Saturday, 7 June 2025
งานวิจัย

AIT ชี้!! ทุกการวิจัยทั้งหมด ต้องดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์-ถูกต้อง ห้าม 'ปลอมแปลง-บิดเบือน' เมื่อเงยหน้าจะได้ไม่อายฟ้า ก้มหน้าจะได้ไม่อายดิน

(27 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'LVanicha Liz' ได้โพสต์เนื้อหาในหัวข้อ 'AIT #เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน' ระบุว่า...

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2567 อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) ได้ส่งอีเมลเตือนความจำไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายภายในสถาบันเรื่อง 'การผดุงไว้ซึ่งจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตในการวิจัย' มีใจความโดยย่อว่า AIT มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานสูงสุดในการ #กำกับดูแลกิจกรรมการวิจัยทั้งหมด...

การวิจัยทั้งหมดจะต้องดำเนินการด้วยความซื่อสัตย์ ถูกต้อง และเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณสูงสุด นี่เป็นสิ่งสำคัญในการรับประกันการมีคุณภาพสูงของงานวิจัย และรักษาไว้ซึ่งความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในนักวิจัย ตัวสถาบันเอง และประชาคมวิจัยโดยรวม...

โดยเราจะต้องทำให้แน่ใจได้ว่างานของเราได้ดำเนินไปด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเคารพในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น ประกอบด้วย...

การตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลและสิ่งที่ค้นพบทั้งหมดถูกนำเสนออย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา #โดยไม่มีการปลอมแปลงหรือบิดเบือน (#WithoutFabricationOrManipulation)

หากพบเห็นหรือสงสัยว่ามีการทุจริตทางวิชาการ ให้รายงานต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบสวน...

ฯลฯ

ในฐานะประชาคมวิจัย เราต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ และความเคารพต่อการมีส่วนร่วมทางปัญญาของบุคคลทุกคน

ป่านนี้มหาวิทยาลัยไทยบางแห่งจัดการงานวิจัยปลอมแปลงไปถึงไหนแล้ว มีการผดุงไว้ซึ่งจริยธรรมและความซื่อสัตย์สุจริตในการวิจัย รวมทั้งส่งเสริมความรับผิดชอบกันหรือยัง

AIT #เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน

‘7 มหาวิทยาลัยจีน’ ติดโผ TOP 10 โลกด้านงานวิจัย แซงหน้า ‘สหรัฐฯ’ ไกล เหลือแค่ 'ฮาร์วาร์ด' ยังยืนท็อป

(11 ก.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Ethan Hunts’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

“วงการวิจัยและพัฒนาสหรัฐ เพิ่งตื่นตัวว่าการศึกษาจีน ด้านวิจัยและพัฒนาได้แซงหน้าสหรัฐไปแล้ว

การศึกษาแนว STEM หรือการศึกษาแนวบูรณาการ วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (ที่มาของชื่อย่อ Science Technology Engineering & Mathematics) ขณะนี้สหรัฐเหลือเพียง ‘มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด’ ที่ยังคงติดอันดับ 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกด้านงานวิจัย เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่เหลือเป็นมหาวิทยาลัยของจีนถึง 7 แห่ง

ที่สำคัญงานวิจัยอเมริกัน ราว 40% ก็เป็นผลงานนักศึกษาจีนสัญชาติสหรัฐ (คล้าย ๆ ทีมแชมป์โอลิมปิกคณิตศาสตร์สหรัฐ ล้วนเป็นคนจีนที่ถือสัญชาติสหรัฐทั้งนั้น)

ทางการจีนจ้างนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยด้าน STEM เมื่อเดือนที่แล้วเกือบ 4.7 ล้านคน (เรียกได้ว่าจบมามีงานรออยู่) และด้านการศึกษา จีนลงทุนงานวิจัยพัฒนาในระดับอุดมศึกษา เป็นอัตราส่วนเมื่อเทียบกับสหรัฐ เกือบ 4:1 (1 ล้านล้านเหรียญ : 3 แสนล้านเหรียญ)”

สมุทรปราการ-ศูนย์เวลเนส วีแคร์ ร่วมงานประชุมวิชาการระดับชาติด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต นำเสนอแนวปฏิบัติทางคลินิกจากงานวิจัยกว่า 500 ฉบับ

ศูนย์เวลเนส วีแคร์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานประชุมวิชาการระดับชาติด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568 หัวข้อ "HEALTHY LIVING | HEALTHY LONGEVITY เวชศาสตร์วิถีชีวิต จังหวะชีวิตเพื่ออายุที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี" ซึ่งจัดโดยกรมอนามัย ร่วมกับ สสส. สมาคมเวชศาสตร์วิถีชีวิตไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และภาคีเครือข่าย 

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์เวลเนส วีแคร์ ได้รับเกียรติเป็นวิทยากรบรรยายหลักใน session "แนวทางปฏิบัติทางคลินิกและแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเวชศาสตร์วิถีชีวิต" (KALM Series) ทได้นำเสนอแนวปฏิบัติทางคลินิก (Clinical Practice Guidelines: CPG) อันเป็นผลจากการศึกษาวิเคราะห์และทบทวนงานวิจัยอย่างเข้มข้นกว่า 500 บทความวิชาการ ก่อนนำมาสังเคราะห์และพัฒนาเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม องค์ความรู้เหล่านี้ไม่เพียงมีฐานทางวิชาการที่แข็งแกร่ง แต่ยังถูกออกแบบให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในระบบสาธารณสุข เพื่อยกระดับการจัดการสุขภาพของประชาชนไทยให้ก้าวสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน 

ในงานนี้ ศูนย์เวลเนส วีแคร์ ยังได้ออกบูธประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิต สำหรับองค์กรและบุคลากรสาธารณสุข พร้อมนำเสนอแคมป์สุขภาพที่ทางศูนย์ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ขณะที่เมก้า วีแคร์ บริษัท ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพคุณภาพสูงในราคามิตรภาพสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เข้าร่วมงาน 

การเข้าร่วมงานครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของศูนย์เวลเนส วีแคร์ ในการเป็นผู้นำด้านเวชศาสตร์วิถีชีวิตและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยมุ่งมั่นถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และนวัตกรรมด้านสุขภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมสุขภาพดีถ้วนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประชุมที่มุ่งพัฒนาระบบเวชศาสตร์วิถีชีวิตในประเทศไทยอย่างยั่งยืน 

อ.วิศวะ ม.เกษตร โพสต์ข้อความ!! สะท้อนปัญหา ในมหาวิทยาลัยยุคปัจจุบัน เผย!! มีงานวิจัยมากมาย มีศาสตราจารย์ท่วมท้น แต่ไม่ผลิตบัณฑิตที่ตอบโจทย์สังคม

(5 พ.ค. 68) รศ.ดร.พันธุ์ปิติ เปี่ยมสง่า อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ...

Failed University 
ep2

มหาวิทยาลัยที่ล้มเหลว ไม่ได้แปลว่าตึกพัง
แต่มันคือการเลือกเดินทางผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่รู้ตัว
- มุ่งแต่ ranking ที่สะท้อนประโยชน์ของต่างชาติ
- มีงานวิจัยมากมาย
- มีศาสตราจารย์ท่วมท้น
- แต่กลับไม่ผลิตบัณฑิตที่ตอบโจทย์สังคม อย่างเพียงพอ
หน่วยงานนี้ยังถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยหรือไม่
แต่ สิ่งที่ขยันทำที่สุดกลับกลายเป็น...

จัด event และพิธีกรรมแทบทุกเดือน
ทั้งไหว้ครู ครบรอบหน่วยงาน วันมหาลัย วันผ้าไหม วันออกกำลังกาย
(เด็กตกวิชาแกน ไม่มีคนช่วยติว)

ตั้งผู้บริหารเต็มไปหมดเพื่อจัดอีเว้นท์ หรือ เป็นกรรมการเรื่องเฉพาะ
แต่ได้ค่าตอบแทนรายเดือน แล้วใครวัดว่าคุ้ม?

ประกวดคลิป-เพจ-ภาพถ่าย-หนังสั้น
หัวข้อ “มหาวิทยาลัยในฝัน” (ทั้งที่ชีวิตจริงไม่ฝันขนาดนั้น)
ทำโปสเตอร์เยี่ยม วิดีโอ 4K ทุกกิจกรรม
แต่รูปส่วนใหญ่มีแค่ผู้บริหารถ่ายเป็นแผง
เสียงบรรยาย “มุ่งสู่ความเป็นเลิศ”
แต่อาจารย์ต้องซื้อคอมพิวเตอร์เอง

ขยันเซ็น MOU ทั่วโลก
แต่ในคณะตัวเองยังไม่รู้จะทำงานร่วมกันเรื่องอะไร

โฆษณาจุดเด่นเฉพาะทาง Niche ที่ไม่มีใครสนใจ
(และไม่มีอาจารย์ประจำอยู่จริง)

เน้นเชิญคนดังมาพูดสร้างแรงบันดาลใจ
แต่เคยฟังคนในองค์กรดัง ๆ มาเล่าเรื่องของเขาบ้างไหม?
แทนที่จะสร้างแรงบันดาลใจจากการสอนที่ดีจริง ๆ

ประชุมตัวชี้วัดละเอียดจนเหนื่อย
ยุ่งยาก วุ่นวาย แต่สุดท้ายก็ “ทำให้ผ่าน”
บ่นไปก็ไม่มีใครฟัง เพราะรู้อยู่แล้วว่า “ยังไงก็ผ่าน”

พาผู้บริหารไปสร้างเครือข่าย
บินต่างประเทศ กินข้าว ถ่ายรูป
แล้วคอยตอนเขาเรียกเข้าทีมบริหาร

จัดของขวัญ กิจกรรมสร้างความสุข
แจกเสื้อ เลี้ยงปีใหม่ เอาเรื่องที่ควรทำ
มาใช้เป็น favor ให้คนที่อาจต้อง "โหวต" เร็ว ๆ นี้

ถ่ายภาพมอบโล่ ยืนยิ้ม ยกนิ้ว ให้สิทธิประโยชน์
โดยเฉพาะช่วงเตรียมเลื่อนตำแหน่ง หรือขอทุนรอบใหม่

ทั้งหมดนี้...

ขยันกันมาก — มากกว่าสอนหนังสือ มากกว่าสร้างคน
และไม่เคยสนใจ “โครงสร้าง” ที่ทำให้ระบบดีขึ้นจริง

คำถามคือ...
มหาวิทยาลัยของคุณ เป็นแบบนี้หรือเปล่า?
แล้วเราจะทำอะไรกับมันดี?

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามความคิดเห็นของผมครับ
อย่างน้อยมันทำให้ผมรู้ว่า… “ความหวังของสังคมยังมีอยู่”
แต่อาจต้องมีใครบางคนเริ่มพูด และเริ่มจัดการกับสิ่งที่ควรเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เขียนทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการพูดจากประสบการณ์ส่วนตัว
และการสังเกตภาพรวมเท่าที่มองเห็น ไม่ได้พาดพิงมหาวิทยาลัยใดโดยเฉพาะ
ผมเขียนเพราะอยากชวนให้สังคมหันกลับมามองภาพรวม
ตั้งคำถามกับสิ่งที่เคยชิน
และกล้าคิดร่วมกันว่า เราจะแก้ไขมันอย่างไร

สุดท้าย…
ผู้อ่านต่างหากที่เป็นคนตัดสินว่า สิ่งที่เห็นอยู่รอบตัว
มัน “ใช่” หรือ “ไม่ใช่”

ศ.หญิงรายได้สูง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ถูกไล่ออกจากฮาร์วาร์ด ฐานบิดเบือนข้อมูลวิจัย

(30 พ.ค. 68) ฟรานเชสกา จิโน (Francesca Gino) อดีตศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์แห่ง Harvard Business School ซึ่งเคยมีรายได้สูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ราว 36 ล้านบาท) ระหว่างปี 2018-2019 ถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเพิกถอนตำแหน่งถาวร หลังผลสอบชี้ชัดว่าเธอมีการบิดเบือนข้อมูลในงานวิจัยถึง 4 ชิ้น เพื่อให้ผลลัพธ์สนับสนุนสมมติฐานของตนเอง

การสืบสวนเริ่มขึ้นในปี 2021 หลังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานวิจัยชื่อดังของจิโน ว่าด้วยการลงนามคำมั่นสัญญาความซื่อสัตย์ ซึ่งภายหลังถูกเพิกถอนเพราะพบหลักฐานปลอมแปลงข้อมูล การตรวจสอบเชิงลึกโดยมหาวิทยาลัย และบริษัทนิติวิทยาศาสตร์จากภายนอก พบการปรับแต่งข้อมูลในอีก 3 งานวิจัยที่เธอร่วมเขียนระหว่างปี 2012-2020

แม้จิโนจะออกมาปฏิเสธผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่าไม่ได้กระทำการฉ้อโกงทางวิชาการ และอ้างว่าอาจเป็นความผิดของผู้ช่วยวิจัยหรือมีผู้เจตนาร้ายแทรกแซงข้อมูล แต่ผลสอบของมหาวิทยาลัยไม่ยอมรับคำชี้แจงดังกล่าว พร้อมเดินหน้าปลดเธอออกจากตำแหน่งโดยทันที และเสนอให้เพิกถอนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

จิโนถือเป็นศาสตราจารย์คนแรกของฮาร์วาร์ดที่ถูกเพิกถอนตำแหน่งในรอบกว่า 80 ปี เธอยังได้ยื่นฟ้องมหาวิทยาลัย อดีตคณบดี และบล็อกเกอร์กลุ่ม Data Colada เรียกค่าเสียหาย 25 ล้านดอลลาร์ แต่คำร้องถูกศาลกลางในบอสตันปฏิเสธ โดยระบุว่างานวิจัยของเธอเป็นเรื่องที่เปิดให้สาธารณะวิจารณ์ได้ภายใต้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ

กรณีนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงวิชาการสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงพฤติกรรมศาสตร์ ซึ่งจิโนเคยเป็นนักวิจัยแนวหน้า ได้รับการตีพิมพ์บทความมากกว่า 140 ชิ้น และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชนตลอดทศวรรษที่ผ่านมา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top