Thursday, 16 May 2024
กอร์ปศักดิ์_สภาวสุ

'กรณ์' เปิดความในใจถึง 'กอร์ปศักดิ์' ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้า อาสาร่วมมือแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจประเทศไทยอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์ความในใจถึง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่เข้าร่วมพรรคกล้าและมีการเปิดตัวในงานประชุมใหญ่ของพรรคเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า ยินดีต้อนรับมืออาชีพด้านเศรษฐกิจตัวจริง พรรคกล้ามองว่าความท้าทายสูงสุดตอนนี้หนีไม่พ้นเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องแก้ปัญหาของแพง-รายได้ฝืด-หนี้สูง เราอยู่ในช่วงดอกเบี้ยโลกขาขึ้น สงครามและโควิดบีบการค้าระหว่างประเทศ และวัตถุดิบสำคัญของแทบทุกอุตสาหกรรมขาดแคลนและราคาแพง 

หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน เราต้องมียุทธศาสตร์และนโยบายที่ชัดเจน ฐานะการคลังเรายังดี แต่เราต้องเปลี่ยนวิธีใช้เงินกู้และเงินงบประมาณของรัฐ ซึ่งพรรคกล้าเราเสนอว่าต้องเป็นรัฐบาลกู้แต่ต้องเพื่อเอกชนเป็นผู้ได้ใช้ เราต้องมียุทธศาสตร์ภาคอุตสาหกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศ เราต้องส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม เราต้องลงทุนเพื่อสร้างอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นแนวหน้าของโลก เพื่อสร้างงานคุณภาพให้คนรุ่นใหม่ ทั้งหมดนี้ไม่สามารถแก้ทุกปัญหาเฉพาะหน้าให้กับประเทศและพี่น้องประชาชนได้ ระหว่างทางเราต้องตอบโจทย์ปัญหาของแพง ปุ๋ยแพง ภาระหนี้สิน และการเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรไทย

'กอร์ปศักดิ์' ทวิตแนะ!! รัฐเครดิตการคลังดี กู้เงินฟื้นฟู ศก.ได้ แค่ต้องมีวินัยจัดสรรงบ

(5 พ.ค. 65) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคกล้า ทวิตข้อความระบุเปรียบเทียบศักยภาพ ในการกู้เงินจากสถาบันการเงิน ของเอกชน และรัฐบาล ว่า... 

เอกชนจะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวเลขรายได้ เพราะรายได้ทำหน้าที่เป็นเพดานในการกู้เงิน รัฐบาลกู้เงินง่ายกว่าเอกชน เนื่องจากเครดิตประเทศดี จะกู้มากน้อยแค่ไหนไม่เป็นปัญหา แต่หากรัฐบาลกู้อย่างงมงาย ขาดวินัยทางการเงินการคลัง ประเทศมีสิทธิล่มสลายได้เหมือนกัน

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีพรบ.วินัยทางการเงินการคลัง 2561 กำกับการกู้เงินของรัฐไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง กฎหมายให้มีการกำหนดสัดส่วนการกู้และภาระหนี้ ถ้าเป็นหนี้สาธรณะ กำหนดเพดานที่ 60% ของจีดีพี ส่วนภาระหนี้ของรัฐในแต่ละปี ต้องไม่เกิน 35 % ของรายได้ในปีนั้นๆ ประกาศเมื่อ 7 มิถุนายน 2561 และ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 มีการแก้ไขตัวเลขเพดานการกู้เงินที่นับเป็นหนี้สาธรณะ จาก 60% เป็น70% ของจีดีพี สาเหตุจากการกู้เงินจนทะลุเพดานของรัฐบาล ถ้าไม่ปรับเพดานใหม่ จะเป็นการกู้ทะลุเพดาน ผิดกฎหมาย แก้แล้วจึงไม่ผิด หนี้สาธรณะของรัฐบาลเมื่อ กันยายน 2561 อยู่ที่ 41.70% และสูงขึ้นติดเพดานเมื่อ กันยายน 64 ที่ 58.15 % เพดานกำหนดไว้ที่ 60% ของจีดีพี รัฐไม่มีทางออก รายได้ไม่พอ ต้องกู้เพิ่ม แต่เมื่อกู้เพิ่ม ตัวเลขจะทะลุเพดาน การแก้ปัญหาของรัฐบาลคือ ขยับเพดานให้สูงขึ้นจาก 60% เป็น 70%


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top