Wednesday, 23 April 2025
กิตติรัตน์ณระนอง

‘เศรษฐา’ เชียร์ ‘กิตติรัตน์ ณ ระนอง’ นั่งนายกฯ บอลไทย ชี้!! เป็นคนกว้างขวาง - ทุ่มเท - ซื่อสัตย์สุจริต

(12 ก.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ระบุ ‘กิตติรัตน์ ณ ระนอง’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้จัดการทีมชาติไทย มีคุณสมบัติคู่ควรกับการเป็น นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย

นายเศรษฐา ระบุว่า “ผมสนับสนุนคุณกิตติรัตน์ครับ ฟุตบอลไทยต้องการคนที่ทุ่มเท เข้าใจสภาพแวดล้อมทั้งหมดของกีฬาประเภทนี้ ไม่ใช่คนที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ คุณกิตติรัตน์เป็นคนที่ทุ่มเท ทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่เคารพรักของทุก ๆ คน ไม่ใช่แค่วงการกีฬาอย่างเดียว วงการสื่อวงการธุรกิจมีเพื่อนฝูงมากมาย”

“การที่ได้คนดีคนซื่อสัตย์มาบริหาร จะนำความมั่นใจกลับมาสู่สมาคมฟุตบอลไทยพร้อมทั้งจะได้สปอนเซอร์อีกมากมายทำให้สถานภาพการเงินของสมาคมดีขึ้นนำมาพัฒนาฟุตบอลลีกไทยได้ไม่ต้องมีการค้างจ่ายค่าเตะของนักฟุตบอลถึงเวลาแล้วครับที่สังคมต้องต้อนรับคนดี ๆ ”

‘กิตติรัตน์’ แจง 2 ข้อสงสัย ปม ‘เงินดิจิทัล’ ยัน!! ไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เผย เหตุที่ไม่ให้เป็นเงินสด เพราะป้องกันการใช้เงินซื้อ ‘สิ่งไม่ดี-สิ่งผิด’

(8 ต.ค. 66) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล ระบุว่า…

ตอบ 2 คำถาม 1.) เงินดิจิทัล จะสร้างเงินเฟ้อไหม?
- ไม่มีใครสั่งให้ธนาคารกลาง พิมพ์เงินใหม่มาใส่ระบบ แต่ ‘เงินดิจิทัล’ ทุกบาท จะมาจากรายได้ของรัฐบาลเอง

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ‘อุปสงค์’ (Demand) ที่เพิ่มจากโครงการ ย่อมเพิ่มปริมาณกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่จะไม่เป็นเหตุให้ ‘ราคาเฟ้อ’ เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยของประเทศอยู่ที่เพียงประมาณ 60%

อุปทาน (Supply) ย่อมเพิ่มได้โดยราคาไม่ขยับ และเมื่อผลิตเพิ่มขึ้นจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของสินค้าที่ผลิตถูกลงอีก ถ้าไม่ลดราคา รัฐบาลขอเก็บภาษีจากกำไรที่สูงขึ้น

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า 2.) ทำไมไม่ให้เป็น ‘เงินสด’ มีอะไรแอบแฝงรึเปล่า?
- ‘เงินสด’ ใช้ซื้อ ‘สิ่งดี’ ได้ และใช้ซื้อ ‘สิ่งไม่ดี/สิ่งผิด’ ก็ได้ ‘เงินดิจิทัล’ ที่มีค่าเท่ากัน บาทต่อบาท ใช้ซื้อ ‘สิ่งไม่ดี/สิ่งผิด’ ไม่ได้ ใช้ไม่หมดตามกำหนด แสดงว่าไม่จำเป็นนัก ก็ยกเลิกการให้ได้

นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ผวา!! หายนะประเทศไทย ห่วงใยบ้านเมือง แห่ลงชื่อ!! ต้านฝ่ายการเมือง หวั่น ‘กิตติรัตน์’ เข้ายึดแบงก์ชาติ

(2 พ.ย. 67) จากกรณีที่ในวันจันทร์ที่ 4 พ.ย. นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือประธานบอร์ดธปท. และได้มีการเคลื่อนไหวของ227 นักวิชาการ และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ที่ออกแถลงการณ์ เรื่อง ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทําลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว ที่แสดงความเป็นห่วงหากการเมืองเข้าครอบงำธปท.ผ่านบอร์ดธปท. หลังมีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการสรรหาฯ อาจเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและอดีตประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี(เศรษฐา ทวีสิน) เป็นประธานบอร์ดธปท.คนใหม่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงชื่อดังกล่าวด้วยกับกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม กล่าวว่า เหตุที่ร่วมลงชื่อ เพราะทราบดีว่า หากธนาคารกลาง ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องเป็นอิสระ ถูกฝ่ายการเมืองกินรวบจะเป็นหายนะของประเทศ และในฐานะที่เป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และเป็นคนไทยคนหนึ่งที่รู้ผิดรู้ถูก

หากนิ่งเฉย ไม่ทำอะไร จะรู้สึกเสียใจ เมื่อประเทศต้องเข้าสู่จุดนั้น แต่ถ้าวันนี้ได้ทำเต็มที่ ก็จะไม่มีอะไรค้างคาใจเพราะได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ได้ตอบแทนคุณแผ่นดินแล้ว

ดร.ชิดตะวัน จากกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของธปท.แม้อาจจะมีจุดบกพร่องบ้าง เช่น การอธิบายสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจอาจจะน้อยหรือยากเกินไปแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่เคยทำให้ประเทศชาติได้รับความเสียหาย ไม่สมควรให้คนของรัฐบาลเข้ามาดูแลหรือนั่งในบอร์ดแบงค์ชาติ เนื่องจากหลักการสำคัญของ central bankคือต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายการเมือง เพราะรัฐบาลโดยทั่วไปจะบริหารประเทศโดยคำนึงถึงกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุน และความนิยมของประชาชน ซึ่งเป็นผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทำให้มักออกนโยบายสายตาสั้น (myopic policy) เช่น นโยบายประชานิยม นโยบายเอื้อประโยชน์นายทุนซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว นอกจากนี้เมื่อพิจารณาการจัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ปัจจุบันประเทศไทยมีการคอร์รัปชันที่รุนแรงมากในขณะที่ประเทศเดนมาร์กและภูฐานมีการคอร์รัปชันต่ำที่สุดในโลก อันดับ 1 และ 26 ตามลำดับประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 108 จากจำนวน 177 ประเทศ

การให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปนั่งเป็นบอร์ดของธนาคารแห่งประเทศไทย จึงสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดหายนะต่อประเทศจากการที่นักการเมืองแสวงหาประโยชน์ ดังที่เคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2540ซึ่งทำให้ชาติบ้านเมืองได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

“การที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฝ่ายการเมืองก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวม เช่น กรณีท่านเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าฯธปท.ได้แสดงจุดยืนคัดค้านนโยบายรัฐบาลที่จะแจกเงินประชาชนที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไป ทุกคนซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินเกือบ 6 แสนล้านบาท ก่อให้เกิดภาระทางการคลังที่คนไทยทั้งประเทศต้องรับผิดชอบในระยะยาวจนในที่สุดรัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นแจกเงินเฉพาะกลุ่มเปราะบางทำให้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติน้อยลง เป็นต้น” ดร.ชิดตะวันกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากกลุ่มนักวิชาการ กว่า 200 ราย และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว และกลุ่มอดีตพนักงานธปท.ที่ร่วมกันลงชื่อเคลื่อนไหว ไม่ให้การเมืองเข้าครอบงำธปท.แล้ว
.
ในส่วนของภาคประชาสังคมพบว่า ในเพจของ ‘กองทัพธรรม’ ก็ได้มีการรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงชื่อผ่านกองทัพธรรม และเครือข่าย ในหัวข้อ ‘กองทัพธรรม ขอเชิญพี่น้องประชาชนร่วมลงนามสนับสนุน นักวิชาการและกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์คัดค้าน รัฐบาลครอบงำแบงก์ชาติ’

โดยล่าสุดจนถึงเวลา 12.00 น. พบว่ามีประชาชนจำนวน 3,740 คน ได้ร่วมลงชื่อผ่านทางกองทัพธรรม สนับสนุน นักวิชาการ และกลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ออกแถลงการณ์ห่วงใยธนาคารแห่งประเทศไทย ถูกแทรกแซงจากกลุ่มการเมือง เพื่อผลประโยชน์ระยะสั้น ทำลายเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของประเทศในระยะยาว

'กิตติรัตน์' ไม่ผ่านคุณสมบัติปธ. บอร์ดแบงก์ชาติ หลังกฤษฎีกาตีตก! เหตุเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67)  นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่านายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะการเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

และนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ที่ขัดคุณสมบัติของการเป็นกรรมการแบงก์ชาติ โดยไม่ได้ลาออกจากกรรมการบริษัทแห่งหนึ่งที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการสรรหาได้เปลี่ยนเป็นนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดต้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยข้อมูล

“มีการยืนยันทางกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว คุณกิตติรัตน์ ไม่ผ่านคุณสมบัติ รายละเอียด ซึ่งคงต้องมีการสรรหากันใหม่ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนมกราคม 2568″ นายลวรณ กล่าว

‘กิตติรัตน์’ โพสต์ครั้งแรก หลังไม่ผ่านคุณสมบัติ ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ยันได้อาสาแล้ว - ไร้เรื่องติดค้าง

เมื่อวันที่ (24 ธ.ค. 67) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า ไม่ผ่านคุณสมบัติที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า “ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ผมไม่มีอะไรค้างคาใจ ผมได้อาสาทำงานให้ประเทศแล้ว ไม่เคยขลาดกลัว หนีหายเอาตัวรอด

กราบขอบพระคุณท่านปลัดกระทรวงการคลังที่เชื่อว่า ผมจะทำหน้าที่ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ดี จนเสนอชื่อเข้าสู่การคัดเลือก และกราบขอบพระคุณกรรมการคัดเลือก เสียงข้างมากที่มีมติคัดเลือกผม เพื่อนำสู่การพิจารณาของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนการพิจารณาใดๆ จากขั้นตอนดังกล่าวย่อมเป็นสิทธิและหน้าที่ของผู้พิจารณา ผมเคารพการตัดสินใจครับ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top