Wednesday, 26 June 2024
งาน

‘รมว.ปุ้ย’ ส่ง ‘ดีพร้อม’ เร่งเดินหน้าผุดงานแฟร์ ปลุก ศก.ไทยทั่วประเทศ หลังงานแฟร์นครศรีฯ ตอบรับดี-คนแห่เที่ยวนับแสน รายได้สะพัดกว่า 340 ลบ.

(27 ธ.ค. 66) กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ‘ดีพร้อม’ (DIPROM) เดินหน้าต่อเนื่อง จัดงานแฟร์ ปักหมุด 5 ภาค หวังกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ หลังกระแสตอบรับ ‘อุตสาหกรรมแฟร์ เมืองใต้ 2023 นครศรีธรรมราช-ชอป ชิม เที่ยวเพลิน เดินหลาด’ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย และประชาชนในพื้นที่เข้าชมงานตลอด 5 วัน อย่างล้นหลาม เผยยอดผู้เข้าชมงานกว่า 1 แสนคน โดยเฉพาะผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง ให้ความสนใจเข้ารับบริการโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ กว่า 5,600 คน และเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 340 ล้านบาท

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ‘ดีพร้อม’ เป็นหน่วยงานหลักในการเดินหน้าจัดงาน ‘อุตสาหกรรมแฟร์เมืองใต้ 2023 นครศรีธรรมราช’ ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566 ณ ลานอเนกประสงค์ ตลาดเสาร์อาทิตย์ ถนนพัฒนาการคูขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยผนึกกำลังระดมสุดยอดผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง หน่วยงานพันธมิตรภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน และหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี สินค้าและบริการที่ทันสมัย ภายใต้แนวคิด ‘การส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจเขตพื้นที่ภาคใต้’ (Southern Industrial Fair) เพื่อแสดงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงพื้นที่ จากการออกร้านของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชนกว่า 300 ร้านค้า

รวมถึงเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ส่งท้ายปีและช่วยลดค่าครองชีพ ให้กับประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนช่วยพัฒนาพี่น้องประชาชนชาวใต้สู่การเป็นผู้ประกอบการ พร้อมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน อันจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย

สำหรับผลการจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์เมืองใต้ 2023 นครศรีธรรมราช ที่ผ่านมา รวมจำนวน 5 วัน ได้รับการตอบรับจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างดี โดยมียอดผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 1 แสนคน ยอดผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนาเพิ่มองค์ความรู้ จำนวนกว่า 3,000 ราย ขณะที่ยอดขายภายในงาน ซึ่งเน้นการนำสินค้ามาทดสอบตลาดของผู้ประกอบการ ที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อยกระดับศักยภาพการประกอบการสู่ยุค ‘Now Normal’ มียอดการจำหน่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท ยอดรับบริการขอสินเชื่อภายในงาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 212 ล้านบาท

ยอดผู้ขอรับบริการคำปรึกษาแนะนำโครงการ/กิจกรรมของกระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน 2,520 ราย แบ่งเป็น โซนสุขสันต์วันทำธุรกิจ Happiness & Business จำนวน 600 ราย โซนดีพร้อมดิจิทัลสร้างฝันให้ธุรกิจเป็นจริง จำนวน 640 ราย โซน AGRO Solution จำนวน 260 ราย โซนสร้างสรรค์เติมฝันให้ดีพร้อม จำนวน 40 ราย โซนขยายธุรกิจด้วยสถาบันการเงิน จำนวน 15 ราย และยอดขอรับบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องฟรี จำนวนทั้งสิ้น 965 คัน

นอกจากนี้ ยังมีการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการ (Business Matching) จำนวน 60 คู่ ก่อให้เกิดมูลค่ามากกว่า 120 ล้านบาท โดยสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในภาพรวมได้กว่า 340 ล้านบาท

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่า “การจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ฯ ในครั้งนี้ ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ประกอบการ และพี่น้องประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างดี นอกจากเป็นของขวัญปีใหม่ส่งท้ายปีให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการตลาดที่ช่วยผลักดัน ฟื้นฟู และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในเชิงพื้นที่ให้เติบโตมากขึ้น รวมทั้งสอดรับกับ 6 นโยบายสำคัญเพื่อการพัฒนา และยกระดับภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย”

“ทั้งนี้ ในปี 2567 กระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากจะเดินหน้ายกระดับศักยภาพภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องด้วยแนวทางการผลักดันอุตสาหกรรมสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้เศรษฐกิจ และสังคมยุคใหม่ รวมทั้งการพัฒนาชุมชน โดยบริบทของอุตสาหกรรมที่เน้นการมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้วางแผนเดินหน้าจัดงานแฟร์ในพื้นที่ 5 ภาค ทั่วประเทศ เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยให้กลับมาคึกคัก โดยจะดึงเอาจุดเด่นและศักยภาพของแต่ละพื้นที่มาเป็นแนวคิดของการจัดงานแฟร์ในแต่ละภาค อันจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคได้เป็นอย่างดี และคาดว่า จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 ล้านบาท” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวทิ้งท้าย

‘นักเขียนซีไรต์’ ชี้!! สมัยนี้อาการ ‘เกลียดงาน’ แพร่ระบาดไปทั่ว สมัยรุ่นพ่อแม่ ต้อง ‘ขยัน-ไม่เกี่ยงงาน’ ไม่อย่างนั้นก็อดตาย

(24 พ.ค.67) นายวินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรต์ และ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า…

ลูกของเพื่อนคนหนึ่งยังเรียนไม่จบ ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อหารายได้พิเศษได้สองวัน ก็เลิก อีกคนหนึ่งอยู่ได้สองเดือน ก็ลาออก เพราะมองไม่เห็นความก้าวหน้า

เด็กจบใหม่หมาด ๆ ทำงานได้สองเดือน คาดหวังว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงทันที ออกจะรีบร้อนไปนิด

คนยุคนี้ดูเหมือนจะมีความอดทนต่ำ มองไปทางไหน เราได้ยินคนบ่นเรื่องงาน เจ้านายตลอดเวลา

อาจเพราะเราอยู่ในโลกที่พ้นภาวะความอดอยากมาแล้ว จนลืมไปว่าการไม่มีกินเป็นอย่างไร

ในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1929 สหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์ตลาดหุ้นล่ม เป็นผลให้เศรษฐกิจล่ม (The Great Depression) ชาวอเมริกันสิบห้าล้านคนตกงาน กระเทือนไปทั่วโลกนานสิบปี

เวลานั้นทุกเช้าที่หน้าโรงงานต่าง ๆ มีคนไปรอหางานทำ แต่โรงงานจะเรียกคนเพียงจำนวนหนึ่งไปทำงานคนที่ถูกเรียกได้ค่าแรงของวันนั้นไปต่อชีวิต คนที่ไม่ถูกเรียกก็กลับบ้าน รุ่งขึ้นก็ไปรอใหม่เผื่อถูกเรียกตัว

ผมเกิดปลายยุค ‘เสื่อผืนหมอนใบ’ นั่นคือพ่อแม่ผ่านความลำบากแบบสุดขีดมาแล้ว แต่ก็ยังต้องทำงานหนักทุกวัน วันไหนไม่ทำงานก็อด สิ่งที่ผมเรียนรู้คือคนสมัยนั้นไม่เกี่ยงงานจริง ๆ

คนจีนยุค ‘เสื่อผืนหมอนใบ’ ไม่คิดว่างานสนุกหรือไม่สนุก เพราะถือคติว่า ‘งานที่มีก็คืองานที่ดี’

ญาติผู้ใหญ่ของผมเคยสั่งสอนหลานคนหนึ่งที่ลังเลว่าจะไปทำงานเป็นบ๋อยโรงแรมดีหรือไม่ ผู้ใหญ่บอกว่า เงินเดือนของบ๋อยไม่มาก แต่มักได้รับทิป อีกทั้งแขกที่มาพักมักจะให้บ๋อยไปซื้อข้าวมาให้ และเลี้ยงบ๋อยด้วย วันละห่อสองห่อ ก็ประหยัดค่าข้าวได้มาก อย่ารังเกียจงานที่คนอื่นมองว่าต่ำต้อย เป็นบ๋อยก็สามารถมีเงินเก็บได้

ตั้งแต่เด็กผมเห็นญาติทุกคนทำงานตัวเป็นเกลียว คนนี้ทำงานเป็นลูกจ้าง คนนั้นกรีดยางในสวน ค้าขายในตลาด ฯลฯ ทำอะไรก็ได้ เป้าหมายเพื่อไม่อดตาย เพราะเชื่อว่า ถ้าทำดีพอ ก็ลืมตาอ้าปากได้ ผมไม่เคยได้ยินใครบ่นสักคำว่า “งานน่าเบื่อ” หรือ “ชั่วโมงยาว” หรือ “ทำงานวันเสาร์หรือเปล่า?”

ถึงงานจะไม่สนุกหรือทรมาน ก็อดทน ความอดทนเป็นโหมดบังคับของชีวิต

ผมเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี เพราะสมัยผมใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ต้องทำงานที่ไม่ชอบเพื่อหาเงินมาเรียนต่อ และผมก็ผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้เพราะจดจำภาพญาติ ๆ ที่ทำงานหนักโดยไม่บ่น ทำให้เราบ่นไม่ออก

ตอนคนเราไม่มีกิน ไม่ค่อยเลือกงาน

แปลกที่ในสมัยนี้คนบางคนไม่มีกิน แต่ยังเลือกงาน แม้ไม่มีทางเลือกมาก ก็ยังเกี่ยงงาน

อาการเกลียดงานแพร่ระบาดไปทั่ว บ้างเป็นความเกลียดบนพื้นฐานที่มีเหตุผล เช่นงานเลวร้ายต่อสุขภาพ ทำให้ครอบครัวแย่ลง เจ้านายเอาเปรียบจริง บ้างก็เป็นแค่การมองโลกในแง่ลบ ได้งานดีแค่ไหนก็บ่น

นี่ไม่ใช่ความรู้สึกที่กระทบจากงาน แต่เป็นนิสัยขี้บ่นเท่านั้น เป็นนิสัยไม่เคยพอใจงานที่มี ครอบครัวที่มี สิ่งที่มี

ชาวโลกจำนวนมากมีภาพว่า งานที่ตนทำเลวร้ายกว่างานของคนอื่นเสมอ มันอาจเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงก็ได้ การงานของบางคนเลวร้ายจริง ๆ ทว่าคนที่ประสบพบงานที่เลวร้ายจริง ๆ  ก็สามารถเปลี่ยนงานโดยไม่จำเป็นต้องก่นด่าโลก

แต่คนบางคนมองชีวิตในมุมลบ บ่นทุกอย่างที่ขวางหน้า

นิสัยขี้บ่นแบบนี้จะทำให้ไม่มีความสุขในชีวิต ไม่เฉพาะเรื่องงาน แต่ลามไปถึงเรื่องครอบครัว เพื่อน เพื่อนบ้าน หรือกระทั่งคู่ชีวิต

เมื่อสวมแว่นดำทึบ ทุกภาพที่เห็นย่อมมืดหม่น

การบ่นเป็นนิสัยมีแต่ทำให้โลกหมองเศร้า ทว่าหากไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองให้ดีขึ้นได้ ก็ลองวิธีง่าย ๆ คือ หยุดเปรียบชีวิตตนกับคนที่ดีกว่า

ลองเปรียบกับคนในยุค The Great Depression ลองจินตนาการว่าตนเองอยู่ในยุคนั้น กำลังยืนหน้าโรงงานรอลุ้นว่าเขาจะเรียกเราไปทำงานหรือไม่ ถ้าเขาไม่เรียก เรากับครอบครัวก็ไม่มีกินในวันนั้น

งานน่าเบื่ออาจดีกว่าไม่มีงาน

เมื่อกำลังลอยคอกลางทะเล เราจะสนใจหรือว่าขอนไม้ที่เราเกาะพยุงสวยหรือไม่สวย

เรียนรู้ที่จะพอใจในชีวิตที่ตนมี ทำให้อะไร ๆ ในชีวิตง่ายขึ้น ปลอดโปร่งขึ้นมาก

จาก เหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top