Friday, 10 May 2024
ตำรวจปลอม

ตำรวจไซเบอร์ เตือนภัยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจตัวปลอมระบาดหนัก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอฝากเตือนภัยมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอกลวงให้ประชาชนโอนมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ดังนี้

ในปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้สร้างความเสียหาย และความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ซึ่งเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่มีรูปแบบการทำงานเป็นทีม หรือเป็นขบวนการ มีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หลอกลวงเหยื่อโดยการใช้ความกลัว ความโลภ และความไม่รู้ของประชาชนเป็นเครื่องมือ 

โดยที่ผ่านมาพบว่ามีหลากหลายรูปแบบ เช่น การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งสินค้า แจ้งไปยังผู้เสียหายว่าบัญชีธนาคาร หรือพัสดุที่ส่งไปต่างประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือบัญชีธนาคารของคุณถูกอายัด เป็นหนี้บัตรเครดิต เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การฟอกเงิน มีคดีความ หรือหลอกลวงว่าได้เช็คเงินคืนภาษี หรือหลอกถามข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปปลอมแปลงในการทำธุรกรรมต่างๆ รวมถึงหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม เป็นต้น

ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน บช.สอท. ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหลายรายว่าถูกมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัดสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง สร้างความน่าเชื่อถือโดยการแจ้งข้อมูลผู้เสียหาย ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ได้อย่างถูกต้อง จากนั้นจะให้ผู้เสียหายทำการแอดไลน์เพิ่มเพื่อนกับสถานีตำรวจปลอมดังกล่าว แล้วทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวโดยแจ้งว่า ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินในคดีต่างๆ พร้อมส่งภาพการจับกุมผู้ต้องหา ภาพบัญชีธนาคารคารของกลาง และเอกสารคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ของสำนักงาน ปปง. เรื่องการส่งทรัพย์สินเข้าตรวจสอบฯ หรือเอกสารราชการอื่นๆ เช่น หมายเรียก หมายจับ ที่มีชื่อของผู้เสียหาย เป็นต้น รวมไปถึงการเพิ่มความน่าเชื่อถือโดยการใช้ไลน์วิดีโอคอลมายังผู้เสียหาย สวมเครื่องแบบเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงบัตรประจำตัวข้าราชการ และสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนอยู่ที่สถานีตำรวจจริง ต่อมามิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ กระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีที่มิจฉาชีพเตรียมไว้ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้โทรศัพท์ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง รวมถึงวางมาตรการป้องกันสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชาผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ

การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง” ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า สิ่งแรกที่มิจฉาชีพมักใช้คือการสร้างความน่าเชื่อถือ ใช้จิตวิทยา เล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคน มีการเขียนบทสนทนาเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ เพื่อทำให้เหยื่อคล้อยตามหลงเชื่อ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การใช้ระบบตอบรับอัตโนมัติ IVR (Interactive Voice Response) หรือเทคโนโลยี Deepfake เป็นต้น เพราะฉะนั้นประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน ให้พึงระมัดระวังการรับสายโทรศัพท์หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมายเลขที่โทรมาจากต่างประเทศ ปัจจุบันจะมีเครื่องหมาย+697 ให้ท่านตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก หลงเชื่อง่ายๆ และอย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลเลขบัตรต่างๆ รหัสใช้ครั้งเดียว หรือ One Time Password (OTP) กับผู้ใดโดยเด็ดขาด

หนุ่มใหญ่ แต่งกายชุด ตร. เต็มยศ สร้างความน่าเชื่อถือ  หลอกขายวัวให้ชาวบ้าน เพื่อนำเงินไปเล่นพนัน

(14 มี.ค. 66) พ.ต.ท.วินัย โรจน์ณรงค์ สว.สส.สภ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจาก นายไพรัช อุณหะ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.ช่างเหล็ก อ.บางไทร ว่ามีนายตำรวจ ยศร้อยตำรวจโท มาขายวัวให้ โดยแต่งกายชุดตำรวจมาเต็มยศ ท่าทางมีพิรุธ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ พร้อมกับรายงาน พ.ต.อ.ธีรวุฒิ แสงมณี รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ทราบ และไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบชายแต่งกายชุดตำรวจ ติดป้ายชื่อและเครื่องหมาย ยศ ร.ต.ท.วุฒิศักดิ์ พิทักษ์จันทร์อิ่ม กำลังนั่งพูดคุยกับเจ้าของบ้าน จึงขอตรวจสอบบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ แต่กลับพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้ สอบถามไปมาทราบว่า เป็นตำรวจปลอม จึงทำการจับกุม ก่อนนำไปตรวจค้นรถกระบะ พบอุปกรณ์ตำรวจ เสื้อ หมวก และป้ายชื่ออีกหลายคน และทะเบียนรถปลอมอีกหลายแผ่น จึงคุมตัวไปสอบสวน ทราบชื่อจริงคือ นายวุฒิศักดิ์ พิทักษ์จันทร์อิ่ม อายุ 58 ปี

ด้าน ผู้ใหญ่ไพรัช กล่าวว่า เมื่อวานช่วงเช้าขณะตนเลี้ยงวัวอยู่ที่บ้าน ชายคนนี้แต่งชุดตำรวจเอารูปวัวควาย เข้ามาเสนอขายในราคา 2.5 แสนบาท มีอยู่ 20 ตัว ถ้าตนเอาหมดจะลดให้ตัวละ 1,000 บาท แต่เอะใจว่ารูปภาพดูคุ้นๆ เหมือนภาพที่มีการส่งต่อกันในสายพ่อค้าวัว เมื่อสังเกตการแต่งกายคิดว่าไม่น่าจะใช่ตำรวจ จึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top