(27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวประจำสัปดาห์ในหลายประเด็น เริ่มต้นที่กรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจของประชาชน พบว่าบุคคลที่คนกรุงเทพฯ สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นสิ่งสะท้อนว่าประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนายกฯ หรือเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนแปลงประเทศ และเชื่อว่าแนวโน้มนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นจนกว่าจะถึงวันเลือกตั้ง
ส่วนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 และกำหนดให้วันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า โดยประชาชนจำเป็นต้องลงทะเบียนระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 9 เมษายน 2566 เพื่อขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าทั้งในเขตและนอกเขต พรรคก้าวไกลมีความกังวลอย่างยิ่งว่า กกต. ไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงเพียงพอ ทำให้ประชาชนไม่ทราบเรื่องนี้ จนอาจกระทบต่อการใช้สิทธิ์ของคนนับล้าน ทั้งคนที่จะเลือกตั้งล่วงหน้า เลือกตั้งนอกเขต และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร อีกทั้งในการเปิดลงทะเบียนวันแรก ก็พบปัญหาเชิงเทคนิคมากมาย ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการลงทะเบียนได้โดยสะดวก พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้ กกต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงมากขึ้นและแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่าให้ซ้ำรอยสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อการเลือกตั้ง 2562 ที่บัตรเลือกตั้งจากต่างประเทศ ส่งมาถึงประเทศไทยแต่ไม่ได้รับการนับคะแนน รวมถึงในหลายประเทศที่มีข้อขัดข้องในการใช้สิทธิ์
นอกจากนั้น ในวันที่ 1-20 เมษายน 2566 จะเข้าสู่ช่วงเกณฑ์ทหาร ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ของชายไทย ที่ต้องถูกบังคับให้จับใบดำใบแดง ต้องห่างคนที่รักทั้งที่หลายคนเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องสูญเสียเวลาที่จะก้าวหน้าในการงานไปถึง 2 ปี พรรคก้าวไกลแม้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกฎเกณฑ์เก่าๆ ได้ในวันนี้ แต่ขอเรียกร้องให้กองทัพมีมาตรการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของทหารชั้นผู้น้อย ดังนี้
1. สร้างความปลอดภัย จากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ผ่านกลไกการร้องทุกข์และร้องเรียนผู้บังคับบัญชาที่มีกระบวนการที่เป็นธรรมและปลอดภัยต่อตัวผู้ร้อง รวมถึงมีการแก้ พ.ร.บ.วินัยทหาร ที่ให้อำนาจล้นเกินแก่ผู้บังคับบัญชาในการธำรงวินัย
2. สร้างความมั่นคง ผ่านรายได้ที่เหมาะสม สอดคล้องกับค่าครองชีพ โอนตรง-โอนครบ-ไม่มีหัก-ไม่มีทอน มีประกันชีวิตที่มีทุนให้กับครอบครัวในการประกอบอาชีพหากพิการหรือเสียชีวิต และมีทุนการศึกษาแก่ทายาทจนกว่าจะมีเงินได้กลับมาเลี้ยงครอบครัว รวมถึงการให้พลทหารมีสิทธิประกันสังคมสำหรับการรักษาพยาบาลเหมือนกับพนักงานราชการทั่วไป
3. สร้างอนาคต ผ่านการทลายระบบเส้นสาย การเลื่อนขั้น-โยกย้ายต้องเน้นผลงานมากกว่าอายุงาน และในกรณีพลทหารหรือชั้นประทวน ต้องเพิ่มโอกาสในการเรียนโรงเรียนนายร้อย-นายสิบ และโอกาสไต่เต้าสู่นายทหารชั้นสัญญาบัตร ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เราจะผลักดันนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารให้เป็นจริง