Sunday, 19 May 2024
คุณหมอ

ตร.จราจรโครงการพระราชดำริ พา ‘คุณหมอ’ ฝ่าสายฝนข้ามจังหวัด นำส่ง ‘หัวใจ’ ให้คนไข้ผ่าตัด ท่ามกลางการจราจรติดขัด-เวลาจำกัด

เมื่อไม่นานนี้ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศจร.ตร.) เปิดเผยว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ กองบังคับการตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกการจราจรเร่งนำส่งอวัยวะหัวใจส่ง รพ.ศิริราช ได้ทันเวลา

โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 17.35 น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้รับการประสานงานจากศูนย์บริจาคอวัยวะ รพ.สมุทรสาคร ผ่านศูนย์วิทยุจราจรโครงการพระราชดำริ แจ้งว่าขอสนับสนุนนำอวัยวะหัวใจจาก รพ.สมุทรสาคร ส่งยัง รพ.ศิริราช หลังจากรับแจ้ง ตำรวจโครงการพระราชดำริได้นำกำลังตำรวจไปรอรับที่ รพ.สมุทรสาคร เพื่ออำนวยความสะดวกการจราจร เร่งนำส่งอวัยวะหัวใจไปยัง รพ.ศิริราช แต่การนำส่งหัวใจในครั้งนี้เหลือเวลาที่จำกัด และเป็นเวลาช่วงเย็นที่มีฝนตก สภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่น คุณหมอจึงตัดสินใจนำอวัยวะหัวใจขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ

โดยมี ร.ต.ต.ศักดิ์ชาย กระแสร์ญาณ เป็นผู้ขับขี่มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเป้าหมายทันที ระหว่างทางมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ทั้งหมอ และตำรวจทุกนายก็มีความมุ่งมั่นที่จะนำพาหัวใจดวงนี้ไปยัง รพ.ที่หมาย รวมถึงได้รับความร่วมมือจากตำรวจจราจร สน.ท้องที่ ในเส้นทางทุกพื้นที่ และผู้ใช้เส้นทางที่ช่วยเปิดทางให้จนภารกิจชีวิตในครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวว่า ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริได้เปิดเส้นทางนำส่งอวัยวะหัวใจ ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่ผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งปลูกถ่ายให้ผู้รับ มีเวลาเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น (อวัยวะหัวใจหากทำการผ่าตัดออกมาจากร่างกายของผู้บริจาคแล้วจะอยู่ได้ไม่เกิน 4 ชั่วโมง นับจากเวลาที่ปิดทางเดินเลือดในการผ่าตัดหัวใจของผู้บริจาค จนกระทั่งเปิดให้เลือดผ่านหัวใจใหม่ในร่างกายของผู้รับการปลูกถ่าย) จึงเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา

กรณีนำส่งอวัยวะหัวใจในครั้งนี้ นับเป็นรายที่ 73 แล้ว ที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำรินำส่งอวัยวะลุล่วงจนแพทย์สามารถปลูกถ่ายหัวใจ ต่อชีวิตใหม่ให้กับผู้รับบริจาคได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศจร.ตร. ได้ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างมืออาชีพ มีทักษะคล่องแคล่ว สามารถให้ความช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งของประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตอาสาบริการ มีมาตรฐานสากล ตามแนวทางการสร้าง ‘สุภาพบุรุษจราจร’ ที่ ศจร.ตร.กำลังขับเคลื่อนสร้างมาตรฐานตำรวจจราจรทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการบริการประชาชน สร้างความเชื่อถือศรัทธา และนำไปสู่การลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในที่สุด

นอกจากนี้ พล.ต.ท.นิธิธรกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังมีผู้รอรับการบริจาคอวัยวะอยู่มากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย เพราะการบริจาคอวัยวะแก่เพื่อนมนุษย์ คือที่สุดแห่งการให้ โดยตำรวจจราจรพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของผู้บริจาค และเติมเต็มความหวังของผู้รับบริจาค เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตใหม่ อำนวยความสะดวกนำทางส่งต่ออวัยวะสำคัญ

'หมอป่วยมะเร็งหนัก' ขอตั้งมั่นใช้เวลาที่เหลือถ่ายทอดความรู้แพทย์ เตือนผู้คน!! อย่าเครียด โหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดีๆ

(28 พ.ย. 66) นพ.สมรส พงศ์ละไม แพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู โดยหลังจากที่คุณหมอสมรส เคยออกมาเปิดเผยถึงการป่วยเป็นมะเร็งไทรอยด์ไปแล้วนั้น 

ล่าสุดคุณหมอได้โพสต์อัปเดต ระบุว่า รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก จนผมร้องไห้

1.หลังผ่าตัดมะเร็งที่แพร่ไปต่อมน้ำเหลืองที่คอไม่ถึงสองสัปดาห์ ผมยังไปบรรยาย TMS ไปเข้าร่วมได้สามงาน ก็เข้าใจว่าตัวเองแข็งแรงพอสมควร จิตใจเข้มแข็งระดับนึง

2.แต่หลังจากกลืนแร่ไอโอดีนความเข้มข้นสูง 3 เท่าไปแค่วันเดียว มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลายรอบ ปวดมวนท้อง เจ็บจุกแน่นลิ้นปี่ แสบร้อนกลางอก ร้อนปลายเท้าปลายมือ ปวดจนลุกไม่ไหว คลื่นไส้ตลอดเวลา สงสัยเป็นหลอดอาหารอักเสบและกรดไหลย้อน (อาจจะของเดิม + หลังกลืนแร่ ร่างกายอ่อนแอ)

3.vdo call ไปหาพ่อ แม่ และพี่สาว ร้องไห้ให้สามคนนั้นเห็น เพราะกินอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้ำเปล่า อาเจียนตลอด ทรมานมาก ๆ เข้าใจคนไข้ได้เคโมเลย

4.บ่ายวันนั้นมีการ revise CPG (ทบทวนแนวทางการรักษาโรคของประเทศไทย) จำเป็นต้องฉีดยาและให้น้ำเกลือ จนพอที่ฝืนสังขารประชุมทั้งเช้าและบ่ายได้ หลังเสร็จก็นอนซมต่อ ต้องขอบพระคุณอาจารย์เจ้าของไข้ คุณหมอ resident และพี่พยาบาล ที่คอยช่วยดูแลครับ

5.หลังออกจากโรงพยาบาลอาการก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ ปรึกษาอาจารย์ทางเดินอาหาร GI Med และพี่ ๆ แนะนำควรกินยา 5 ตัว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งชีวิตแทบไม่กินยาเกี่ยวกับทางเดินอาหารเลย แต่ทนไม่ไหวจริง ๆ ทรมานมาก

6.วันนี้ค่อย ๆ ดีขึ้นช้า ๆ จนสามารถพิมพ์โพสต์นี้ได้ด้วยตนเอง (ผมพิมพ์สัมผัส การพิมพ์ง่ายกว่าการพูด) ไม่อยากคุยกับใครเลยเพราะจุกแน่นหน้าอกตลอดเวลา

7.นึกภาพแต่ก่อนอาจารย์ทางเดินอาหาร GI med จะส่งคนไข้กรดไหลย้อนหรือกระเพาะอักเสบ GERD, dyspepsia, IBS มาให้ผมฝังเข็ม เสริมกับการกินยา ซึ่งก็สามารถช่วยคนไข้ได้หลายคน แต่ไม่คิดว่าวันนึงต้องมารักษาตัวเองเพราะอาการรุนแรงมากแบบเดียวกัน

ป่วยรอบนี้ ตกผลึกอะไรหลาย ๆ อย่าง 

8.ทางโลก ผมกำหนดเส้นตายไว้ 2 ปี จะถ่ายทอดความรู้และประสบกาณ์การทำ TMS ทั้งหมดที่ผ่านมา 11 ปี ที่เรียนมาจากยุโรปโดยตรง ให้อาจารย์ในโรงเรียนแพทย์เป็นหลักก่อน ให้ท่านทำวิจัยที่เห็นผลลัพธ์จริงอย่างชัดเจน จนนำไปสู่การทำวิจัยคุณภาพสูง เช่น double blinded randomized sham control trial บน paradigm ใหม่และ network neuroscience 

9.จะสนับสนุนให้งานวิจัยของคนไทย มากพอจนเพิ่ม TMS ลงใน CPG ของประเทศและโลกนี้ได้ 

มีหลาย ๆ โรคที่ผมไม่ได้ประชาสัมพันธ์หรือสอนเพราะมันซับซ้อน มีความเสี่ยงหากใช้ไม่เหมาะสม เป็นทักษะมือที่ไม่ใช่แค่อ่านงานวิจัยแล้วจะทำได้ผลดีปลอดภัย หรือไม่สามารถสอนในงานประชุมแค่ 2 วันได้ ต้องใช้เวลา 20 ชั่วโมงขึ้นไป จะสอน skill มือที่ไม่มีเขียนใน papers จะช่วย critic งานวิจัยต่าง ๆ ว่าเค้าไม่ได้บอกอะไรไว้บ้าง อีกอันที่อยากถ่ายทอดไว้คือ scientific acupuncture 

10.ทางธรรม ผมจะเพิ่มสัดส่วนทางธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายใน 2 ปี มีแนวโน้มจะตัดเรื่องทางโลกออก  90% อาจสร้างสถานปฏิบัติธรรมหรือวัดขึ้นมาเอง ให้สอดคล้องกับพุทธวจน พระไตรปิฎกและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ช่วยให้คนพ้นทุกข์ในอีกรูปแบบนึง

11.ด้วยความรู้ scientific buddhism ที่ลิงก์กับ neuroscience, astronomy, cosmology แต่ต้องปฏิบัติให้ตกผลึกให้รู้จริงก่อนที่จะไปสอนใคร ถ้าตัวเองละสังโยชน์ได้ 3 ข้อ ก็จะเผยแผ่คำสอนทั้งไทยทั้งอังกฤษไปทั้งโลก

12.จะปฏิเสธเยอะขึ้น ใน 2 ปีจากนี้ คนไข้กลุ่มไหนที่ทำให้ผมทุกข์มาก อธิบายเยอะแล้วก็ไม่เข้าใจแบบวิทยาศาสตร์ มีความเอาแต่ใจสูง ร่างกายผมคงรับไม่ไหว อาจจะต้องลดการรับเคสแบบนี้ลง 
หรือใครที่ร่วมงานกันแล้วทำให้ผมทุกข์มาก พยายามปรับตัวกันแล้วแต่ไม่ได้ ก็คงต้องลดการพบปะลง 
ตอนนี้ผมมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงต้องปฏิเสธคนที่ไม่ใช่ออกให้มากที่สุด ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ ชีวิตผมเหลือน้อยแล้ว ผมอาจจะดีไม่พอสำหรับทุกคน ผมเหนื่อยกับการเป็นมะเร็งรอบที่สามแล้ว

13.จะสร้างองค์กรสร้างระบบให้ยั่งยืน ผมจะหาคนที่มีจริต มีศีลธรรม มี mindset และปัญญาเสมอกันมาช่วยกัน จะถ่ายทอดความรู้ทุกสกิลให้คุณหมอและทีมงานทั้งหมด สอนวิธีสร้างองค์ความรู้และ connection สายตรงจากยุโรป เพื่อให้ทุกคนในองค์กรได้พัฒนาตัวเองต่อไปแม้จะไม่มีผมแล้ว 

เดี่ยวจะพยายามหา CFO, CHRO, CMO, คุณหมอ นักกายภาพ ตัดต่อวิดีโอ Dogotal Platform เพื่อนร่วมงานหลายสาขามา ค่อย ๆ ร่วมทีมกันมากขึ้นในปีหน้า

14.สุดท้าย ขอบพระคุณอาจารย์ พยาบาล พี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่ช่วยดูแล สนับสนุน ให้คำปรึกษา ให้หนังสือ บางท่านส่งโปรตีนมาให้ทาน (ซึ่งช่วยได้มากเพราะกินอะไรไม่ได้เลย แล้วเป็นโปรตีนสำหรับคนไข้มะเร็งโดยตรง) บางคนจะมาช่วยบริหารงาน บางคนช่วยเรื่อง iT เรื่องสถิติเรื่อง Ai ผมซาบซึ้งทุกท่านจริง ๆ ขอบคุณคุณหมอและน้อง ๆ ในทีมที่ช่วยกันดูแลคนไข้ และขอบคุณคนไข้ที่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำถูกต้องอย่างเป็นวิทยาศาสตร์นะครับ 

รักษามะเร็งรอบนี้ หนักหนาสาหัสมาก มากจนผมร้องไห้เลย 

นพ.สมรส #สู้ดิวะ #DrSomros

ปล. ไปทำประกันสุขภาพกันด้วยนะครับ จากใจคนไม่มีประกัน T _ T 

ปล 2. เพื่อน ๆ รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะครับ อย่าเครียดมาก อย่านอนดึก อย่าโหมงานบ้างาน เลือกอาหารการกินให้ดี ๆ จะได้ไม่ต้องมาทรมานแบบผมนะครับ

‘การบินไทย’ แจง!! ขออภัยผู้โดยสาร พร้อมเยียวยาเต็มที่ กรณีประสบเหตุถูกแอร์โฮสเตสทำเครื่องดื่มร้อนหกใส่

(10 ธ.ค. 66) จากกรณีที่ ‘คุณหมอ’ ท่านหนึ่งได้โพสต์ข้อความลงบนเฟสบุ๊กส่วนตัว เมื่อเดินทางด้วยสายการบินแห่งหนึ่งเพื่อไปเชียงใหม่ แต่เกิดอุบัติเหตุ แอร์โฮสเตสทำกาแฟร้อนหกใส่ตัว จนเกิดอาการปวดแสบร้อน ผิวหนังพอง หายใจติดขัด แต่ไร้การรับผิดชอบใดๆ เมื่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบว่า “บริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด จึงไม่สามารถรับผิดชอบได้” นั้น ล่าสุด ทาง ‘การบินไทย’ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้แล้ว โดยระบุว่า…

“บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งกรณีผู้โดยสารบนเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ประสบเหตุเครื่องดื่มร้อนหกราด จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บต้องเข้ารับการรักษาตัว โดยบริษัทฯ มิได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยู่ระหว่างประสานผู้โดยสารเพื่อรับทราบรายละเอียด ติดตามอาการบาดเจ็บและการรักษาพยาบาลของผู้โดยสารอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทฯ ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงนำเสนอมาตรการเยียวยาให้ผู้โดยสารท่านที่ประสบเหตุพิจารณาต่อไป

ในส่วนของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และจะประสานแจ้งผู้โดยสารถึงความคืบหน้าเป็นระยะ และจะได้นำข้อเท็จจริง ปัญหา ข้อบกพร่องที่พบมาปรับปรุงการให้บริการ เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ต่อผู้โดยสารท่านอื่นในอนาคตต่อไป

บริษัทฯ รู้สึกเสียใจและขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารในครั้งนี้”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top