Tuesday, 7 May 2024
คริปโทเคอร์เรนซี

'รัฐบาลเงาพม่า' ประกาศใช้เงินคริปโตเป็นสกุลเงินหลัก หวังง่ายต่อการระดมทุนต่อต้านรัฐบาลทหาร

The National Unity Government หรือ NUG คณะรัฐบาลเงาของพม่า ที่ก่อตั้งหลังจากการรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์ โดยลูกพรรค NLD ของนางออง ซาน ซูจี ได้ประกาศว่าจะใช้เงิน 'คริปโต' "Tether" เป็นสกุลเงินหลักอย่างเป็นทางการ เพื่อความคล่องตัวในการระดมทุน และการทำธุรกรรมในกิจการต่าง ๆ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลทหารพม่า ภายใต้การนำของนายพล มิน อ่อง หล่าย ให้จงได้ 

โดยนาย ทิน ถุ่น เนียง รัฐมนตรีคลังของรัฐบาลเงา NUG ได้ประกาศผ่านทาง Facebook ว่า รัฐบาล NUG จะเริ่มระดมทุนด้วยเงินดิจิทัล "Tether" และอนุญาตให้สามารถใช้เงินสกุลนี้เป็นสกุลหลักในการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้เลย อีกทั้งยังเป็นการเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินที่ประสบปัญหาอย่างหนักหลังการรัฐประหารได้

เหตุผลหลักที่รัฐบาลเงา NUG เลือกใช้ Tether เป็นสกุลเงินหลัก เนื่องจาก Tether ถือเป็นเงินคริปโตที่เป็น Stablecoin หรือเงินดิจิทัลที่มีค่าคงตัวเหรียญแรกของโลก มีความผันผวนน้อยแต่ก็เป็นที่นิยมมากที่มีสัดส่วนในตลาดเงินคริปโตมากเป็นอันดับ 4 ของโลก 

'ทิพานัน' ชี้ 'รัฐบาล' ห่วงนักลงทุนดิจิทัล กำชับทุกหน่วยงานให้ความรู้สกัดการสูญเสีย

(3 ก.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตือนพี่น้องประชาชนศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งบิตคอยน์ และคริปโทเคอร์เรนซี อาจถูกหลอกลวงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ทั้งนี้ปัจจุบันพบว่ามีกลุ่มผู้เสียหายถูกหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญคริปโตฯ สูญเงินไปกว่าหลายล้านบาท

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่าว่า นักลงทุนควรศึกษาให้รอบคอบก่อนการลงทุนและตรวจสอบว่าผู้ขายอยู่ในข่ายที่ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. หรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตได้ที่ www.sec.or.th หรือทางแอปพลิเคชัน 'SEC Check First' หากมีข้อสงสัย สามารถโทรปรึกษาได้ที่ ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207 ที่สำคัญควรตรวจสอบชื่อเว็บไซต์และรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจให้ครบถ้วนทุกตัวอักษร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพปลอมแปลง และสามารถแจ้งความในคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีผ่านทางศูนย์ฯ ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com หรือเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งติดตามข้อมูลข่าวสารของทางการเกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน

‘Bitcoin Halving’ ครั้งที่ 4 เพื่อจำกัดปริมาณการขุดให้น้อยลง ส่งผลให้ราคาพุ่งสูง ตามปริมาณความต้องการถือเหรียญที่มากขึ้น

(20 เม.ย.67) Bitcoin Halving สำเร็จแล้ว! สิ้นสุด 4 ปีที่รอคอย กลไกดันราคาจาก ‘บิตคอยน์ฝืด’

Bitcoin Halving สำเร็จแล้ว! สิ้นสุด 4 ปีที่รอคอยในช่วงเช้ามืดวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ‘บิทคับ’เปิด 3 ปัจจัยดันราคาหลังรีวอร์ดการขุดลดลงเหลือแค่ 3.125 เหรียญบิตคอยน์ต่อ 1 บล็อก

นับเป็นการสิ้นสุดการรอคอยอีเวนต์ใหญ่ของนักลงทุนสายคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก เมื่อสกุลเงินพี่ใหญ่สุดอย่างบิตคอยน์เกิดปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่จะเกิดขึ้นทุก 4 ปีอย่าง Bitcoin Halving เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในช่วงเช้ามืดวันที่ 20 เม.ย.2567

ทำความรู้จัก Bitcoin Halving

Bitcoin Halving เป็นการลดรางวัลบล็อก (Block reward) ของนักขุดให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งคือ จะลดรางวัลบล็อกบิตคอยน์ลงจาก 6.25 BTC เป็น 3.125 BTC โดยประมาณ เพื่อจำกัดปริมาณของบิตคอยน์ในทุกรอบ 4 ปี 

โดยการลดปริมาณรางวัลการขุดบิตคอยน์ให้น้อยลง สวนทางกับปริมาณความต้องการถือเหรียญบิตคอยน์มากขึ้น จึงส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์หลังปรากฏการณ์ Bitcoin Halving ใน 3 ครั้งที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 

ตามสถิติที่ผ่านมา หลังการเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่ 1 ในช่วงปี 2012 ส่งผลให้บิตคอยน์สามารถทำราคาสูงสุด (ATH) ได้ที่ 1,042 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 37,657 บาท ต่อมาหลังการเกิด 

Bitcoin Halving ครั้งที่ 2 ในช่วงปี 2016 ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ทำ ATH ได้ถึง 17,500 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 632,450 บาท และหลังการเกิด 

Bitcoin Halving ครั้งที่ 3 ในช่วงปี 2020 ส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์ทำ ATH ไปได้ถึง 68,789 ดอลลาร์ (Coinmarketcap) หรือ 2,486,034 บาท โดยในวันที่ 20 เมษายน 2567 นี้ จะนับเป็น Bitcoin Halving ครั้งที่ 4

3 ปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลต่อราคา Bitcoin ในช่วงปี 2567

1. การอนุมัติของ Spot Bitcoin ETF ในฝั่งสหรัฐฯ

เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา ได้เรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนคริปโตทั่วโลกเป็นอย่างมาก และส่งผลให้เกิดราคาสูงสุดครั้งใหม่ New Time High ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการอนุมัติของ Spot Bitcoin ETF ครั้งนี้ ทำให้นักลงทุนรายย่อยบางส่วนกลับเข้ามาในตลาดและลงเล่นใหม่อีกครั้ง 

2. การอนุมัติ Spot Bitcoin ETF ครั้งแรกในทวีปเอเชีย และ Spot Ethereum ETF ครั้งแรกของโลก

โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) ได้อนุมัติผลิตภัณฑ์ของกองทุน spot Bitcoin และ Ethereum ETF เมื่อ 15 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา 

โดย Eric Balchunas นักวิเคราะห์จาก Boomblerg ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เป็นการแสดงถึงความคืบหน้าและก้าวสำคัญของฮ่องกง แต่เนื่องจากตลาดมีขนาดเล็กกว่ามาก จึงคาดการณ์ว่าคงจะยังไม่ได้รับเงินลงทุนไหลเข้ามหาศาลจนทำให้เกิดการขยับของราคาเมื่อเทียบเท่ากับที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

3. ปรากฏการณ์ Bitcoin Halving

การลดลงของจำนวน BTC ในระบบให้มีจำนวนการเกิดขึ้นที่น้อยลงเรื่อย ๆ และยืดเวลาที่บิตคอยน์จะถูกค้นพบจนถึง 21 ล้านเหรียญให้ช้าลง จำนวนการไหลเวียนของบิตคอยน์จะเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้หายากขึ้นไปอีก 

จุดนี้เองที่จะช่วยสร้างความฝืดให้บิตคอยน์ และตาม Demand และ Supply แล้ว หากปริมาณเหลือน้อยลงแต่ความต้องการกลับมากขึ้น อาจจะทำให้เห็นของการขยับของราคาที่สูงขึ้นคล้ายกับที่เคยเกิดมาแล้ว 3 ครั้งตามสถิติที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ราคาของบิตคอยน์อาจจะยังไม่ได้ขยับขึ้นหลังจาก Halving ในทันที เนื่องจาก Halving เป็นการทำให้คุณสมบัติของบิตคอยน์มีความ “เกิดได้ยากขึ้น” ซึ่งไม่ได้หมายความว่า บิตคอยน์จะมีมูลค่าสูงขึ้นในทันทีทันใด และต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเศรษฐกิจของโลกด้วย

นักลงทุนทั่วโลกจึงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่าหลัง Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 นี้จะส่งผลต่อราคาของบิตคอยน์อย่างไร

คำเตือน:
- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top