Friday, 18 April 2025
ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ

‘ก้าวไกล’ ถาม มท.1 ช่วยครูพี่เลี้ยงถึงไหนแล้ว ยืนยัน หากตั้งใจ ‘ช่วยเหลือ-แก้ไข’ ได้หมด

‘ณัฐพงษ์-ก้าวไกล’ ตามเงินค่าอาหารเด็กเล็ก แม้จะดีใจเพิ่มจาก 20 เป็น 32 บาท แต่ความคืบหน้าการจ้างงานครู งบประมาณดูแลต่อหัวของเด็กเล็กไปจนถึงเรื่องอาคารสถานที่ต้องดีขึ้น หวังครูพี่เลี้ยงได้รับสิทธิสวัสดิการดูแลอย่างเหมาะสม

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.เขตบางแค พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สอบถามรัฐมนตรีมหาดไทยกรณีเงินค่าอาหารกลางวันเด็กและความคืบหน้ากรณีอื่นๆ โดยเฉพาะบุคลากรของศูนย์พัฒนาเด็กในกรุงเทพ ณัฐพงษ์ เริ่มต้นอภิปราย โดยทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารกลางวันเด็ก ค่าจ้างครูพี่เลี้ยง และงบประมาณสำหรับพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กเล็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในกรุงเทพ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางมาตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ตนเองจึงต้องการสอบถามและติดตามความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยที่มาที่ไปของเรื่องนี้ คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในกทม. ยังคงมีปัญหาเรื่องของครูพี่เลี้ยง ปัจจุบันสถานะการจ้างงานยังคงเป็นครูอาสาอยู่ ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยได้ตอบคำถามไปแล้ว โดยตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา หลังจากตั้งคำถามไปแล้ว ได้มีการยกสถานะจากครูอาสาไปเป็นลูกจ้างหรือสถานะที่ทำให้ครูอาสาได้รับสวัสดิการ ลาป่วย ได้อย่างไรแล้ว

ประเด็นที่สองที่ณัฐพงษ์ถามต่อ คือเรื่องของเงินอุดหนุน เบี้ยอาหารกลางวันเด็ก ณ ขณะที่ตนตั้งกระทู้ถามในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่าน เป็นช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ค่าอาหารกลางวันขณะนั้นอยู่ที่ 20 บาท ก่อนจะปรับแนวนโยบายโดยผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่ปรับค่าอาหารกลางวันเป็น 32 บาท แต่นอกจากเรื่องดังกล่าว ยังมีเงินอุดหนุนรายหัว เช่น สื่อพัฒนาการเรียนการสอน จึงอยากสอบถามความคืบหน้า ว่ารัฐมนตรีมหาดไทยได้มีการปรึกษาหารือกับทีมผู้ว่าฯ อย่างไร

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ว่าที่ รมว.ดีอีเอส ประกาศลั่น 100 วันแรกทำทันที ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม Fake News

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (เท้ง) ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประกาศวิสัยทัศน์ในฐานะแคนดิเดต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผ่านคลิปความยาวกว่า 8 นาทีบนเพจ เฟซบุ๊กก้าวไกล อารัมภบทวิสัยทัศน์และสิ่งที่อยากทำที่กระทรวงดีอีเอส โดยมีคำพูดขุดรากถอนโคนอย่าง “100 วันแรกทำทันที ยุบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti–Fake News Center)” 

เมื่อผู้สื่อข่าว นำประเด็นนี้ไปพูดคุยกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ในฐานะผู้ที่ลุยทำงาน ปราบปรามเว็บไซต์ สื่อออนไลน์ ที่หลอกลวงพี่น้องประชาชน โดยนายชัยวุฒิ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า   “จะยุบทำไม รัฐบาลมีหน้าที่ตรวจสอบและแจ้งให้ประชาชนทราบ ศูนย์เฟกนิวส์มีประโยชน์และอยู่มาได้ถึง 3 ปีแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้ยุบ คนที่อยากยุบ คุณคิดว่าเป็นใครล่ะ ก็คนที่ปล่อยเฟกนิวส์ละมั้ง 5555” นายชัยวุฒิกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยท่าทีสุขุม

'เทพไท' ชี้!! ‘เท้ง’ เด่นไม่เท่า ‘พิธา-ไหม-ไอติม’ หลังผลโพลบุคคลตามหลัง ’นายกฯ อิ๊งค์’ ห่าง

(30 ก.ย. 67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เทพไท-คุยการเมือง’ หัวข้อ ทำไม ‘อุ๊งอิ๊ง’ โดดเด่นกว่า ‘เท้ง’ ระบุว่า…

ผลสำรวจของ ‘นิด้าโพล’ เรื่อง ‘การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2567’ ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 กันยายน 2567 นั้น ผลปรากฏว่า 

อันดับ 1 ร้อยละ 31.35 เป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) 
อันดับ 2 ร้อยละ 23.50 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 
อันดับ 3 ร้อยละ 22.90 เป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) 
อันดับ 4 ร้อยละ 8.65 เป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) 
อันดับ 5 ร้อยละ 4.80 เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย)

แต่ผลการสำรวจความนิยมของพรรคการเมือง พบว่า…
อันดับ 1 ร้อยละ 34.25 เป็น พรรคประชาชน 
อันดับ 2 ร้อยละ 27.15 เป็น พรรคเพื่อไทย 
อันดับ 3 ร้อยละ 15.10 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 
อันดับ 4 ร้อยละ 9.95 เป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ 
อันดับ 5 ร้อยละ 4.40 เป็น พรรคประชาธิปัตย์

จะเห็นได้ว่าคะแนนนิยมตัวบุคคล นางสาวแพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีคะแนนอันดับ 1 ชนะนายณัฐพงศ์ หัวหน้าพรรคประชาชน อยู่อันดับ 3 และยังมีคะแนนเสียงที่ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้ 23.50% ซึ่งจะตัวแปรสำคัญ ทั้งนางสาวแพทองธารและนายณัฐพงษ์สามารถช่วงชิงได้ แต่ถ้านายณัฐพงษ์ พัฒนาตัวเองให้เร็วขึ้น น่าจะมีโอกาสช่วงชิงคะแนนกลุ่มนี้ได้มากกว่า

แต่ถ้าดูผลการสำรวจเกี่ยวกับพรรคการเมือง พบว่า ความนิยมของพรรคประชาชน เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย ถ้าถามว่าทำไมคะแนนนิยมตัวบุคคลและพรรคการเมืองไม่มีความสัมพันธ์กัน

ผมอยากจะวิเคราะห์ว่า การที่คะแนนของนางสาวแพทองธาร โดดเด่นขึ้นมา เพราะความเป็นนายกรัฐมนตรีส่วนหนึ่ง แต่ส่วนสำคัญก็คือไม่มีตัวบุคคลโดดเด่นพอที่จะเทียบเคียงกับนางสาวแพทองธารได้ เพราะนายณัฐพงษ์ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนคนใหม่ ก็ยังไม่มีบทบาทโดดเด่นและภาพลักษณ์ยังไม่เป็นที่นิยมของประชาชน ถ้าเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งดูจากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพลพบว่า นายพิธา มีคะแนนนิยม 38.43% สูงกว่านายณัฐพงษ์ ที่ได้ 34.10%

ในส่วนของพรรคการเมืองนั้น พรรคประชาชนยังมีคะแนนนิยมชนะพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม เพราะจุดยืนและอุดมการณ์พรรคได้สืบทอดมาจากพรรคก้าวไกล ไม่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้คะแนนนิยมยังไม่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

สิ่งที่พรรคประชาชน จะต้องพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขนั่นก็คือ บทบาทของนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ให้เป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยมของประชาชน บทบาททางการเมืองต้องโดดเด่นกว่านี้ ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับบทบาทของคนในพรรคประชาชน เห็นว่านายณัฐพงษ์ ยังโดดเด่นน้อยกว่านายพิธา นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล หรือนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ด้วยซ้ำไป

จึงเป็นปัญหาสำคัญที่พรรคประชาชน จะต้องขบคิดว่าจะทำอย่างไร ให้บทบาทของหัวหน้าพรรค โดดเด่นควบคู่กับคะแนนนิยมของพรรคในทิศทางเดียวกัน

‘เท้ง-ณัฐพงษ์’ รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘ผู้นำฝ่ายค้านฯ’ ลั่น!! จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

‘ณัฐพงษ์’ รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ‘ผู้นำฝ่ายค้านฯ’ ลั่น จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่-พร้อมสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน แม้รัฐบาลเสนอก็ตาม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม ที่รัฐสภา มีพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 สส.พรรค ปชน. รวมถึงข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ร่วมพิธีดังกล่าว และร่วมแสดงความยินดี ทั้งนี้ นายภราดรได้มอบแจกันดอกไม้แสดงความยินดีให้กับนายณัฐพงษ์ 

ภายหลังพิธี นายณัฐพงษ์ แถลงว่า ขอบคุณที่ทุกคนให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จากนี้ตนจะหารือกับพรรคฝ่ายค้านถึงการทำงานในสภาฯ และทำหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาลโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ตรงไปตรงมาที่สุดให้คุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชน ให้สมกับที่ประชาชนเลือกมาไม่ว่าเราจะทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านก็ตาม 

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เราพร้อมเดินหน้าเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน และร่วมพร้อมสนับสนุนกฎหมายที่เป็นประโยชน์แม้จะมาจากฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายไหนก็ตาม ตราบใดที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ พรรค ปชน. และพรรคร่วมฝ่ายค้านเราจะหารือกันภายในวิปฝ่ายค้านเพื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว

”แม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตย หลังจากนี้การทำงานในสภาผู้แทนราษฎรจะครบถ้วนสมบูรณ์ ในฐานะที่วันนี้ผมได้รับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ ก็จะขอทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่“ นายณัฐพงษ์ กล่าว

‘ลอรี่‘ สวน ‘เท้ง’ ศึกษาให้ดีก่อนโบ้ยรัฐบาลปล่อยประ ย้ำ ก.อุตฯ ลดอ้อยเผา - ลด PM 2.5 ได้มากสุดใน ประวัติศาสตร์

(23 ม.ค. 68) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีมีการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน รัฐบาลปล่อยปละให้มีการเผาพื้นที่เกษตรมากกว่าปีไหนๆ อันเป็นสาเหตุให้เกิด PM2.5 ว่า 

ในฐานะที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลพืชอ้อยผ่านการกำกับดูแลโรงงานน้ำตาลนั้น นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการทุกมาตรการในอำนาจหน้าที่เพื่อลดการเผาอ้อยอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะการปิดหีบอ้อย ช่วงเทศกาลปีใหม่, หยุดรับอ้อยเผาสัปดาห์วันเด็ก, ปิดโรงงานน้ำตาล ที่ก่อให้เกิดความอันตราย ทำให้สัดส่วนของอ้อยเผาต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ อยู่ที่ 17.83% เท่านั้นจากในช่วง 5 ปีก่อนมีสัดส่วนอ้อยเผาถึง 61.1% จึงไม่ใช่อย่างที่มีการกล่าวอ้างว่าพืชทุกชนิดมีการเผาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพืชอ้อยมีสัดส่วนการเผาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ 

สำหรับมาตรการสนับสนุนอ้อยสดจากทางคณะรัฐมนตรีนั้น ขอเรียนว่าเนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรมได้ตระหนักถึงปัญหาการเผาซึ่งก่อให้เกิด PM2.5 จึงได้มีการส่งเรื่องไปถึง ครม. ก่อนฤดูกาลเปิดหีบที่จะรับซื้ออ้อยเข้าโรงงาน ในขณะนี้ยังอยู่ในกรอบระยะเวลาของการพิจารณาซึ่งไม่ได้ล่าช้าแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเที่ยบกับปี 2563-2565 ที่มีการอนุมัติในช่วงเดือนมิถุนายน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่มีช่วงเวลาให้เกษตรกรผูปลูกอ้อยได้มีการเตรียมความพร้อม

นอกจากมาตรการสนับสนุนอ้อยสดที่ได้เสนอให้ทาง ครม. พิจารณาแล้ว ทางกระทรวงอุตสาหกรรมยังได้เพิ่มเติมการสนับสนุนใบอ้อยด้วย เพื่อลดการเผาอ้อยอย่างครบวงจร 

จึงขอเรียนไปยังประชาชนเพื่อให้รับรู้รับทราบข้อมูลอย่างรอบด้านต่อไป เพื่อมิให้ข้อมูลที่ขาดเคลื่อนส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล ที่ทุกภาคส่วนต่างร่วมมือร่วมแรงอย่างเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาการเผาอ้อย

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ลั่น!! ‘พรรคประชาชน’ ชนะเลือกตั้งปี 70 ได้แน่ ยัน!! สมัยนี้ ไม่ไปร่วมรัฐบาล ย้ำ!! มีข้อมูลแน่น พร้อมอภิปราย

(23 ก.พ. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน ร่วมบรรยายในหัวข้อ "การเมืองไทย ในทรรศนะ เท้ง-ณัฐพงษ์" ว่า วันนี้พูดคุยหัวข้อการขับเคลื่อนงานทางการเมือง โดยเฉพาะที่มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รวมถึงเตรียมพูดเกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานทางการเมืองของพรรคประชาชนและผลงานช่วงที่ผ่านมานับจากพรรคก้าวไกลถูกยุบจนถึงปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของสมาชิกพรรคให้เดินทางต่อ ถึงความคืบหน้าในการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง เนื่องจากมีการข่มขู่ว่าหากเดินหน้าลงมติ จะมีการยื่นร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ  พร้อมกล่าวถึงกระบวนการคัดเลือก สว.ที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่าหากเป็นไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ชี้ว่ากระบวนการเลือก สว. ครั้งนี้ไม่โปร่งใส

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดเผยว่ามีการได้รับข้อมูลจากคนในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขอไม่เปิดเผยชื่อหรือรายละเอียด ซึ่งจะเป็นการคุ้มครองบุคคลดังกล่าว โดยชี้ประเด็นการอภิปรายไม่มั่นใจไปที่ความไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการแผ่นดิน และรอยร้าวของคนในพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาได้

ส่วนกรณี 44 สส.ถูกยื่นตรวจสอบจริยธรรม นายณัฐพงษ์เปรียบ “หยักไหล่” แล้วเดินหน้าทำงานฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป เชื่อว่าทุกคนไม่มีข้อกังวลใจว่าจะหลุดหรือไม่หลุดจากตำแหน่ง เพราะหากมีความกังวลการเดินหน้างานในสภาผู้แทนราษฎรจะหยุดชะงักลง ทุกการกระทำและการแสดงออกสะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้กังวลใจในส่วนนี้ และไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครจะต้องโดน

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการที่ปรับวิธีการสื่อสารเกี่ยวกับนโยบายของพรรคว่า ไม่ได้หมายความว่าจะสูญเสียหลักการ หรือทำให้หลักการน้อยลง แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาต้องทำการบ้านหนักเรื่องการสื่อสารกับฝ่ายเห็นต่าง ซึ่งในวันอังคารที่ 25 ก.พ.นี้พรรคประชาชนจะเปิดแคมเปญ รับสมัคร สก. เปิดสนามเลือกตั้ง กทม. ส่วนบุคคลที่จะส่งชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย

"เชื่อว่าจุดแข็งของพรรคประชาชนมี สส.ในสภาฯ ทำให้ผลักดันวาระต่างๆได้ พร้อมวิเคราะห์จุดแข็งของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ว่ามีความตั้งใจทำงาน แต่สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือการแก้ไขปัญหาฝุ่นPM2.5" นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาชนยังตั้งใจทำงานในการเลือกตั้งปี 2570 เชื่อว่าชนะการเลือกตั้งได้ ถ้าชนะเลือกตั้งมาแล้วกลุ่มชนชั้นนำจะยอมให้เป็นรัฐบาลหรือไม่ไม่สามารถตอบได้แต่หน้าที่ขณะนี้คือเดินหน้าต่ออย่างเต็มที่ โดยหยิบยกคำพูดของนายปิยบุตร แสงกนกกุล  อดีตเลขาฯพรรคอนาคตใหม่ กล่าวไว้ว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง เพื่อนำใบอนุญาตใบที่1 ในการรัฐบาลให้ได้ก่อน และประกาศชัดเจนในสมัยรัฐบาลชุดนี้ไม่ไปร่วมรัฐบาลแน่นอน

“สิ่งที่เกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศเสียเวลาไปเยอะ โดยเฉพาะการสลับขั้วการเมืองไปมา แต่สิ่งที่จะทำให้ผลักดันนโยบายเชิงโครงสร้างอย่างแรกหนีไม่พ้นการได้เสียงจากประชาชนเกิน 20 นั้นเสียงเพื่อทำให้มีพลังมากพอที่จะผลักดันวาระต่างๆได้ ดังนั้นในสภาสมัยนี้ไม่มีวันไปร่วมรัฐบาลแน่นอน และมั่นใจว่าเพื่อนที่ร่วมเดินทางมาไม่มีใครย้ายค่าย ตอนที่ยุบพรรคอนาอนาคตใหม่มาก้าวไกลทุกคนมาด้วยกันทุกคน“ นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าอยู่ที่ข้างหน้าพรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศจุดยืนตัวเองอย่างไร และจุดยืนแต่ละพรรคการเมือง ยกตัวอย่างครั้งหน้าว่าหากจำเป็นต้องจับมือกับพรรคร่วม ต้องลงนามMOU การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอยู่ในวาระตกลง  ส่วนโอกาสการยุบสภานั้นชี้ว่าอยู่ที่รอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลเอง หากเกิดเอ็กซิเดนท์ทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีโอกาสยุบสภาสูง

ช่วงท้าย นายณัฐพงษ์ ได้เปิดใจถึงเรื่องส่วนตัวแบบไม่เคยพูดที่ไหน  ยอมรับว่าเป็นคนพูดน้อย เซฟโซนที่สุดคืออยู่บ้าน กับครอบครัว กับภรรยา อยู่เฉยๆ ถ้าอยู่เฉยๆ แล้วไม่ได้พูดอะไร ขอให้รู้ไว้ว่าเป็นการสื่อสารรูปแบบหนึ่ง ตอนที่มีชื่อเสนอเป็นหัวหน้าพรรค ก็ปรึกษาภรรยา ภรรยาก็บอกว่าทำได้ วันหนึ่งถ้าไม่รับอาจจะเสียใจหรือไม่

นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า ตนและภรรยายังไม่อยากมีลูก เพราะคุยกับภรรยาแล้วว่ามีแล้ว ในสังคมของเรา ถือว่ามีแล้วลำบาก ไม่ใช่เพราะฐานะเราไม่สามารถมีได้ แต่ไม่อยากส่งลูกไปเรียนพิเศษ อยากให้ใช้ชีวิตธรรมดา เพราะเราเองก็เรียนโรงเรียนรัฐบาล อยากให้มีสังคมตามความเป็นอยู่ที่แท้จริง

นอกจากนี้ สส.กทม.พรรคประชาชน ยังอัพเดทงานช่วง 1 ปีครึ่ง นำโดยนางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, นายภูริวรรธก์ ใจสําราญ, นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ และนางสาวรักชนก ศรีนอก เช่น การขับเคลื่อนแก้ปัญหาฝุ่นPM2.5 ที่เคยเสนอญัตติด่วนเพื่อเสนแแนะแนวทางแก้ปัญหาต่อรัฐบาลแล้ว ,ปัญหาเรื่องผังเมืองสืบเนื่องถึงปัญหาการจราจรติดจัด ที่หารือสำนักจราจร กทม. ซึ่งหวังว่าจะมีการนำระบบ AI มาใช้แก้ปัญหา และเสนอการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการแก้ไขปัญหาโดยตรง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top