Friday, 20 June 2025
ตรึงราคาดีเซล

กองทุนน้ำมันฯ กลับมาชดเชยอีกครั้งในรอบ 6 เดือน หวังตรึงดีเซลไม่เกิน 33 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันโลกพุ่ง

(21 ม.ค.68) คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กลับมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้งในรอบ 6 เดือน หลังราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น ต้องชดเชยอยู่ 50 สตางค์ต่อลิตร เพื่อพยุงราคาจำหน่ายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ขณะที่เงินกองทุนน้ำมันฯ ยังติดลบรวม -73,545 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการติดลบต่ำสุดในรอบ 2 ปี

รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุดว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้งที่อัตรา 50 สตางค์ต่อลิตร (ยอดการใช้ดีเซลทั้งประเทศอยู่ที่ 66.66 ล้านลิตรต่อวัน) เนื่องจากราคาน้ำมันโลกผันผวนปรับตัวสูงขึ้น

ทั้งนี้กองทุนฯ ได้หยุดชดเชยราคาดีเซลมาตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. 2567 และเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ มาโดยตลอด และเคยเรียกเก็บเงินสูงสุดที่ 4.20 บาทต่อลิตร ขณะที่มาตรการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 33 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ 31 ต.ค. 2567 แล้ว ดังนั้นในขณะนี้ กบน. จึงทำหน้าที่พิจารณาราคาดีเซลเอง โดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯ บริหารจัดการราคาจำหน่ายปลีกภายในประเทศ

อย่างไรก็ตามการกลับมาชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกครั้ง เนื่องจาก กบน. ยังคงพยายามไม่ให้ราคาดีเซลสูงขึ้นเกิน 33 บาทต่อลิตร โดยปัจจุบัน (20 ม.ค. 2568) ราคาดีเซลขายปลีกอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้หากไม่ชดเชยราคาดีเซลอาจส่งผลให้ต้องปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกเกิน 33 บาทต่อลิตรได้ เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น

ล่าสุดราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 20 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 80.74 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.67 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 77.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.03 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 80.56 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 0.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล    

ส่งผลให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 20 ม.ค. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 4.08 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.15 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.23 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.93 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 7.64 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.60 บาทต่อลิตร  โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-20 ม.ค. 2568 อยู่ที่ 2.21 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)

ดังนั้น หากค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันสูงเกินควร ทาง กบน. อาจพิจารณากลับมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ อีกครั้งก็ได้

สำหรับปัจจุบัน กบน. ได้เรียกเก็บเงินเฉพาะผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน และดีเซลเกรดพรีเมียม ส่งเข้ากองทุนฯ ดังนี้ ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ส่งเข้ากองทุนฯ 10.68 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 ส่งเข้าถึง 4.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ส่งเข้า 2.61 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งเข้า 1.16 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียม เรียกเก็บ 1.50 บาทต่อลิตร

ส่วนสถานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงล่าสุด ณ วันที่ 19 ม.ค. 2568 ปรากฏว่า เงินกองทุนฯ ติดลบลดลงต่อเนื่องเหลือ -73,545 ล้านบาท ซึ่งมาจากบัญชีน้ำมันติดลบน้อยลงเหลือ -26,876 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบเหลือ -46,669 ล้านบาท และยังนับเป็นยอดเงินติดลบต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีอยู่

กบน. ตรึงราคาหน้าปั๊ม - ลดเก็บเงินดีเซล 70 สต./ลิตร ลดผลกระทบประชาชนจากความขัดแย้งตะวันออกกลาง

(19 มิ.ย.68) นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพิลง (กบน.) ในการประชุมวันนี้ มีมติปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันดีเซลลงอีก 70 สตางค์/ลิตร เพื่อช่วยพยุงราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการไม่ให้ปรับขึ้นราคา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

มติดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 75.52 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 93.98 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 87.49 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มขึ้นตาม 

การลดอัตราเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ส่งผลให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันดีเซล ลดลงประมาณวันละ 43.50 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 62.97 ล้านบาท เหลือรายรับประมาณวันละ 19.47 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และอยู่ที่ประมาณวันละ 72.88 ล้านบาทเท่าเดิม (รายละเอียดในตาราง)

นายพรชัย กล่าวว่า “การดำเนินมาตรการในครั้งนี้สะท้อนถึงความพร้อมของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารจัดการและดูแลเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับประชาชน โดยใช้กลไกการจัดเก็บของอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยพยุงราคาน้ำมันให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดย กบน.จะติดตามสถานการณ์พลังงานอย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับเปลี่ยนมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อดูแลภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนอย่างรอบด้าน และมีประสิทธิภาพ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top