Sunday, 20 April 2025
ชูศักดิ์ศิรินิล

'ชูศักดิ์' ชี้!! ส.ส.ย้ายพรรคพร้อมกัน 'ตามใบสั่ง' ศรัทธาพรรคการเมืองวูบ ในสายตาประชาชน

(16 ธ.ค. 65) นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีส.ส.ลาออกและย้ายพรรคพร้อมกันจำนวนมากเป็นประวัติการณ์แม้สภายังไม่หมดวาระว่า ที่ผ่านมาการย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ ส่วนใหญ่มักจะเกิดหลังยุบสภาหรือสภาหมดอายุ และเป็นรายคน มิใช่เป็นแบบกระบวนการ กรณีที่เกิดขึ้นเวลานี้ดูจะชัดเจนว่าการลาออกเพื่อไปสังกัดพรรคใหม่ เป็นไปตามคำสั่งของพรรคที่จะย้ายไป ทราบว่าเพื่อกันปัญหาการเป็นสมาชิกพรรค 90 วัน และเพื่อความชัวร์ว่าคุณมาแน่ การลาออกและย้ายพรรคกันเป็นล็อต 30-40 คน ชัดเจนว่าเกิดจากการวางแผนกันมา โดยไม่สนใจว่ายังมีภารกิจในฐานะตัวแทนประชาชนที่ต้องทำอยู่หรือไม่ ไม่สนใจว่าประชาชนเขาเลือกเรามาให้ทำหน้าที่ในสภามีระยะเวลาสี่ปี 

“ผมเป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนทางวินัยจรรยาบรรณ ส.ส.หลายคน ขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าที่มาที่ไป คือ เพราะได้ผลประโยชน์ ได้โครงการ ได้การดูแลที่พรรคเดิมไม่อาจให้ได้ หลายคนยอมเป็นงูเห่าถ้าจะขับก็ยินดี แถมบอกให้รีบขับเร็ว ๆ แสดงว่าจริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์อะไรทั้งสิ้น สภาพการเมืองเช่นนี้น่าห่วง ส่วนหนึ่งแสดงว่ารัฐธรรมนูญปราบโกงล้มเหลวสิ้นเชิง การปฏิรูปการเมืองตามรัฐธรรมนูญและนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ล้มเหลว การเมืองย้อนไปสู่ธนกิจการเมือง การเมืองแบบแจกกล้วย ดูแล้วคล้าย ๆ ก่อนยุครัฐธรรมนูญ 2540 ที่เป็นเหตุให้ตัองปฏิรูปการเมืองขนานใหญ่” นายชูศักดิ์ กล่าว

‘ชูศักดิ์’ ยกระเบียบ กกต. โต้นักกฎหมาย หลังชี้ช่องยุบ 'เพื่อไทย' ยัน!! ‘ณัฐวุฒิ’ ช่วยหาเสียงได้

(11 มี.ค. 66) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชนให้ความเห็นถึงกรณีที่พรรค พท.แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่อาจทำได้ และการติดป้ายหาเสียงของพรรค พท.มีแต่รูปน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยไม่มีนโยบายของพรรค พท.จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรคนั้น ว่าการให้ความเห็นในทางวิชาการนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องเคารพทุกความเห็น แต่ผู้ให้ความเห็นดังกล่าวควรศึกษาข้อกฎหมายให้ชัดเจนและต้องอยู่บนพื้นฐานของความไม่มีอคติด้วย กรณีการให้ความเห็นนั้นเห็นชัดเจนว่ามีความคลาดเคลื่อนจากข้อกฎหมายมาก โดยเฉพาะประเด็นดังนี้

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า 1.) กรณีที่อ้างว่า นายณัฐวุฒิ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองและถูกจำกัดสิทธิเลือกตั้งไม่อาจเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นผู้ช่วยหาเสียงตามระเบียบ กกต. กำหนดไว้เพียงว่าเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น สำหรับนายณัฐวุฒิ แม้จะถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามสมัครสมาชิกพรรคและห้ามสมัคร ส.ส. แต่ก็ยังคงเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค พท.ได้ และพรรคก็ได้แจ้งรายชื่อนายณัฐวุฒิ เป็นผู้ช่วยหาเสียงไว้แล้ว

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายณัฐวุฒิ ทำกิจกรรมทางการเมืองในนามของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทยก็ถือเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับการเผยแพร่นโยบายและกิจกรรมหาเสียงของพรรคอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่มีการกระทำใดของนายณัฐวุฒิ ที่จะถือเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค จนทำให้พรรคและสมาชิกพรรคขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเลย นอกจากนี้ คนทั่วไปก็รู้ว่านายณัฐวุฒิ เคยเป็นสมาชิกพรรค พท.มาก่อน การที่นายณัฐวุฒิ จะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับพรรคย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ในประเด็นนี้เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาให้ความเห็นยังไม่เข้าใจถ้อยคำและความหมายของคำว่าถูกตัดสิทธิทางการเมือง ถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง กับถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงได้ใช้ถ้อยคำปนเปกันไปหมด ซึ่งแม้นายณัฐวุฒิ เคยถูกจำคุกมาก่อนและยังไม่พ้น 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญจึงถือว่าเป็นบุคคลที่ต้องห้ามใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งรวมถึงห้ามเป็นสมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย แต่เขามิได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแต่อย่างใด จึงไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้และเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ผู้ที่ออกมาให้ความเห็นศึกษากฎหมายให้ดีเสียก่อน” นายชูศักดิ์ กล่าว

ลุ้น!! 'ชูศักดิ์ ศิรินิล' เข้าป้ายรัฐมนตรีแทน 'พิชิต ชื่นบาน' หลังทุ่มเทให้ค่ายนี้แบบสุดลิ่ม แค่ไม่มีถุงขนมให้ใคร

ไล่เช็กชื่อบุคคลในพรรคเพื่อไทยในเวลานี้คงไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่า รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ในการเข้าไปนั่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทน พิชิต ชื่นบาน ที่ลาออกไปด้วยเหตุผลถูก 40 สว.ลงชื่อกันให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และพิชิต ยอมเป็นม้าให้ขุนกิน

ชูศักดิ์จึงเหมาะสมยิ่งในการเข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายให้รัฐบาล เพราะมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นใคร

ชูศักดิ์ อดีตอาจารย์รามคำแหง สอนวิชากฎหมาย เคยเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ และไต่เต้ามาจนได้รับเลือกจากชาวรามคำแหง (อาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่) ให้เป็นอธิการบดี

‘ติงลี่’ คือฉายาที่ได้รับจากชาวรามคำแหง ด้วยรูปร่าง หน้าตา บุคลิคตอนวัยหนุ่มใกล้เคียงกับพระเอกหนังจีน ‘ติงลี่’ ไว้หนวดเหนือริมปาก เป็นอธิการบดีต่อ ‘สุขุม นวลสกุล’

ออกจากรามคำแหงก็มุ่งหน้าสู่สายการเมือง ร่วมในภารกิจผลักดันพรรคไทยรักไทยมีตั้งแต่ยุคต้น ๆ และเป็น 1 ในกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองนานถึงสิบปี

ชูศักดิ์ เมื่อพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ ก็ยังร่วมภารกิจกับเพื่อไทยมาโดยตลอด โดยไม่เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่เสียสละ ทุ่มเทให้กับค่ายนี้มาโดยตลอด ไม่มีการเรียกร้อง เคลื่อนไหว กดดัน แม้จะมีโอกาสก็ตาม

แม้ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจเต็มจะมองไม่เห็น เพราะเพิ่งเข้ามาทีหลัง แต่เชื่อว่า ‘เจ้าสำนักจันทร์ส่องหล้า’ น่าจะมองเห็นกับผลงานเป็นที่ประจักษ์ ประวัติก็ไม่ด่างพล้อย เพียงแต่ไม่มีถุงขนมให้ใคร

‘ชูศักดิ์’ เล็งเช็กบิล ‘นักร้อง’ ปม ‘ทักษิณ’ ครอบงำพรรค เผยอยู่ระหว่างเก็บข้อมูล ส่วนจะมีใครบ้างอีกไม่นานคงได้ยินข่าว

(19 ธ.ค.67) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งหนังสือเชิญนายกรัฐมนตรี ให้ไปชี้แจงกรณี นานทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเดินทางไปชี้แจงด้วยตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้มาตลอด โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายตนเองไปชี้แจง และก็ต้องไปยกร่างคำชี้แจงแค่นั้น 

เมื่อถามย้ำว่าครั้งนี้ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการแทนใช่หรือไม่ ชูศักดิ์ ระบุว่า ก็แน่นอน ก็ต้องมอบหมาย และท้ายที่สุดก็คงไม่ต้องไป ทำหนังสือชี้แจงไปก็ได้ ซึ่งทำแบบนี้มาตลอด  

เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีเดินทางไปด้วยตนเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะดีกว่าหรือไม่ นายชูศักดิ์ มองว่า ไม่ใช่ดีกว่า หรือไม่ดีกว่าอะไร ซึ่งประเด็นอยู่ที่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่กรณีเช่นนี้จะมอบหมายตนเอง และทำคำชี้แจงไปว่า ความจริงเป็นเช่นนี้ ที่ไม่ใช่การครอบงำ พร้อมกับนำพยานหลักฐานแนบไปด้วย  

ส่วนเห็นหนังสือจาก กกต. แล้วหรือไม่ ชูศักดิ์ ระบุว่า เห็นแล้วเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.67) ซึ่งเป็นเรื่องเก่า ๆ ทั้งนั้น และท้ายที่สุด กกต. ก็ใช้วิธีรวบรวมมา ซึ่งมี 4-5 เรื่อง เพื่อที่จะได้ตอบชี้แจงไปทีเดียว 

ขณะที่คำร้องต่าง ๆ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกไป ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยระบุว่าจะมีการฟ้องร้องกลับเหล่าบรรดานักร้อง ขณะนี้ดำเนินการอย่างไรแล้ว ชูศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ เดี๋ยวก็คงได้ยินข่าว พร้อมกับหัวเราะ  

เมื่อถามว่า อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานใช่หรือไม่ หลังทักษิณ ออกมาพูดในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทยว่าจะมีการไล่เช็กบิล พวกนักร้อง ชูศักดิ์ ระบุว่า ที่ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการอยู่ ก็เป็นคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง  

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่าหลังปีใหม่จะเริ่มเช็กบิลเลยหรือไม่ ชูศักดิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวคงได้ยินข่าว ส่วนจะกี่คนยังตอบไม่ได้ เดี๋ยวเวลานั้นก็รู้เอง พร้อมกับหัวเราะอีกครั้ง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top