Saturday, 20 April 2024
ช่วยประชาชน

'กรณ์' ชู 'กล้าฟื้นชีวิต' พักจ่ายต้น-ลดดอก-แขวนค่าปรับ' วอน!! 'รักษาการนายกฯ-ครม.' ทำได้ทันที ไม่ต้องใช้งบฯ

'กรณ์' เสนอ 'รักษาการนายกฯ' ประชุม ครม. นัดแรก เร่งออกมาตรการช่วยแก้หนี้ 13 ล้านบัญชี ติดหนี้ช่วงโควิด กลายเป็นหนี้เสียหลายล้านบัญชีแล้ว เสนอมาตรการ 'กล้าฟื้นชีวิต' พักชำระเงินต้น - ลดดอกเบี้ย - แขวนค่าปรับ - แคชแบ็ค ย้ำ ครม. ทำได้ทันที ไม่ต้องใช้งบประมาณ

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวด่วนถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของรักษาการนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยขอให้เร่งตัดสินใจแก้ไขปัญหาหนี้ 13 ล้านบัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้นช่วง 2 ปีที่โควิดระบาด โดย 3 ล้านบัญชีกลายเป็นหนี้เสีย ติดแบล็กลิสต์กับเครดิตบูโรแล้ว และอีก 10 ล้านบัญชีสุ่มเสี่ยงที่จะกลายเป็นหนี้เสียในอนาคต ทั้งหมดครอบคลุมคนประมาณ 7-8 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 5 ของประชากรวัยทำงาน ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่หมดโอกาสทางเศรษฐกิจ หมดโอกาสจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่รัฐต้องเร่งมีมาตรการช่วยเหลือโดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะมีหนี้เสียเพิ่มอีกเป็นล้านบัญชี

อนุสรณ์ อัด!! สัญญาค่าแรงขั้นต่ำ 425 รัฐทำไม่ได้ เป็นการตระบัดสัตย์ หลอกประชาชนหวังผลคะแนน

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี มติคณะกรรมการค่าจ้างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2565 ชลบุรี, ระยอง, ภูเก็ต ค่าแรง 354 บาทต่อวัน ส่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้, น่าน และอุดรธานี ถูกสุด 328 บาทต่อวัน ว่า พรรคพลังประชารัฐที่ตอนนี้มีหัวหน้าพรรคเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี รู้สึกอย่างไร ที่นโยบายหาเสียงเป็นสัญญาประชาคมกับประชาชน ไม่สามารถทำได้ตามสัญญาทั้งที่มีอำนาจล้นมือ ถือเป็นการตระบัดสัตย์ หลอกลวง เพื่อหวังผลคะแนนตอนเลือกตั้งหรือไม่ 

ตอนหาเสียงบอกว่าจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท เท่ากันทั่วประเทศ พอมาเป็นรัฐบาลปรับแต่ละครั้งกะปริบกะปรอย แต่ละพื้นที่ก็ปรับไม่เท่ากัน ซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำ จนปลายอายุรัฐบาล จังหวัดที่ได้มากที่สุดก็ยังห่างไกลจาก 425 บาทที่หาเสียงอยู่มาก แทนที่จะพูดในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่พูด กลับพูดแล้วไม่ทำ และอาจเตรียมไปพูดโม้ใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เกียรติภูมิของความเป็นพรรคการเมืองแทบไม่เหลือ กกต.จะดำเนินการอย่างไร ถ้าพรรคการเมืองไปหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำ แล้วไม่เกิดผลอะไรทางกฎหมาย ต่อไปพรรคไหนอยากพูดอะไร อยากสัญญาอะไร พอทำไม่ได้ก็ไม่มีความผิด ไม่ต้องรับผิดชอบ กลายเป็นเพียงคำสัญญาที่ว่างเปล่าหลอกลวงประชาชน นโยบายที่ใช้หาเสียงแล้วทำไม่ได้ควรมีราคาที่ต้องจ่าย จะยุบพรรคหรือถูกลงโทษอย่างไรก็ควรต้องมีบรรทัดฐาน 

‘ยุทธพงศ์’ ชี้!! ปชช. มีรายรับไม่พอกับรายจ่าย เชื่อ!! นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ช่วยแก้ปัญหาถูกจุด

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2565 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท และมีการวิจารณ์อาจทำให้นักลงทุนไปต่อไม่ไหว ว่า ปัจจุบันทานอาหารหนึ่งมื้อแค่ในพื้นที่ต่างจังหวัด อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เฉลี่ย 50 บาทต่อจาน ยังไม่รวมค่าใช้ค่าอื่น ๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าน้ำมัน และค่าส่งเสียบุตรหลาน สะท้อนให้เห็นว่าหากไม่มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำชาวบ้านจะอยู่ไม่ได้ จึงเป็นที่มาของนโยบายพรรคเพื่อไทย​ ว่า ภายในปี 70 ค่าแรงขั้นต่ำต้องไปถึง 600 บาท

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บริหารประเทศ 8 ปี ชาวบ้านมีแต่หนี้สิน 

ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ ถามว่า ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะเอาเงินมาจากไหนนั้น พร้อมขอถามกลับว่า แค่จะช่วยชาวบ้านบอกไม่มีเงิน แต่มีเงินไปซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ แถมเรือดำน้ำลำแรกมีปัญหาเรื่องเครื่องยนต์ที่จีนไม่มีเครื่องยนต์ MTU ของประเทศเยอรมันมาติดตั้งให้ ก็ยังไม่ยอมยกเลิกสัญญาเลย ล่าสุด​ จะมีการซื้อเครื่องบินรบ F-35 A ลำละ 5 พันล้านบาทมาอีกฝูง แบบนี้ทำไมถึงมีเงินแล้วเงินช่วยชาวบ้านทำไมไม่มี

‘พาณิชย์’ ดึงเอกชน จัดมหกรรมลดราคาสินค้า 1.5 แสนรายการ หวังช่วยลดค่าครองชีพ ปชช. - กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมขยายตัว

(2 ต.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดทั้งในส่วนกลางและผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นผู้จัดจำหน่ายสินค้า 288 ราย เตรียมจัดมหกรรมลดราคาสินค้า 151,676 รายการ สูงสุด 87% เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยกระทรวงพาณิชย์มองว่าการลดราคาสินค้าครั้งนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมขยายตัวได้ถึง 5%

สำหรับสินค้าที่จะนำมาร่วมลดราคา ประกอบด้วยสินค้า 3 กลุ่ม คือสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ อาหารและเครื่องดื่ม 3,058 รายการ ลดราคาสูงสุด 87% สินค้าของใช้ประจำวัน 8,290 รายการ ลดราคาสูงสุด 80% สินค้าวัสดุทางการเกษตร 198 รายการ ราคาสูงสุด 40% กลุ่มบริการ ประกอบด้วยบริการที่เกี่ยวกับยานยนต์ 123 รายการ ราคาสูงสุด 50% บริการทางการแพทย์ 140,000 รายการ ลดราคาสูงสุด 20% บริการเกี่ยวกับผ้าขนส่ง 7 รายการ ลดราคาสูงสุด 9%

และกลุ่มสินค้าแพลตฟอร์มออนไลน์แบ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ด้านอาหารหรือ food delivery ลดสูงสุด 60% และแพลตฟอร์มออนไลน์อีคอมเมิร์ซลดสูงสุด 80% และแต่ละแพลตฟอร์มแจกโค้ดส่วนลดใช้สั่งอาหารและซื้อสินค้าออนไลน์ รวม 1,012,000 รายการ เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“จากการหารือกับผู้ประกอบการกระทรวงพาณิชย์จะมีนโยบายใช้มาตรการในการสร้างสมดุลในการดูแลราคาสินค้า ทิศทางการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ก็คือจะหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย หากผู้ประกอบการรายใดที่เข้ามาช่วยลดราคาแล้วประสบปัญหาเรื่องกฎระเบียบที่ค้างคาหรือมีอะไรติดขัดก็ให้อธิบดีกรมการค้าภายในนัดหารือ”

สำหรับต้นทุนการผลิตสินค้าโดยเฉพาะการปรับลดราคาพลังงานทั้งน้ำมันและไฟฟ้ามีผลกับต้นทุนการผลิตสินค้าลดลงไม่มาก มันปรับลดราคาครั้งนี้จะมีส่วนเสริมช่วยให้ห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้นเศรษฐกิจเติบโตตามเป้าหมายและในที่สุดทุกคนก็จะดีขึ้น

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การลดราคาเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายในส่วนของผู้บริโภค ประชาชนได้รับอานิสงส์ยังไม่เห็นผลกระทบที่มีนัยสำคัญ

ส่วนผลกระทบต่อเงินเฟ้อในไตรมาส 4 จะมีการประเมินหลังจากนี้เพราะจำนวนสินค้าที่นำมาลดราคาครั้งนี้ในคิดเป็น 70-80 เปอร์เซ็นต์ของรายการสินค้าทั้งหมด น่าจะมีผลตั้งแต่เดือนถัดไป

นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่าในส่วนของสินค้าปุ๋ยมีการปรับลดราคา 8% ซึ่งภาคเอกชนมองว่าการลดราคาจะช่วยให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยดูแลในเรื่องของปัญหาอุปสรรคของภาคเอกชนด้วยนับว่าเป็นรัฐบาลแรกจากที่ผมอยู่ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนการผลิตมามากซองละ 7 บาทประกอบไปด้วยต้นทุนหลายอย่างทั้งแป้งสาลีน้ำมันปาล์มค่าเดินทางค่าไฟค่าคนค่าห้างสรรพสินค้า แต่ทางมาม่าก็พร้อมที่จะลดราคาเพราะหากทุกฝ่ายช่วยกันลดก็ทำให้ต้นทุนโดยเฉลี่ยลดลงได้

กำลังซื้อในช่วงหลังเลือกตั้งชะลอตัวแต่คาดว่า 3 เดือนหลังจากนี้เมื่อมีการออกมาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆก็จะช่วยให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ส่วนการขึ้นค่าแรงมองว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่จะส่งผลดีกับแรงงานที่จะมีรายได้มากขึ้น และจะทำให้มีการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตข้าวถุงไทย เผยว่ากลุ่มผู้ประกอบการเข้าถุงมีการปรับลดราคาประมาณ 20-30% ในส่วนของข้าวหอมมะลิซึ่งมองว่าผลผลิตในปีนี้น่าจะได้รับผลดีจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นมาก ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่ชอบน้ำแต่ในส่วนของข้าวขาวก็ยังต้องรอดูประเมินสถานการณ์อีกระยะหนึ่งเพราะว่ามีการสั่งซื้อเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม มองว่าเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ 8 ล้านตันสามารถทำได้

สำหรับผู้ประกอบการ 288 ราย ประกอบด้วย ผู้ผลิตสินค้า ของกินของใช้จำเป็น รวม 88 ราย ผู้จำหน่าย ทั้งห้างโมเดิร์นเทรด ห้างท้องถิ่น และห้างขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและอุปกรณ์ช่าง รวม 83 ราย ผู้ให้บริการ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการรถยนต์ และบริษัทขนส่งสินค้า/พัสดุ รวม 110 ราย แพลตฟอร์ม 7 ราย

‘ดร.หิมาลัย’ พร้อม ‘สส.สัญญา-สุรชาติ’ ลงพื้นที่บรรเทาทุกข์ ปชช. มอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน จ.นครสวรรค์-พิจิตร

จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดพิจิตร โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก พร้อมมอบให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้น

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 66 น.ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) พร้อมด้วย นายสัญญา นิลสุพรรณ สส.เขต 3 นครสวรรค์/ประธานคณะ กมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน รวมทั้ง นายสุรชาติ ศรีบุศกร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และ น.อ.ชัยสม ร่มโพธิ์ทอง พร้อมคณะศิษย์เก่าโรงเรียนนครสวรรค์ ร่วมลงพื้นที่ ณ วัดบางไซ ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่ ต.พิกุล ต.พันลาน และ ต.หนองกระเจา อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ จำนวน 574 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

จากนั้น ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ร่วมเดินทางไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลบางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ เพื่อพบปะพูดคุยให้กำลังใจกับพี่น้องประชานชน ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางเคียน ต.ทำไม้ และ ต.โคกหม้อ อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ พร้อมมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง จำนวน 842 ชุด ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

โดยมี นายสุวัฒน์ จันทร์สุข ปลัดจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยโท อุทิศ คงรอด นายอำเภอชุมแสง, สจ.กัลย์ชพร รอดบำรุง, สจ.ไพฑูรย์ อินทร์นาง, นายสุพัฒน์ กันสุข นายกอบต.หนองกระเจา, นายสนอง วงษ์ละม้าย นายกอบต.พิกุล, นายงาม แสนมุข นายกอบต.พันลาน, นายสุทัศน์ สิงห์กวาง นายกอบต.ฆะมัง, นายวิรัติ เหมันต์ กำนันตำบลพิกุล, นายจักรพงษ์ เพ่งผล นายกอบต.บางเคียน, นางสาวศิริ ยิ้มสาระ นายกอบต.ท่าไม้, นายสิริชัย ศรีสิทธิการ นายกอบต.โคกหม้อ, นายอำนาจ บุญเกษม กำนันตำบลท่าไม้ พร้อมพี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบ

ต่อมา ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางยัง วัดบางลายใต้ ต.บางลาย อ.บังนาราง จ.พิจิตร เพื่อมอบถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร อีกจำนวน 520 ชุด

โดยมี นายธงชัย ขิมมากทอง นายอำเภอบึงนาราง,นายมนัส ชมพูพื้น ปลัดอาวุโสอำเภอบึงนาราง พร้อมด้วย ผู้นำท้องท้องถิ่น นำโดย นายจักรัตน์ จันทโรทัย สจ.เขต 2 อ.บึงนาราง, นายธรรมนูญ เทศอินทร์ ประธานชมรม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อ.บึงนาราง, คุณภัทราภรณ์ จันทโรทัย รองนายก อบต.บางลาย, พ.ต.ท มานิตย์ จิตรเอก สว.สภ.บางลาย, นายวิรัตน์ สุขเหม กำนันตำบลบึงนาราง, นายชุติชัย ตังสุวรรณ์ กำนันตำบลท้ายน้ำ, นายสุพจน์ อ่อนเนียม กำนันตำบลโพทะเล พร้อมพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับและร่วมรับมอบครั้งนี้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top