Friday, 17 May 2024
ทำเนียบรัฐบาล

‘ผู้สื่อข่าวทำเนียบ’ เปิดฉายารัฐบาล-รัฐมนตรีประจำปี 2565 วาทะแห่งปี “เกลียดหรือไม่เกลียดก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้”

(26 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งฉายารัฐบาล และรัฐมนตรีประจำปี ของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อมวลชนต่อการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ ได้มีมติร่วมกันตั้งฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และ วาทะแห่งปี ประจำปี 2565 ดังนี้

>> ฉายารัฐบาล : ‘หน้ากากคนดี’

เป็นอีกหนึ่งปี ที่ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน ภายใต้หน้ากากของรัฐบาล ที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เมื่อเกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจ เพียงเพราะต้องการเช็กลิสต์ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นโยบายประชานิยมที่ออกแนวหาเสียง ให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือ การประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้น เป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนามรัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัย ว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้น จริงหรือไม่?

>> พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม : ‘แปดเปื้อน’

ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพลเอกประยุทธ์ ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหา ถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อเนื่องยาวนาน พลเอกประยุทธ์ ถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ที่ศาลมีคำสั่ง ให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ แม้จะเพียงแค่ 38 วัน ก็ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ พล.อ. ประยุทธ์ ที่มักจะพูดเสมอว่าไม่ยึดติดอำนาจ ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้น ใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง หรือ แม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ก็ทำให้ถูกมองว่า ไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป

>> พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี : ‘ลองนายกฯ’

แม้จะเป็นเวลาเพียง 38 วัน ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่พลเอกประวิตรก็ได้ทำอย่างสุดกำลัง ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ลองเป็นนายกฯ หลายครั้งที่ตัวจริงอย่างพลเอก ประยุทธ์ ต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ พี่ใหญ่ในกลุ่ม 3 ป. ในฐานะ สร.2 ก็ทำหน้าที่แทนมาตลอด แต่อาจไม่ยาวนานเช่นครั้งนี้ ซึ่งมีอำนาจเต็มc(ในขณะนั้น) หากจะยุบสภาฯ ก็สามารถทำได้

บรรดากองหนุนและกองเชียร์ ปั่นกระแสจนเคลิ้ม ถึงกับประกาศใช้ ‘ใจบรรดาลแรง’ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ลุยงานรัว ๆ ทำเอากองเชียร์นายกฯ ตัวจริง ร้อน ๆ หนาว ๆ แต่สุดท้ายก็ได้แค่ ‘ลอง’ เท่านั้น

>> นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี : ‘เครื่องจักรซักล้าง’

ความเอกอุด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ในตำนาน ถูกใช้สนองตอบความต้องการของรัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งพรรคหลักพรรคร่วม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ช่วยยกภูเขาออกจากอก ลดปัญหาหนักใจ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องจักรกล คอยซักล้างความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลให้ผ่านพ้น เรื่องไหนผ่านมือเนติบริกรคนนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครโต้แย้งได้ เช่น ปม 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ แม้แต่เรื่องเหมืองทองอัครา

>> นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข : ‘ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย’

‘พูดแล้วทำ’ คือ สโกแกนพรรคภูมิใจไทย แต่ทำแล้วสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แม้จะปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด แต่กฎหมายควบคุมกลับค้างเติ่งติดดอย ไปต่อไม่ได้ เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลาย เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างง่ายดาย เมื่อจวนตัวกลับโยนให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ หัวจะปวดกันทั้งประเทศ

ขณะที่ บทบาทพรรคร่วมรัฐบาล ถือได้ว่าเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่เมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้น กลับสวมบทไดโวโชว์พลังดูด ส.ส. นักการเมือง ทั้งจากพวกเดียวกัน และต่างขั้ว ชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดดเด่นไม่แพ้การนำเสนอนโยบายกัญชา

>> นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ : ‘ประกันไรได้’

‘ประกันรายได้’ เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค แถมยังนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงค้าขาย ก็จัดหนักนโยบายนี้ จนแทบไม่โฟกัสงานอื่น ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด แต่สินค้าเกษตรกลับต้องทุ่มเงินไปประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามกับการแก้ปัญหาของรัฐบาลด้วยวิธีประกันรายได้ ว่าถูกทางจริงหรือ? ที่ว่าประกันนั้น ‘ประกันไรได้บ้าง’

>> นายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ : ‘ลุ่มๆ ดอนๆ’

APEC ถือเป็นงานใหญ่งานหนึ่งในรอบ 20 ปีของไทย ที่มาพร้อมโอกาสทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 นโยบายเปิดประเทศจึงเป็นความหวังของทุกคน ที่จะทำให้ประเทศพ้นกับดักต่าง ๆ แต่บทบาทในฐานะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง กลับไม่สามารถสร้างการรับรู้ หรือ ดึงดูดความสนใจของคนในประเทศได้เท่าที่ควร การเป็นเจ้าภาพ APEC จึงเหมือนรับรู้กันเฉพาะในวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดถึงความสนใจจากทั่วโลกที่ดูน้อยมาก จนเกิดการเปรียบเทียบกับรัฐบาลในอดีตที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดงานสำคัญ ล้มเหลวตั้งแต่ระบบลงทะเบียน ลามไปจนถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์โหมโรง ที่ไม่ลุกโชนตามความตั้งใจ แม้แต่ธงโบกสะบัดยังปักเป็นหย่อม ๆ ก่อนงานเพียงไม่กี่วัน และ มีเสียงเล่าลือกันหนาหู ว่าการทำงานในกระทรวงร่วมกับข้าราชการ ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่เปิดกว้างรับฟัง เกิดเป็นภาพการทำงานที่ล่าช้า ตกยุค ไม่ทันสมัย

>> นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน : ‘Powerblank’

‘วิกฤตพลังงาน’ เป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสสำหรับคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก หลายมาตรการที่เข็นออกมาไม่ขาดสาย นอกจากชักเนื้อรัฐบาลมาอุดหนุน ก็ยังไม่เห็นว่ามีสิ่งไหนทำได้จริง ยิ่งการล้วงเงินจากกระเป๋าเอกชนอย่างโรงกลั่นน้ำมัน โครมครามอยู่พักใหญ่ แล้วก็หายไปกับสายลม เหมือนการขายที่ดินให้ต่างชาติแลกเงินลงทุน เกิดกระแสตีกลับระเนระนาด ถอยตั้งหลักแทบไม่ทัน จึงเกิดข้อสงสัยกันว่า เป็นรัฐมนตรีพลังงาน หรือ รัฐมนตรีไม่มีพลังงานกันแน่

‘เศรษฐา’ ฟิตจัด!! เรียกรัฐมนตรี-หน่วยงาน ถกสางงาน พร้อมเข้ากระทรวงการคลังติดตามงาน บ่ายนี้

(20 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้เชิญสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นหารือต่อ

นายกฯ มอบให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ) แทน ซึ่งจะมีการประชุม เวลา 11.00 น. เนื่องจากนายกฯ ได้หารือกับสภาพัฒน์ฯ จนได้ข้อสรุปบางเรื่องแล้ว จึงได้มอบหมายให้นายภูมิธรรมประชุมแทน

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ เข้าพบ คาดว่า จะมารายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือ 266 คนไทย กลับจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา รวมถึงการเตรียมความพร้อม มอบนโยบายให้กับ3 หน่วยงานหลักได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หลังไปโรดโชว์ระหว่างการประชุมเอเปค สหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปพบนายกฯ ที่บนตึกไทยคู่ฟ้าด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะรายความพร้อม งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ตามโครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ที่นายกฯ มีกำหนดการจะเดินทางไปร่วมงานในวันที่ 27 พ.ย.นี้

มีรายงานว่า ในช่วงบ่าย นายกฯจะเดินทางไปกระทรวงการคลัง คาดว่าจะไปติดตามงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

‘หยก ทะลุวัง’ บุกทำเนียบ ร่วมแจมงานวันเด็ก ปี 67 อ้าง อยากพบนายกฯ ปฏิเสธนั่งเก้าอี้ พร้อมเดินรอบงาน 

(13 ม.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานวันเด็กที่ทำเนียรัฐบาลว่า เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า บรรดาผู้ปกครองได้พาเด็กมารอร่วมกิจกรรมวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลาก่อน 08.00 น. โดยทันทีที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดรั้วทำเนียบรัฐบาล เด็กและผู้ปกครองต่างกรูเข้ามา ภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เด็กๆต่างวิ่งไปต่อแถวทำกิจกรรมซุ้มต่างๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฮไลต์สำคัญคือการนั่งเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรี โดยในปีนี้เด็กที่มาเข้าแถวรอนั่งเก้าอี้นายกฯ ​คนแรก ชื่อเด็กชาย​ ชนะโชติ แสนงบ อายุ​ 14 ปี​ โรงเรียนวัดชมนิมิตร​ เดิน​ทางมาจาก อำเภอพระประแดงจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.​ และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่เด็กๆ สนใจ คือการขุดซากไดโนเสาร์ จากกรมธรณีวิทยากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม​ และได้รับแจก ตุ๊กตา​ โมเดล​ ไดโนเสาร์รวมไปถึงสติ๊กเกอร์ สร้างความพึงพอใจให้กับเด็กๆ แม้ว่าจะไม่มีไดโนเสาร์จำลองเหมือนปีที่ผ่านมา

โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาถึงทำเนียบเพื่อเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ทันทีที่นายเศรษฐา มาถึง ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ถึงข้อสั่งการวันที่ 12 ม.ค. กับเจ้าหน้าที่ในเรื่องการเพิ่มพัดลมและถังไอศครีมว่าได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้วหรือยังซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตอบว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปยังห้องสีม่วงตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมถ่ายรูปกับเด็กและเยาวชน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พามา​ โดยเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีความสามารถ​ และผู้ด้อยโอกาสจำนวน​ 10 คน​

โดยคนแรกที่ได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและถ่ายรูปร่วมกับนายเศรษฐา​ คือ เด็กหญิงอิ่มบุญ​ คุ้มครอง​ อายุ​ 5 ปี​ จากสถานสงเคราะห์โรงเรียนปากเกร็ด​ จังหวัดนนทบุรี​ โดยน้องอิ่มบุญเปิดเผยความรู้สึกว่าดีใจ​ และตั้งใจอยากมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี​ แต่เมื่อได้นั่งแล้วรู้สึกตื่นเต้น​ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้ทักทายเด็กที่มีสามารถด้านทักษะด้านกีฬาฟุตบอลด้วย

จากนั้น นายเศรษฐา พร้อมด้วย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมาร่วมกิจกรรมวันเด็กด้วย ได้เดินไปยังตึกสันติไมตรีเพื่อเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายเศรษฐา กล่าวเปิดงานวันเด็กตอนหนึ่งว่า “สุขสันต์วันเด็กครับ เด็กๆ และเยาวชนทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง เป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศชาติของเรา ความปราถนาสูงสุดของตนคืออยากให้เด็กทุกคนต้องได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับการส่งเสริมการเรียนรู้ ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถนั้นให้เป็นประโยชน์ทั้งต่อการดำรงชีวิตในมิติทางเศรษฐกิจและมิติของการสร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้อื่น รัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมให้เด็กทุกคนเข้าถึงระบบการศึกษา โดยตั้งเป้าหมาย Zero Dropout คือจะไม่มีเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาในประเทศนี้ เราจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนนักเรียนรายบุคคลที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบ เพิ่มทางเลือกการเรียนให้ตรงตามความต้องการและวิถีชีวิตของผู้เรียน มุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะ ทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก และเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาซ้ำซาก”

นายกฯ กล่าวว่า เราอยากเห็นเด็กของเรามีชีวิตอยู่ด้วยความรัก ความเข้าใจในความแตกต่างของผู้คนที่อยู่ร่วมกับเราในสังคม ท้ายที่สุดจะก่อรูปเป็นวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่อยู่ร่วมกันบนฐานของความรัก ความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนร่วมชาติและเพื่อนมนุษย์ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เป็นเด็กที่มีโลกทัศน์กว้างไกล เปิดรับเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตนอกเหนือจากในตำราเรียน

ตนขอฝากไปยังผู้ปกครองและคุณครู ต้องช่วยกันเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะ เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตให้ทันโลก ทันสมัยแห่งปัจจุบัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมอย่างเป็นสากล ซึ่งหมายถึงการเคารพในสิทธิ เสรีภาพของกันและกัน เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต และ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่ร่วมกันจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติให้แก่เด็กและเยาวชนทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมกันเรียนรู้และมีความทรงจำดีๆ ในวันเด็กแห่งชาตินี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น นายเศรษฐา ได้เดินเยี่ยมชมบูทกิจกรรมต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาล อาทิ รับชมการแสดงของ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ นักมวยชื่อดัง ที่มาร่วมกิจกรรมด้วย จากนั้น นายกฯเดินไปยังตึกภักดีบดินทร์  ตึกนารีสโมสร และตึกบัญชาการ โดยตลอดเส้นทางได้รับความสนใจจากเด็กๆ และผู้ปกครองเข้ามาขอถ่ายภาพและเซลฟี่เป็นจำนวนมาก  โดยนายกฯ ได้เดินทักทาย พูดคุยกับบรรดาเด็กๆ อย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับในช่วงบ่าย

อย่างไรก็ตาม นอกจากเยาวชนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมแล้วยังมี ‘หยก ทะลุวัง’ เยาวชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มทะลุวัง เดินทางมาร่วมงานด้วย โดยอ้างว่า อยากพบนายกรัฐมนตรี​ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่า หากต้องการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้ลงทะเบียน และต่อแถวกับเด็กๆ แต่ทางหยก ปฏิเสธและได้เดินดูรอบงาน ก่อนที่จะออกจากทำเนียบรัฐบาลไปในเวลาประมาณ 09.22 น.

เปิดงบทำเนียบฯ ทุ่ม 5 แสนรื้อสนามหญ้าตึกไทยฯ โละพรมเก่า ปูพรมขนแกะทอมือราคา 10 ล้าน

หรูหราสุด ๆ !! เปิดงบทำเนียบฯ ปรับปรุงจัดเต็ม รื้อสนามหญ้าหน้าตึกไทยฯ ทุ่มงบ​เกือบ​ 5 แสน​ ปลูกหญ้าพลาสพาลัม​เทียบเกรดสนามกอล์ฟ​ หวังเป็นหน้าเป็นตารับแขกบ้านแขกเมือง​ พร้อมโละพรมเก่าปูพรมขนแกะทอมือมูลค่ากว่า​ 10 ล้าน​ ​ปรับรั้วหลังตึกไทย​หลังทรุดเอน​ ขณะที่สังคายนาระบบปลอดภัย​ไซเบอร์ 58 ล้าน​สกัดมือแฮกเกอร์​ 

(7 มี.ค. 67) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำนักนายกรัฐมนตรี​ ประกาศสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องรายการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ลงไว้เมื่อวันที่​ 1 มีนาคม​ 2567 จำนวน 12 รายการ​ รวมวงเงิน​ 138 ล้านบาท ประกอบด้วย

1. จ้างเปลี่ยนกระจกหน้าต่างห้องทำงาน ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า วงเงิน 302,300 บาท ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ช่วงเวลาดำเนินการ ธันวาคม 2566

2. จ้างปรับปรุงสนามหญ้าบริเวณหน้าตึกไทยคู่ฟ้า วงเงิน 498,352 บาท วิธีเฉพาะเจาะจง เดือนกุมภาพันธ์ 2567 

3. ซื้อครุภัณฑ์คอมพิวเตอร์ 3 รายการ วงเงิน 4,317,600 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567

4. ซื้อรถบรรทุก (ดีเซล) ปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า 2,900 ซีซี 1 คัน วงเงิน 1,160,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป

5. จ้างพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์รัฐบาลไทย (www.thaigov.go.th) จำนวน 1 งาน ราคา 5 ล้านบาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567 

6. จ้างทอพรมทอมือ เส้นใยขนแกะ 100% พร้อมติดตั้ง 9 ผืน วงเงิน 10,557,200 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป มีนาคม 2567

7. จ้างพัฒนาระบบสำนักงานดิจิทัล (Digital Office) 1 ระบบ วงเงิน 11,739,200 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

8. ซื้อระบบบริหารจัดการ DNS,DHCP และ IP Address Management พร้อมติดตั้ง 1 ระบบ วงเงิน 8,560,000 บาท ประกาศเชิญชวน เมษายน 2567

9. จ้างพัฒนาระบบบริหารจัดการผู้ใช้งานแบบรวมศูนย์ (Single Sign-on) 1 ระบบ วงเงิน 3,164,100 บาท ประกาศเชิญชวน เมษายน 2567 

10. ซื้อครุภัณฑ์ในการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) พร้อมติดตั้ง 1 ระบบ 58 ล้านบาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567

11. จ้างติดตั้งระบบดูดอากาศตรวจจับควัน แบบระบุตำแหน่งได้ ของอาคารตึกไทยคู่ฟ้า 1 ระบบ วงเงิน 32,100,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

12. จ้างปรับปรุงรั้วริมคลองหลังตึกไทยคู่ฟ้า 1 งาน วงเงิน 2,869,000 บาท ประกาศเชิญชวนทั่วไป เมษายน 2567 

ประกาศรายการจัดซื้อจัดจ้างของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เป็นไปตามแนวทางของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สํานักงาน ปปช.) ที่ได้กําหนดแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ Open Data Integrity and Transparency Assessment (OIT) ให้หน่วยงานของรัฐแสดงรายการการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ

สํานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงขอประกาศรายการการจัดซื้อจัดจ้างของสํานักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรี ประเภทงบรายจ่าย หมวดงบลงทุน ที่จะมีการดําเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังกล่าว

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า​การปรับปรุง​สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า​ รวมไปถึงส่วนต่าง ๆ​ เป็นไปตามแผนงานปรับปรุง​ภูมิ​ทัศน์ภายในทำเนียบรัฐบาล​ เนื่องจากทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน​ เป็นหลุมเป็นบ่อ​ สนามหญ้าเสื่อมสภาพ​ และทำเนียบรัฐบาลถือเป็นสถานที่ไว้สำหรับรับแขกบ้านแขกเมืองต่างประเทศ รวมไปถึงรัฐพิธีต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและสมเกียรติ

ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างขนแกะทอมือ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง โดยสเปคเป็นไปตามของเดิม ส่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนเนื่องจากเสื่อมตามสภาพอายุการใช้งาน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นคำสั่งของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เป็นไปตามแผนงานเดิมที่มีอยู่แล้ว ส่วนรั้วบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า จำเป็นต้องมีการปรับปรุงเนื่องจากพื้นทรุด ทำให้รั้วเกิดการเอียง โดยงบประมาณทั้งหมด ได้มีการเสนอตามขั้นตอนและผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว

สำหรับการปรับปรุงสนามหญ้าบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นั้น จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 13 มี.ค. 2567 ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับจากการไปปฏิบัติภารกิจที่ยุโรป ซึ่งในรัฐบาลที่ผ่านมา ได้ซ่อมแซมสนามสนามหญ้าเพียงในส่วนที่เสียหาย แต่ไม่ได้รื้ออัดดิน และทำใหม่ โดยใช้หญ้าพันธุ์พาสพาลัม ที่นิยมปลูกในสนามกอล์ฟ เป็นพืชในตระกูลหญ้าที่ใช้แพร่หลายไปทั่วเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา ที่รู้จักกันทั่วไปว่าหญ้าพาสพาลัม เป็นหญ้าที่เจริญเติบโตได้ในสภาพอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน​ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งแต่เดิมใช้หญ้าพันธุ์​นวลน้อย

'เศรษฐา' เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับนายกฯ นิวซีแลนด์ หารือ 8 ข้อตกลง  ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นสามเท่าภายในปี 2588

(17 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับนายคริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล

โดยทันทีที่มาถึงนายกรัฐมนตรีได้นำนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม ณ บริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ด้านนอกห้องสีงาช้าง จากนั้นมีการหารือข้อราชการด้านในห้องสีงาช้าง 

จากนั้นนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ หารือร่วมภาครัฐ-เอกชน ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ก่อนที่จะเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง และแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ พร้อมทั้งแถลงข่าวร่วม ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) และเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ 

โดยประเด็นสำคัญภายใต้ร่างถ้อยแถลงร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้แก่...

1. การประกาศเป้าหมายการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันในปี 2569
2. การประกาศความคืบหน้า ของแผนความร่วมมือกลาโหมนิวซีแลนด์-ไทย 
3. การประกาศเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันเป็นสามเท่าภายในปี 2588 
4. การส่งเสริมความร่วมมือ ด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการใช้พลังงานฟอสซิลและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  
5. เร่งรัดการหารือความตกลงด้านความร่วมมือด้านวัฒนธรรม 
6. ความร่วมมือด้านการศึกษาและการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระดับประชาชน
7. ความร่วมมือในระดับภูมิภาคโดยเฉพาะในกรอบอาเซียน รวมทั้งในลุ่มแม่น้ำโขงผ่านสถาบันความร่วมมือ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง และกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง 
8. การหารือเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคและระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ สถานการณ์ในเมียนมา ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top