Tuesday, 22 April 2025
ชนกลุ่มน้อย

สหรัฐฯ เสียงแข็ง ปฏิเสธส่งอาวุธชนกลุ่มน้อย บอกสื่ออย่าเชื่อ ‘โซเชียลมีเดีย’

เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) Mr. Michael Heath อุปทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกระแสข่าวสหรัฐฯ สนับสนุนอาวุธให้กับชนกลุ่มน้อยต่อสู้กับกองทัพเมียนมาตามแนวชายแดนว่า ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนยุทโธปกรณ์ให้กับฝ่ายตรงข้ามเมียนมา เรากับไทยช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและวัคซีน อย่าเชื่อสิ่งใดที่อ่านในโซเชียลมีเดีย และขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง

'มาริษ' ไม่รู้ 'ทักษิณ' คุยตัวแทนชนกลุ่มน้อย ชี้!! เป็นสิทธิของเขา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย

(7 พ.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงานว่า ในเรื่องการทำงานขอพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศก่อน เพื่อให้ทุกอย่างมันเดินไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือ การรับโจทย์จากนายกรัฐมนตรีมาว่าอยากเห็นนโยบายการต่างประเทศและประชาชนในปัจจุบันเป็นอย่างไร 

เมื่อถามถึงกรณีสื่อโซเชียลระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ไปพูดคุยกับตัวแทนชนกลุ่มน้อยหลังเกิดปัญหาในเมียนมา ได้มีการตรวจสอบแล้วหรือยัง นายมาริษ กล่าวว่า ตนเองก็ได้ทราบข่าวมาเช่นกัน และต้องยอมรับว่านายทักษิณเป็นคนที่กว้างขวางและมีเพื่อนฝูงมาก ซึ่งทางเมียนมาก็คงเห็นว่านายทักษิณจะสามารถช่วยได้ คงเป็นเรื่องที่ทางเมียนมาคุยกับนายทักษิณ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย อย่างที่ตนบอกไปว่าเพิ่งจะทราบเรื่องดังกล่าว 

เมื่อถามย้ำว่า จุดยืนของรัฐบาลไทยคือ ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยในเมียนมาหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ถูกต้อง ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น และที่ผ่านมาไทยเองพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจา อีกทั้งไทยก็ดำเนินการตามกรอบของอาเซียนด้วย ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักการที่ควรจะเป็น บางอย่างกำลังดำเนินการอยู่ ขอยังไม่เปิดเผย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยต้องการเห็นความสมานฉันท์ปรองดองเกิดขึ้นในเมียนมา เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปอยู่อย่างนี้ประเทศไทยก็ลำบาก ในฐานะที่เรามีพรมแดนเชื่อมติดต่อกันกับเมียนมายาวมาก อะไรที่เกิดขึ้นก็จะกระทบกับไทย ฉะนั้น ใครที่ช่วยอะไรได้ก็ควรจะช่วย และไม่จำเป็นต้องทำอย่างเป็นทางการ อีกทั้งทางการเมียนมา รัฐบาล ชนกลุ่มน้อย ขอให้นายทักษิณมาช่วย ก็เป็นเรื่องของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวทางที่นายทักษิณไปช่วย ตรงกับแนวทางของกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า ยังไม่เห็น เพราะเพิ่งได้ยินจากข่าว จึงไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร และอย่างที่บอกว่าการดำเนินการตรงนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับรัฐบาล เป็นเรื่องที่ทางการเมียนมาไปว่ากันเอง ถือเป็นสิทธิของเขาที่จะไปปรึกษาหารือกับใคร ย้ำว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ในส่วนของรัฐบาลก็ดำเนินการในส่วนของเรา ร่วมกับอาเซียน ขณะเดียวกัน ในการช่วยเหลือสิทธิมนุษยธรรมไทยก็ดำเนินการต่อไปภายใต้กรอบของอาเซียน

เมื่อถามถึงคณะกรรมการฉุกเฉินด้านชายแดนไทยเมียนมา นายกฯ ได้มอบหมายให้นายมาริษเป็นหัวหน้าชุด หรือมอบหมายให้รองนายกฯ นายมาริษ กล่าวว่า เรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย ขอไปพูดคุยกับทางกระทรวงให้เกิดความเหมาะสมก่อนว่ารายละเอียดควรเป็นอย่างไร และยืนยันว่ายังไม่ได้พูดคุยกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ส่วนที่มีการพูดคุยกันก่อนหน้ากับหน่วยงานด้านความมั่นคงนั้น ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด เพียงแต่นายกฯ ได้ให้นโยบายกว้าง ๆ ย้ำว่าขอหารือในรายละเอียดกับทางกระทรวงการต่างประเทศก่อน ซึ่งวันนี้นายกฯ ได้มอบนโยบายลงมาเรียบร้อย แต่ตนขอไปพูดคุยกับฝ่ายปฏิบัติก่อนว่าจะทำอย่างไรให้นโยบายเป็นเนื้อเดียวกัน รวมทั้งกับหน่วยงานด้านความมั่นคงด้วยว่าจะแบ่งงานอย่างไร เป้าหมายชัดเจนแล้วว่าเราต้องกำหนดวัตถุประสงค์ก่อนว่าเราต้องการอะไร และค่อยกำหนดว่าใครควรจะมีหน้าที่และเล่นบทบาทอย่างไร

เมื่อถามว่า ปัจจุบันรัฐบาลไทยไม่มีนโยบายรัฐกันชนแล้วใช่หรือไม่ นายมาริษ กล่าวว่า เดี๋ยวขอกลับไปคุยในรายละเอียดก่อน 

‘กองทัพเมียนมา’ มีแผนเตรียมปล่อยตัว!! ‘อองซาน ซูจี’ ชี้!! มีความเป็น ‘ชาตินิยม’ สูงกว่า ‘การรักชาติพันธุ์’

หลังจาก ‘เอย่า’ นั่งถกประเด็นศาสนามาในอาทิตย์ก่อน อาทิตย์ที่ผ่านมา ‘เอย่า’ ไปมีโอกาสเดินทางไปยัง ‘เนปิดอว์’ และเข้าพบกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน และนั่นก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ได้ข่าวนี้ออกมา

ช่วงที่ผ่านมามีการโยกย้ายโผทหารในเมียนมาซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นปกติไม่มีอะไร  แต่หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าการโยกย้ายครั้งนี้มีการโยกย้ายทหารที่มีอาวุโสน้อยกว่าแต่มีศักยภาพเข้ามารับตำแหน่งใหญ่ ๆ ในกองทัพหลายคน

ในมุมของนักวิเคราะห์กลาโหมแล้วมองว่าเป็นไปได้ที่ ‘การผลัดใบของกองทัพเมียนมา’ครั้งนี้จะสอดคล้องกับการเลือกตั้งที่ว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ หลังการสำรวจสำมะโนประชากรเสร็จสิ้น

อีกเรื่องคือมีข่าวว่าทางกองทัพเมียนมามีแผนจะปล่อยตัว ‘นางอองซาน ซูจี’ ด้วยหากการเลือกตั้งเป็นไปตามแผนการ  ซึ่งล่าสุดตามที่เอย่าได้ข่าวมาสายข่าวระบุว่านางซูจียังสบายดีอยู่ในเรือนรับรองของที่กองทัพฯ จัดหาให้ มีอาหาร คนรับใช้และแพทย์ดูแลใกล้ชิด

แต่ดูเหมือนฝ่ายต่อต้านก็จะรู้ทันโดยเฉพาะเรื่องการสำรวจสำมะโนประชากรว่าหากทำสำเร็จ ทางกองทัพจะดำเนินแผนการเลือกตั้งตามที่วางไว้และเมื่อรัฐบาลใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นรัฐบาลผสมที่มีทั้งพรรคใหญ่และพรรคของชาติพันธุ์ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ถูกใจกลุ่มต่อต้านนัก

แม้กลุ่มต่อต้านจะถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่ม NLD แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันหัวโจกกลุ่มต่อต้านคือคนพม่าที่อยู่นอกประเทศและเป็นพวกที่ติดต่อกับชาติตะวันตกเพื่อนำเงินทุนมาสนับสนุนการก่อความไม่สงบในประเทศ 

คำถามสุดท้ายในใจ ‘เอย่า’ จึงเกิดขึ้นว่าหากมีการปล่อยตัว ‘นางอองซาน ซูจี’ จริงแล้วจะยังไงต่อ นายทหารท่านนั้นกล่าวกับทางเอย่าว่า ตลอดมาท่านซูจีเป็นคนที่มีชาตินิยมสูงมากเทียบไปก็ต้องบอกว่าสูงกว่าการรักชาติพันธุ์เสียอีก ซึ่งเป็นสิ่งที่นางพยายามทำให้เกิดรัฐบาลพรรคเดียวเพราะไม่ต้องการให้ชาติพันธุ์มามีอำนาจต่อรองกับรัฐบาลกลางที่ชาวเมียนมาเป็นผู้ปกครอง แต่ทว่าทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปแล้วเพราะตลอดมาจะเห็นได้ว่าเมื่อกองกำลังหลายกองกำลังก็รบสร้างรายได้จากการสนับสนุนโดยตรงจากชาติตะวันตก ซึ่งนั่นเป็นโจทก์ใหญ่มากที่ทางกองทัพทุ่มเทดูแลท่านซูจีอย่างดีเพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับท่านซูจีในช่วงที่อยู่ในการอารักขาของกองทัพอีกฝ่ายจะเอามาโจมตีได้  และต่อให้ปล่อยตัวท่านแล้วอาจจะมีการลอบสังหารท่านเพื่อป้ายสีมายังกองทัพเมียนมาเพื่อสร้างสถานการณ์ให้เลวร้ายลงก็เป็นได้ ส่วนสถานการณ์คนเมียนมาในต่างแดนเช่นไทยจะเลิกระดมทุน เลิกรบ เดินทางกลับเมียนมาไหม นายทหารท่านนั้นเชื่อว่าไม่  เพราะทุกวันนี้กลุ่มต่อต้านไม่ได้ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อยู่แล้ว คนเหล่านั้นทำเพราะได้เงินส่วนแบ่งต่างหาก ยกเว้นคนที่ไม่รับรู้เลยเท่านั้นที่ยังยินยอมพร้อมใจจะตกเป็นเหยื่อคนกลุ่มนี้ต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top