Saturday, 7 June 2025
ขนส่งสาธารณะ

‘พท.’ จัดแคมเปญยกระดับชีวิตคนกรุงฯ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’  ชวนผู้สมัครส.ส. ใช้รถสาธารณะเดินทาง ตอกย้ำนโยบาย 20 บาทตลอดสาย

เพื่อไทยจัดใหญ่ ‘แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง’ 5 พ.ค. ชวนผู้สมัคร ส.ส.กทม.เดินทางจากบ้านถึงพารากอนด้วยขนส่งสาธารณะ ตอกย้ำนโยบาย 20 บาท ตลอดสาย

(2 พ.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และผอ. ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคพท. และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 20  ลาดกระบัง (ยกเว้นแขวงลำปลาทิว) พรรคพท.แถลงการจัดงาน “แล่นสไลด์ ไปเปลี่ยนชีวิตคนเมือง : จากการเดินทาง สู่การสร้างมหานครเพื่อคนไทย” ในวันที่ 5 พ.ค.ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ณ ลานพาร์คพารากอน เขตปทุมวัน

นายประเสริฐ กล่าวว่า เพื่อปักธงนโยบายคมนาคมของพรรคพท. ซึ่งจะเป็นนโยบายยกระดับชีวิตคนเมือง จากกรุงเทพฯ พื้นที่ปริมณฑล สู่การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ พรรคพท.จึงจัดงานดังกล่าวขึ้นโดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 2 ส่วน คือภารกิจและงานเสวนา กิจกรรมนี้เป็นการจัดงานครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งก่อนปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายของพรรค พท.ที่จะจัดขึ้น เพื่อสื่อสารกับคนเมือง คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคพท.ที่มีนโยบายคิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ผ่านการเข้าใจ และเข้าถึงพื้นที่จริงของผู้สมัครส.ส. ทุกเขต

'สภาผู้บริโภค' ลั่น!! เพราะไทยพัฒนาถนนมากไป จึงทำรถส่วนตัวเต็มเมือง จี้!! ขนส่งสาธารณะควรเร่งลดราคา เพื่อยั่วยวนให้คนเลิกใช้รถ

เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวอิศรารายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค. สภาผู้บริโภคได้จัดกิจกรรม ‘สภาผู้ใช้ระบบบริการขนส่งสาธารณะเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 1’ เพื่อเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรับฟังความเห็นและแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาระบบขนส่งฯ และส่งเสริมให้เกิดแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรม

น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการพัฒนาระบบบริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ ราง เรือ ที่หลากหลายรูปแบบต่อความต้องการของผู้บริโภค ในทางกลับกันการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในส่วนภูมิภาคกลับล่าช้า เนื่องจากขาดการส่งเสริมนโยบายด้านการขนส่งสาธารณะในระดับจังหวัด มุ่งเน้นการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางถนนที่รองรับการใช้รถส่วนบุคคล ส่งผลให้ประเทศกลายเป็นเมืองของรถยนต์ส่วนบุคคลและมอเตอร์ไซค์ 

“ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือคนที่ไม่ได้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นผู้กำหนดอนาคต คนคิดไม่ได้ใช้บริการ คนใช้บริการกับคนให้บริการไม่มีสิทธิคิด ทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุดหรืออาจสร้างปัญหาเพิ่ม เช่น เรื่องการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้บริการสะดวกขึ้น กลับสร้างปัญหา เพราะทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจดจำ เกิดความยุ่งยาก การที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของระบบขนส่งสาธารณะที่เข้าถึงได้จึงเป็นเรื่องจำเป็น” น.ส.บุญยืนกล่าว

ขณะที่น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงความท้าทายงานคุ้มครองผู้บริโภคนั้น หนึ่งในเป้าหมายประเด็นขับเคลื่อนปี 2568 โดยมีเรื่องการพัฒนาบริการขนส่งสาธารณะใน 7 เมืองหลัก ประเด็นเรื่อง ‘ถนนสำหรับทุกคน’ หรือ ‘Road For All’ เป้าพัฒนาเมืองและระบบขนส่งสาธารณะไปด้วยกัน ทำให้เกิดเมืองที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตและพัฒนาร่วมกันได้ มีความเป็นธรรมกับทุกคน สนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคทุกจังหวัด

“สิ่งหนึ่งที่อยากเกิดขึ้นคือค่าโดยสารขนส่งสาธารณะมีราคาถูก ยั่วยวนให้คนเลิกใช้รถ เงินทุนที่จะมาสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ภาษีที่ดินฯ ภาษีลาภลอย (Windfall Tax) ค่าธรรมเนียมจากรถยนต์ ที่นำส่งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการยกเลิกทางด่วนสองชั้น (double deck) ซึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 3.4 หมื่นล้านบาท หากนำเงินดังกล่าวไปจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้า หรือพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะก็จะสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาระบบขนส่งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้มากขึ้น สภาผู้บริโภคเชื่อว่า ประเทศเรามีงบประมาณเพียงพอ เพียงแต่จะจัดลำดับการใช้งบประมาณอย่างไร” น.ส.สารีระบุ

ด้านนายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวถึงภาพรวมของการทำงานด้านระบบขนส่งสาธารณะของสภาผู้บริโภคว่า ประเด็นเรื่อง Road for All ครอบคลุมในหลายส่วน ซึ่งอยู่ในแผนงานด้านขนส่ง ปัจจุบันสภาผู้บริโภคมีพื้นที่ทำงาน 33 จังหวัด โดยเน้น 7 จังหวัดหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง ขอนแก่น อยุธยา ภูเก็ต สงขลา และกรุงเทพมหานคร

สำหรับแนวทางการทำงานเพื่อผลักดันให้เกิด ‘Road for All’ มี 4 ข้อ คือ 1) ตั้งเป้าหมายการพัฒนาเมืองและระบบขนส่งสาธารณะไปด้วยกัน ทําให้เกิด เมืองที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิต และพัฒนาร่วมกันได้ (Just City) มีความ เป็นธรรมกับทุกคน 2) สนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคทุกจังหวัด (User Group) ในการพัฒนาและติดตามคุณภาพการให้บริการขนส่งสาธารณะ 3) สนับสนุนการใช้บริการขนส่งสาธารณะด้วยรถไฟฟ้า ลดปริมาณการใช้ รถยนต์ส่วนบุคคล และ 4) สนับสนุนการดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถไฟฟ้า และการใช้พลังงาน แสงอาทิตย์

นายคงศักดิ์ กล่าวถึงข้อเสนอต่อการจัดระบบบริการขนส่งสาธารณะ 1) จัดลําดับการใช้งบประมาณ มีเป้าหมายในการผลักดันให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชนไม่เกินร้อยละ 10 ของรายได้ขั้นต่ำ 2) การตั้งกองทุนจัดบริการขนส่งสาธารณะ กระจายอำนาจ งบประมาณ แนวปฏิบัติ ให้ อปท. สามารถจัดบริการในพื้นที่ได้ 3) มีเป้าหมายลดโลกเดือดและอุณหภูมิที่ร้อนทั่วประเทศ ลดการใช้พลังงานฟอสชิล ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างชัดเจน 4) การสนับสนุนภาคเอกชนที่พร้อมในการจัดบริการขนส่งสาธารณะ และ 5) สนับสนุนให้แผนพลังงาน ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 ในปี 2570

ขณะที่นายภัณฑิล น่วมเจิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสิทธิผู้บริโภคกับการเข้าถึงบริการขนส่งมวลชนนั้น ที่ผ่านมารัฐบาลส่วนกลางรวบอำนาจ ไม่กระจายอำนาจไปยังท้องถิ่น ทำตัวเป็น ‘คุณพ่อรู้ดี’ จัดบริการขนส่งสาธารณะโดยนั่งอยู่บน ‘หอคอยงาช้าง’

ทั้งนี้ การบริการขนส่งสาธารณะควรมีการกระจายอำนาจไปยัง อปท. ให้มีอำนาจจัดการ เช่น การกำหนดเส้นทางการให้บริการขนส่งสาธารณะในพื้นที่ได้เอง เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่า คนพื้นที่ ขณะที่ประเด็นระบบตั๋วร่วม ค่าโดยสารร่วม เพื่อให้สามารถใช้ระบบขนส่งด้วยความสะดวก มีต้นทุนการเดินทางที่สมเหตุสมผลนั้น ฟันธงอีก 4 ปี การดำเนินนโยบายเรื่องนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น

ส่วนนายอภิสิทธิ์ มานตรี ผู้ดูแลเพจรถเมล์ไทย (Rotmaethai) สะท้อนปัญหาระบบรถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า ปัญหาหลักคือเลขสายรถเมล์ทำให้เกิดความสับสน จากการรับฟังความเห็นประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเลขสายแบบเดิม แต่เสนอเข้าไปในชั้นกรรมาธิการ 2 รอบยังไม่ได้รับการตอบรับ นอกจากนี้ ปัจจุบันองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้มีการปฏิรูปเส้นทางรถเมล์ 269 เส้นทาง ซึ่งมีเพียง 107 เส้นทางที่ ขสมก. เดินรถเอง ส่วนอีก 158 เส้นทางให้สัมปทานเอกชนในการเดินรถ นอกจากนี้ยังเกิด 4 เส้นทางที่เป็น ‘ฟันหลอ’ กล่าวคือมีการยกเลิกสายเดิม โดยยังไม่มีรถมาแทน

“เดือนสิงหาคมนี้จะยกเลิกการเดินรถ 14 เส้นทาง ไม่มีการประชาสัมพันธ์ เอกชนที่จะนำรถไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาเดินรถก็ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อลงพื้นที่สำรวจกลับพบว่า ไม่ได้มีรถเมล์เพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลหลังบ้านจากบริษัทเอกชน ว่าปัจจุบัน 123 เส้นทางของเอกชน ไม่ได้เดินรถตามที่ได้สัมปทาน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งกรมการขนส่งทางบกก็ไม่ได้เข้ามาจัดการปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม”

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนประเภทรถเมล์ที่ให้บริการซึ่งส่งผลต่ออัตราค่าโดยสาร เช่น การเปลี่ยนจากรถครีมแดงเป็นรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 8 บาทเป็นเริ่มต้น 15 บาท ทั้งยังมีประเด็นเรื่องการขั้นบันไดของการเก็บค่าโดยสารที่ค่อนข้างกว้าง โดยเพิ่มขึ้น 5 บาท ทำให้ค่าโดยสารอยู่ที่ 15 20 และ 25 บาท ซึ่งกระทบต่อผู้ใช้บริการในบางระยะทาง จึงมีข้อเสนอในการปรับลดค่าโดยสารและเพิ่มความถี่ของขั้นบันไดให้ถี่มากขึ้นเพื่อความเป็นธรรมของผู้ใช้บริการ

นายอดิศักดิ์ สายประเสริฐ นักวิชาการอิสระ กล่าวถึงการทำงานวิจัยเรื่อง “บทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรมในเมืองหลักส่วนภูมิภาคของไทย” และได้ร่วมทำงานในการผลักดันเรื่องฟีดเดอร์ หรือระบบขนส่งสาธารณะรอง โดยปัญหาร่วมที่พบคือถนนสายหลัก และสายรองไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ ถึงแม้ประชาชนจะสะท้อนปัญหา ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลายครั้งไม่ได้รับการตอบสนอง อย่างทันท่วงที

ทั้งนี้ นายอดิศักดิ์ เสนอว่า หากต้องการผลักดันเรื่องนี้ให้สำเร็จจำเป็นต้องทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรที่มีอำนาจในพื้นที่นั้น ๆ เช่น การผลักดันระบบขนส่งในกรุงเทพฯ หากทำงานร่วมกับ สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) จะทำให้สามารถผลักดันได้อย่างรวดเร็ว และเกิดขึ้นได้จริง

นายอดิศักดิ์ได้เสนอให้แก้องค์ประกอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องการเรื่องระบบขนส่ง เนื่องจากปัจจุบันไม่มีตัวแทนของประชาชนหรือผู้บริโภคเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการ เชื่อว่า จะทำให้เสียงของประชาชนถูกสะท้อนออกมาได้ตรงจุด

นอกจากนี้ ในส่วนของกิจกรรม (Focus Group) ผู้เข้าร่วมประชุมได้วิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหาระบบส่งสาธารณะที่ปลอดภัยและเป็นธรรมเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีข้อเสนอ การปฏิรูปรถเมล์ การเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ที่สร้างความสับสน การขยายเส้นทางรถไฟฟ้า หรือระบบฟิดเดอร์ที่ครอบคลุมการเดินทางของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดยให้สภาผู้บริโภคเป็นตัวกลางในการเชิญกลุ่มผู้ใช้และหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ เกี่ยวข้องกับงานขนส่งสาธารณะประชุมระดับนโยบายเพื่อพิจารณาหรือนําเสนอแนวทางการดําเนินการต่อไป และให้สภาผู้บริโภคผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นกลไกการขับเคลื่อนนโยบายของผู้บริโภคควบคู่ไปกับสภาผู้บริโภค

โครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ทุกสาย! เริ่มใช้ 30 ก.ย. 68 ลงทะเบียนผ่านแอป 'ทางรัฐ'

ข่าวดีสำหรับคนเมือง! รถไฟฟ้า 20 บาททุกสาย มาแล้ว

เริ่มใช้ 30 ก.ย. 68! ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านแอปฯ 'ทางรัฐ' ได้ตั้งแต่ สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
ใช้ได้เฉพาะผู้ลงทะเบียนพร้อมบัตร EMV หรือบัตร Rabbit แบบเติมเงิน (ABT) เท่านั้น

อย่าลืมเตรียมบัตรให้พร้อม แล้วกดลงทะเบียนทันทีที่ระบบเปิดนะ!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top