Thursday, 22 May 2025
ชินวัตร

‘อิ๊งค์’ โยน ‘เศรษฐา’ ตอบ หลังถูกสื่อนอกถามแทงใจดำ “พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคของตระกูลชินวัตรหรือไม่?”

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค. 66) ที่ยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อไทย ได้จัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ พร้อมเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ทั้ง 400 เขต

ทว่าช่วงหนึ่งของงานที่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามนั้น ได้มีผู้สื่อข่าวต่างชาติถามขึ้นมาว่า “การที่ น.ส.แพทองธาร มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการตอกย้ำภาพความเป็นพรรคของครอบครัวชินวัตร” ทำให้ น.ส.แพทองธาร ส่งไมโครโฟนให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเป็นผู้ตอบคำถามแทน ซึ่ง นายเศรษฐา ก็ได้ผายมือไปยังที่นั่งของคณะผู้บริหารพรรค และผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ก่อนกล่าวยืนยันว่า “พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว บุคคลากรของพรรคเพื่อไทยล้วนแล้วเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยม มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น พวกเขาที่มาไม่ใช่ ‘ชินวัตร’ ให้เครดิตพวกเราหน่อยน่า ผมขอร้องคุณ”

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปยัง น.ส.แพทองธาร ว่าอะไรที่ทำให้เธอเหมาะสมต่อการเป็นผู้นำ เธอตอบว่า “พรรคของเราแข็งแกร่งมากด้วยนโยบายต่าง ๆ พรรคของเรา ทีมของพวกเรา มีความสามารถ เคยทำงานมาแล้ว และจะมาทำมันอีกครั้ง โดยครั้งนี้ จะทำให้คนไทยร่ำรวยยิ่งขึ้น สะดวกสบายมากขึ้นด้วยนโยบายของเรา แม้นายกฯ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ดิฉัน แต่ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล นั่นคือคำตอบของประเทศ”

นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงรายละเอียดในนโยบายเติมรายได้ 20,000 บาทต่อเดือนต่อครอบครัวว่า นโยบายดังกล่าวคิดจากครัวเรือน ไม่ใช่คิดต่อคน ถ้าครอบครัวใดรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน เราจะเติมเงินให้เพื่อให้เขามีศักยภาพในการดำเนินชีวิต และเสียภาษีกลับมายังรัฐบาล ย้ำว่าเราจะไม่ใช้นโยบายแจกเงินไปทั่วและไม่ได้อะไรกลับมาเลย โดยเราไม่สามารถใส่เงินไปแค่จุดเดียว และแก้ปัญหาไปวันต่อวัน อันนี้คือนโยบายกระตุ้นฐานราก พร้อมกระตุ้นทั้งระบบอีกด้วย

หลังจากนั้น นายเศรษฐา ก็ได้กล่าวเสริมถึงนโยบายใหม่ที่จะการตอกย้ำเป้าหมายชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อว่านโยบายต่าง ๆ ที่เปิดตัวจะเป็นนโยบายที่ลงไปถึงประชาชนทุกคน ซึ่งจะเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน

เปิดราคาที่แท้ทรู ‘ทักษิณ’ ณ จันทร์ส่องหล้า ผู้บัญชาการตัวจริง ‘ชิงกระแส-หยุดก้าวไกล’

แทบจะเป็นไปตามความคาดหมายทุกประการ…‘ทักษิณ ชินวัตร’ ได้รับการพักโทษวันที่ 18 ก.พ.2567 และเดินทางออกจากชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตอน06.09น.

สายตาเก็บอาการไม่โศกเศร้าดีใจ ที่โดดเด่นคือมีเฝือกคอและห้อยแขนให้พอรู้ว่าเป็นคนป่วย...

แต่กิริยาอาการตอนนั่งรถครึ่งชั่วโมงไปบ้านจันทร์ส่องหล้า และตอนสายออกมานั่งชิลๆ ริมสระน้ำรับแดดให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ลูกสาวคนโปรดถ่ายภาพโพสต์นั้น ชัดเจนว่าไม่ใช่ผู้ป่วยหนักอย่างที่ออกข่าวกันก่อนหน้านี้...

เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า กรณีป่วยจริงหรือป่วยทิพย์...เรื่องนี้จะมีการตรวจสอบร้องเรียนกันเป็นเรื่องเป็นราว  เช่นเดียวกับกรณีอื่นๆ...อย่างแน่นอน

ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาเป็นว่ากรณีปม ‘นักโทษเทวดา’ ที่ว่าๆ กัน...สุดท้ายจะมีการร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และต่อศาลอาญาคดีทุจริตหรือ ‘ศาลปราบโกง’...บุคคลที่อยู่ในข่ายจะถูกร้องไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงอดีตแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ 

‘เล็ก เลียบด่วน’ นั่งนับนิ้วดูแล้วมีประมาณสิบคน...ซึ่งอยู่หน่วยงานไหนบ้างท่านผู้อ่านก็พอจะเดาๆ กันได้...

กลับมาโฟกัสกันที่ทิศทางของทักษิณและครอบครัวชินวัตร...จากนี้ไปบ้านจันทร์ส่องหล้าก็จะเป็นรัฐบาลนอกทำเนียบหรือทำเนียบรัฐบาล 2 เพราะศูนย์อำนาจตัวจริงอยู่ที่นี่...เหตุที่ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าก็เพราะไม่พร้อมที่จะเปิดพื้นที่อื่นหรือบ้านอื่นเอิกเกริกวุ่นวาย...โดยเฉพาะอาณาจักรชินวัตรย่านนวมินทร์...

สำหรับอาณาจักรย่านนวมินทร์...วันที่ 20 ก.พ.ได้มีการดวลแข้งกระชับมิตรระหว่างนักการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลกับสื่อมวลชนที่สนามอัลไพน์ ฟุตบอล แคมป์ เทรนนิ่ง กรุงเทพฯ ของ ‘โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร’ ซึ่งเป็นมุมหนึ่งในอาณาจักร...

ไม่แน่ว่า..แต่เดิมอาจจะวางโปรแกรมเอาไว้ให้ ‘นายใหญ่’ มาปรากฏตัวที่สนามแห่งนี้ด้วยหรือไม่? แต่สำหรับวันนี้สถานการณ์คงไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว...

กล่าวกันถึงที่สุด...ราคาและความสำคัญของทักษิณในนาทีนี้ก็คือ ความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงเสียงจริง...พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำของรัฐบาลผสมกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมหรือกลุ่มอำนาจเดิม...จนสื่อและสังคมหยวนๆ เรียกขานกันวันนี้ว่า...พรรคเพื่อไทยเป็นหัวขบวนของกลุ่มอนุรักษ์นิยมใหม่...

การหยุดและตรึงแนวรบก้าวไกล...นี่คือ ราคา-ความสำคัญของทักษิณ คือที่มาของ ‘ดีลลับ’ คือการกลับบ้านอย่างเท่ๆ ของทักษิณ...ไม่ติดคุกไม่นอนคุกแม้แต่วันเดียว...เป็นบาดแผลของกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่...

เป็นราคาที่สังคมประเทศต้องจ่าย...

อย่างไรก็ตามว่ากันว่า..ถ้าทักษิณกลับใจสู่ฟากฝั่งจริงๆ สะกดคำว่าทุจริตเชิงนโยบาย หรือคำว่าธุรกิจการเมืองไม่เป็น...หันมาชูธงอนุรักษ์นิยมทันสมัยแต่ปกป้องสถาบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสร้างความปรองดองสมานฉันท์ นิรโทษกรรมคดีชุมนุมทางการเมืองที่กำลังศึกษากันอยู่...ก็จะเป็นอานิสงส์กับตัวเองและสังคม...

พูดกันตรงๆ ถ้าทักษิณสำนึกและปฏิบัติการล้างบาปความผิดพลาดของตัวเอง ให้อภัยกับคู่กรณีคู่ขัดแย้งกันแบบเห็นๆ ทักษิณก็อาจจะพลิกกลับเป็นวีรบุรุษได้ในพริบตา และจะเป็นกระดานหก ส่งผลเชิงบวกให้กับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ที่เป็นแคนดิเดทนายกฯ ได้ไม่น้อย..

‘เล็ก เลียบด่วน’ ขออนุญาตมองโลกสวยบนพื้นฐานการวิเคราะห์ข่าวสักเล็กน้อยว่า...อีกไม่นานจนเกินรอ  เมื่อถอดเฝือกออกจากคอและแขนได้ ทักษิณจะได้เวลาแสดงออกถึงความจงรักภักดีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง...และถ้าภาพนั้นเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นภาพมงคล ส่งผลให้เรื่องร้อนสงบเย็นลงได้พอประมาณ...

สาธุ!!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top