Sunday, 19 May 2024
คริสโปตระนันทน์

ผู้ร่วมก่อตั้ง 'อนาคตใหม่' ลาขาด 'ก้าวไกล' ไร้ประชาธิปไตย ไม่ฟังความเห็นต่าง

(9 ก.พ. 66) หลังจากมีข่าวสะพัดว่า นายคริส โปตระนันทน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย เตรียมประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกล พร้อมทีม ส.ก.อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อไปก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้น

ล่าสุด นายคริส โปตระนันทน์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสาเหตุการลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลว่า  สวัสดีครับประชาชนที่รักทุกท่าน วันสองวันนี้มีคนสอบถามผมเข้ามาเยอะว่า ผมยังเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่? ผมเรียนถึงทุกท่านตามตรงว่า ผมมีความภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งในพรรคนี้ไม่น้อยกว่าใคร แต่ตัวผมก็ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเหตุผลสามประการ

1. ผมอยากจะทำการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ความเป็นประชาธิปไตยของพรรคยังห่างจากที่พรรคโฆษณาอีกมาก การที่ผมได้มาร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กับคุณธนาธรเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เพราะผมไม่ได้มาทำการเมืองเพื่อให้ใครได้เป็น ส.ส. หรือเพื่อให้ใครได้อำนาจ หรือมาทำการเมืองเพื่อผลักดันวาระทางการเมืองของใครบางคน

ผมอยากได้พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคือพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ

เวลาจากวันนั้นถึงวันผ่านมา 5 ปี  ต้องถามกลับไปที่ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรค จำนวนกว่า 60,000 คน ว่าทราบบ้างหรือไม่ว่าพรรคมีประชุมสามัญวันไหน พรรคมีการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.กันอย่างไร กลไกในการคัดเลือกนโยบายที่จะหาเสียงในคราวนี้ คุณเคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่? ใครจะได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณรู้หรือไม่?

ผมในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกตลอดชีพทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ตอบได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องของการตัดสินใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ผมให้ชื่อเล่นกลุ่มนี้ว่า 'โปลิตบูโร'

หากการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ หากพรรคก้าวไกลได้อำนาจในการบริหารประเทศ พรรคก้าวไกลจะบริหารประเทศอย่างไร ก็คงต้องอยู่ที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่สมาชิกพรรคแต่อย่างใด
เรื่องดีๆ ใครก็พูดได้ แต่ทำยาก ผมก็เข้าใจ มิฉะนั้น พรรคก้าวไกลในอนาคตคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากพรรคการเมืองที่ดีแต่พูด (Hypocrital party)

เรื่องนี้ผมสะท้อนให้แกนนำฟัง ผมพูดในที่ประชุมใหญ่พรรคทุกปี พูดกับทุกคน คำตอบที่ได้มีเพียงแค่ “ขอเวลาหน่อย” “เรายุ่งมาก อดทนหน่อยนะ ทำให้แน่ ๆ” “เลือกตั้งคราวหน้า เราทำแน่ ๆ” ฟังดี ๆ มันคล้ายที่คุณประยุทธ์พูด “ขอเวลาอีกไม่นาน”

เรื่องนี้ผมรับรู้อย่างลึกซึ้งด้วยตัวเอง เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมสอบถามผ่านแกนนำว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะจัดการอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่ผมจะขยับไปลงส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะมีโอกาสสูงมากที่เขตที่ผมลงรอบปี 62 (ราชเทวี พญาไท จตุจักร 2 แขวง) จะถูกแบ่งใหม่แยกเป็นสามส่วน และผมก็เชื่อว่า ความรู้ความสามารถของเราสามารถที่จะช่วยให้พรรคหาเสียงทั่วประเทศได้ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา การทำงานของผมและเพื่อนๆในกลุ่มเส้นด้ายลงไปทำงานกับชุมชนแออัดทั่วทุกเขตในกทม. และในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ จนส.ก.ในกลุ่มของผมได้รับเลือกตั้งจำนวนมาก และเกือบชนะอีกจำนวนหนึ่ง

คำตอบที่ได้กลับมาคือ คุณจะมาเป็นได้ยังไง? คุณเหยียบย่ำหัวใจคนในพรรคขนาดนี้ ผมก็งงสิครับนี่มันเรื่องอะไร ผมไปเหยียบใครตอนไหน พอนั่งนึกก็ถึงบางอ้อ

- ผมคัดค้านการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของส.ส.วิโรจน์ เพราะเห็นว่าตัวผู้สมัครของเราไม่ดีพอที่จะสู้กับผู้ว่าชัชชาติ

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ต่อผู้ว่าชัชชาติชนิดคะแนนทิ้งกัน 2 แสนกับ 1.2 ล้านเสียง

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เพราะส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีทางที่จะเข้าใจการเลือกตั้งแบบเขต หากไม่เคยลงเลือกตั้งมาก่อน

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ในเขตชนิดคะแนนทิ้งกันเกือบหมื่นคะแนน

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ในกรุงเทพมหานคร ปี 66 อีกครั้ง เพราะเรากำลังเอาคนที่ทำเลือกตั้งแพ้มาแล้วครั้งหนี่งมาคุมเลือกตั้งที่สำคัญกว่าและใหญ่กว่า

- ผมในฐานะอดีตประธานมูลนิธิเส้นด้ายแถลงข่าวกรณีที่อาสาของมูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากอดีต ส.ก. พรรคก้าวไกล

ผลคือ ผมโดนถล่มจากสมาชิกพรรคว่า ไม่ปกป้องพรรค

ผมไม่เคยกลัวในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยกลัวในการกระทำที่เราคิดว่าถูกต้อง และที่ผ่านมา ผมพูดตรง ๆ กับพรรคเสมอถึงความยุติธรรมในประเด็นต่าง เช่น การเกลี่ยทรัพยากรของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กับส.ส.เขต ความน้อยเนื้อต่ำใจของคนที่ลงพื้นที่เหล่านี้อยู่ในใจของผู้สมัครท้องถิ่น หรือผู้สมัครส.ส.เขตทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่การที่ผมพูดกับแกนนำแบบนั้น มันทำให้ผมกลายเป็น

-ทำไมคุณถึงมีปัญหาตลอดเลย?

-ผมเป็นคนเลว เพราะผมต้องการแย่งเงิน แย่งทรัพยากรจากส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ?

-ผมเป็นคนไม่จงรักภักดีกับพรรค?

วันที่ผมนั่งคุยกับแกนนำเรื่องการขยับไปลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วันนั้นแกนนำท่านหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เปรียบเทียบให้ผมฟังว่า หากมีเซลล์ในบริษัท 2 คน คนแรกเป็นคนเก่ง คนฉลาด ยอดขายดีมาก ๆ แต่ต่อรองผลประโยชน์ตลอด กับอีกคนยอดขายครึ่งเดียวของคนแรก แต่จงรักภักดีมากๆ เค้าจะเลือกคนที่สอง

ผมก็เลยรู้แล้วว่า ชะตากรรมผมในพรรคนี้จะเป็นตาย ร้าย ดี ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผมจะพิสูจน์ความจงรักภักดีกับ “โปลิตบูโร” ได้หรือไม่? แน่นอนนั่นคือวิธีการบริหารงานแบบหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่เมื่อคุณโฆษณากับประชาชนแล้วว่าคุณเป็นพรรคประชาธิปไตย พฤติกรรมของคุณต้องทำให้ได้ตามที่คุณพูด ไม่งั้นจะกลายเป็น สำนวนไทย ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ๊งโหน่ง

2. ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายหลายประการของพรรคก้าวไกล

พรรคการเมืองอนาคตใหม่ที่ผมร่วมจัดตั้ง ผมฝันว่าพรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นเหมือนร่มคันใหญ่ ที่สามารถโอบรับได้กับความหลากหลายของสมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็นความคิดการเมืองแบบฝั่งซ้าย ความคิดการเมืองแบบฝั่งขวา ความคิดเศรษฐกิจแบบเสรี ความคิดเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม

วันแรกจุดร่วมของจุดใหญ่คือการไม่เอาเผด็จการ (เรื่องการแก้ไข 112 ในวันนั้นยังไม่ใช่วาระของพรรคด้วยซ้ำ) ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือ อ.ปิยบุตรยังเคยบอกผมตอนเถียงกับอ.ษัษรัมย์ (ตอนนั้นอ.เสนอเรื่องรัฐสวัสดิการ แต่ผมเสนอว่าคำตอบน่าจะเป็นเศรษฐกิจแบบเสรีมากกว่า) เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของพรรคว่า เดี๋ยวค่อยไปคุยกัน เมื่อเราทำภารกิจสำเร็จ ต่างฝ่ายค่อยแยกออกไปตั้งพรรคก็ได้

5 ปี เดินผ่านไป วันนี้นโยบายของก้าวไกลหล่นลงมาจากฝากฟ้า หล่นลงมาจากห้องแอร์ ไม่ว่าคุณจะเรียกชื่อมันว่าอะไร

วันนี้หนึ่งในนโยบายหาเสียงที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกลคือ เงินบำนาญของคนที่อายุเกิน 60 ปี ถ้วนหน้าเดือนละ 3,000 บาท หากนโยบายนี้สำเร็จ รัฐบาลจะมีรายจ่ายจากแปดหมื่นกว่าล้าน เป็นสามแสนล้านหกหมื่นล้านบาททันที

คริส โปตระนันทน์ ชี้! 'ก้าวไกล' หากไม่ปรับบริหาร พรรคก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา

“หาก 'ก้าวไกล' ไม่ปรับการบริหาร แทนที่พรรคจะใหญ่ขึ้น ก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา”

‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ โต้ ‘คริส’ ใส่ร้ายก้าวไกล ลั่น!! คนแบบนี้ไร้สปิริต ไม่เคยคิดเสียดาย

(10 ก.พ. 66) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ตอบโต้นายคริส โปตระนันทน์ อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ว่า…

“ในส่วนตัวไม่เคยเสียดายคนอย่างคริส โปตระนันทน์ การใส่ร้ายพรรคไม่ใช่สปิริตที่ดี เช่น กล่าวหาว่าไม่มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค”

'คริส' ยอมรับ!! ก้าวไกลมักจุดประเด็นดีๆ ให้สังคม แต่ถ้าอยากให้พรรคเข้มแข็ง ต้องทําให้เหมือนที่พูดด้วย

หลังจาก ‘คริส โปตระนันทน์’ ประกาศลาขาดกับพรรค ‘ก้าวไกล’ แล้ว เรื่องดรามาต่าง ๆ ก็ตามมามากมายเลยทีเดียว คนในพรรคก้าวไกลก็ออกมาให้ข่าวกันตามสไตล์ของตัวเอง บ้างก็บอกว่าเสียดายคนแบบคริส แต่บางคนกลับบอกว่า ไม่เคยคิดเสียดายคนไม่มีสปิริต 

ล่าสุด ‘คริส โปตระนันทน์’ ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ช่อง Voice TV ในรายการ Talking THAILAND โดยบางช่วงบางตอนในการสัมภาษณ์คริสได้พูดถึงข้อดีที่มีพรรคก้าวไกล ความควาดหวังต่อพรรค และเรื่องนโยบายของพรรค โดยระบุว่า…

“ผมพูดด้วยความสัตย์จริง ผมอยากให้พรรคก้าวไกลดีกว่านี้ แล้วการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล มีคุณูปการกับสังคมหลายหลายเรื่อง สร้างให้เกิดการถกเถียงกันในประเด็นหลากหลายที่พรรคการเมืองอาจจะไม่เคยมาคุยเรื่องพวกนี้เลย เมื่อสมัยก่อน ผมสอนกฎหมายป้องกันการผูกขาด ไม่มีใครมานั่งคุยเรื่องการผูกขาดกันนะในประเทศไทย ไม่มีใครเคยสนใจลงวิชานี้เลย พรรคก้าวไกลทําให้ประเด็นเรื่องการผูกขาด มันกลับขึ้นมาเป็นประเด็นฮอตฮิตในสังคม ทําให้ประเด็นเรื่อง LGBT กลับมาคุยกันว่ามันเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ทําให้ประเด็นที่ต้องมาคุยกันเรื่องรัฐสวัสดิการ มันน่าคุย ปรากฏว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลแสดงออกเป็นสิ่งที่ดี แต่วันนี้ผมจะบอกว่าถ้าเราจะทําพรรคให้มันเข้มแข็ง มันต้องมาดูโครงสร้างภายในด้วย ทําให้มันเหมือนกับที่เราพูด แค่นั้นเอง”

ส่วนในเรื่องของนโยบาย คริส ได้กล่าวไว้ว่า “มันมีปัญหามากด้วย เพราะว่าในสายตาผมนะ นโยบายที่ออกมาจากพรรคการเมืองที่จะทําให้ประชาชน ถ้าไม่ใช่นโยบายห้องแอร์ มันควรจะมาจากผู้สมัคร หรือว่านักการเมืองท้องถิ่น ลงพื้นที่คลุกคลีกับประชาชน แล้วได้รับปัญหารับฟังมา ให้รู้สึกด้วยนะ ว่ามันมีปัญหา เอากลับไปบอกที่พรรค ไปบอกนักนโยบายนี่แหละ ไปบอกนักรบห้องแอร์นี่แหละ ให้เขาคิดแผนคิดอะไรออกมา แล้วเมื่อได้นโยบายนั้น ต้องส่งกลับมาที่ท้องถิ่น ก็อย่างน้อยก็ส่งกลับมาที่เขตให้เอาไปคุยกับประชาชนว่า มันใช่หรือไม่ใช่. มีบวกหรือมีลบ แล้วสะท้อน feedback กลับไป แล้วเมื่อสะท้อน feedback กลับไป พรรคก็เอา feedback นั้น ไปร่างเป็นนโยบายชุดสุดท้าย แล้วก่อนที่จะเอามาหาเสียงเลือกตั้ง มันก็ควรจะผ่านคณะกรรมการนโยบาย ที่ได้รับการเลือกจากที่ประชุมใหญ่ในพรรค”

ย้อน 3 เหตุผล ทำ ‘คริส’ ประกาศออกจากพรรคก้าวไกล ย้ำ!! พรรคไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เหมือนที่โฆษณา

อีกประมาณ 10 วัน ประชาชนชาวไทยก็จะได้เข้าคูหาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันตามกฎหมายแล้ว ทางฟากฝั่งพรรคการเมืองก็เดินสายหาเสียง ปราศรัยกันอย่างคึกครื้น เวทีดีเบตของช่องทีวีต่าง ๆ ก็มีถ่ายทอดสดให้ได้ฟังนโยบายกันแทบจะทุกวัน

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ ‘พรรคก้าวไกล’ มักจะเคลมตัวเองว่าเป็น ‘พรรคประชาธิปไตย’ ไปเวทีไหนๆ พฤติกรรมนี้ก็ติดตามไปด้วยไม่ขาดหาย บรรดาแฟนคลับกองเชียร์ก็ชื่นชม โห่ร้องส่งเสียงให้กำลังใจทุกเวทีดีเบต เพราะเชื่อว่าพรรคก้าวไกลคือความหวัง คือทางออก และเป็นพรรคที่เป็น ‘ประชาธิปไตย’ จริง ๆ 

แต่หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา หลายคนคงจำได้ดีที่ ‘คริส โปตระนันทน์’ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ‘คริส โปตระนันทน์ - Chris Potranandana’ ขอลาจากพรรคก้าวไกล โดยระบุสาเหตุ 3 ข้อ ที่พออ่านแล้วก็รู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ไม่น้อย 

โดยสาเหตุข้อที่ 1 คริสระบุว่า “อยากจะทำการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพราะความเป็นประชาธิปไตยของพรรคยังห่างไกลกับที่พรรคโฆษณาไว้อยู่มาก ผมในฐานะที่เป็นสมาชิกตลอดชีพทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ตอบได้เลยว่า เรื่องราวต่าง ๆ มีความสำคัญเป็นการตัดสินใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ บางกลุ่มในพรรคการเมือง แล้วเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็น โปรลิสบูโร”

‘อดีตคนพรรคส้ม’ ข้องใจหลัง ‘พลอย’ แฉ ‘บุ้ง เนติพร’ ตั้งคำถามชวนคิด ‘นายทุน’ หนุน ‘แก๊งทะลุวัง’ คือใคร?

จากกรณี น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย ทะลุวัง อดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ออกมาวิจารณ์การเคลื่อนไหวของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ซึ่งรับสมอ้างเป็นผู้ปกครองเพื่อใช้ประโยชน์จากเยาวชนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยมีเบื้องหลังในการขอทุนเคลื่อนไหว แต่เงินทุนกลับไม่ถึงเยาวชน

ล่าสุด (9 ส.ค.66) นายคริส โปตระนันทน์ หัวหน้าพรรคเส้นด้าย และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก คริส โปตระนันทน์ - Chris Potranandana ว่า…

"ผมเคยคิดนะ ว่ามันแปลกมากที่กลุ่มนี้ทำกิจกรรมได้ตรงจังหวะการเมือง คล้าย ๆ กับเป็น organized group แต่ผมยังเชื่อว่ามีเด็กบางส่วนที่อาจจะเข้าร่วมด้วยใจบริสุทธิ์จริง ๆ แต่คำถามคือ แล้วส่วนที่ organized เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ 

วันนี้เราเจอ organizer (คนจัดการ) แล้ว คำถามที่สำคัญที่สุดคือแล้วใครคือ financier ใครให้ทุนบุ้ง และกลุ่มทะลุวัง"


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top