ไปจนถึงเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

นักการทูตมีหน้าที่รวบรวมและรายงานข้อมูลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติ และนำมารายงานให้กับรัฐบาลไทย เพื่อเสนอแนะแนวทางให้รัฐบาลเพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาต่างๆ

นักการทูตมีหน้าที่การถ่ายทอด นำเสนอ ชักจูง นโยบายของรัฐบาลประเทศต้นสังกัดให้แก่รัฐบาลประเทศที่ประจำอยู่ โดยจะต้องมีวิธีโน้มน้าวที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งกับประเทศของเราและประเทศที่เราไปประจำการ

นักการทูตเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศ เป็นผู้เจรจาประสานงานนโยบายและเศรษฐกิจ เป็นผู้รับสาร นำเสนอสารต่อรัฐบาลในประเทศและใช้วาทศิลป์และความสามารถในการคิด วางแผน ชักจูงและโน้มน้าวให้อีกประเทศเห็นด้วยตามข้อเสนอของรัฐบาลเรา

นักการทูตทั้งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของวงจรในกระบวนการนโยบายต่างประเทศ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top