Tuesday, 14 May 2024
กระบวนการยุติธรรม

‘ศาลปกครองแห่งราชอาณาจักรไทย’ ร่วมพิธีเปิดรับพิจารณาคดีปกครองของคณะศาลปกครอง ในศาลประชาชนสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมด้วย รองประธานศาลปกครองสูงสุด ได้แก่ นายวรพจน์ วิศรุตพิชญ์ , นายสุเมธ รอยกุลเจริญ , นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ และนายสุชาติ มงคลเลิศลพ (ประธานอนุกรรมการบริหารศาลปกครองดำเนินการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสำนักงานศาลปกครองและศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว) ได้เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีแถลงข่าวการเปิดรับพิจารณาคดีปกครองของคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว อย่างเป็นทางการ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพ และเสียงจากนครหลวงเวียงจันทน์ มายังห้องสัมมนา 1 ชั้น 11 อาคารศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ

​โอกาสนี้ นายนพดล เฮงเจริญ อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด และอดีตประธานคณะกรรมการกำกับและดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการฯ นายสมชาย เอมโอช ประธานแผนกคดีบริหารราชการแผ่นดินในศาลปกครองสูงสุด , นายประสาท พงษ์สุวรรณ์ ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด , นายอนุชา ฮุนสวัสดิกุล รองอธิบดีศาลปกครองเชียงใหม่ และผู้บริหารสำนักงานศาลปกครอง เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวด้วย

​ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีแถลงข่าวแล้ว นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด ได้ให้สัมภาษณ์  ต่อสื่อมวลชน โดยได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว ที่ได้จัดตั้งคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว เป็นผลสำเร็จ

 

“เพื่อไทย” จี้ รัฐบาล เร่งกอบกู้ศรัทธาจากประชาชนในกระบวนการยุติธรรมกลับคืนแนะ “บิ๊กตู่ ” มีอำนาจล้นมือ อย่าดีแต่แต่งตั้งก.ก.ขอให้ชัดเจนในการปฏิรูปตำรวจอย่าให้ ปชช. เสื่อมศรัทธา

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว ระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ ว่า ตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียึดอำนาจมาจากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สิ่งแรกที่พลเอกประยุทธ์ประกาศคือการปฏิรูปตำรวจ โดยมีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ในมาตรา 258 โดยยืนยันว่าจะทำการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 7 ด้าน ทั้งด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย โดยระบุเรื่องการปฏิรูปตำรวจไว้เป็นหนึ่งในหัวข้อหลัก รวมทั้งการปฏิรูปด้านการศึกษา การปฏิรูปเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ 

แต่เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา การปฏิรูปด้านต่างๆไม่มีความคืบหน้า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการภายในการปฏิรูปจำนวนมาก ตั้งแต่มีการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจ ไม่ต่ำกว่า 5 คณะ ได้แก่ ชุดที่ 1 คณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในช่วงเดือน ต.ค. 2557  ชุดที่ 2 คณะกรรมาธิการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมในสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในปี 2558  ชุดที่ 3 คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) 

ในปี 2560 มีพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน ชุดที่ 4 คณะกรรมการแก้ไขร่างกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในเดือน มี.ค. 2561 มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน และชุดที่ 5.คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ในเดือน มี.ค. 2562  (นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน) 

แต่ผ่านมา 4 ปี  11 เดือน 20 วัน มีแต่ความล่าช้า ทำให้เกิดความคลางแคลงและข้อสงสัยว่านายกรัฐมนตรีและทำผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมีการระบุอย่างชัดเจนในมาตรา 260 ว่าการปฏิรูปตำรวจต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี แต่ถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงแผ่วลงไป ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์มีความมุ่งมั่นแน่วแน่  แต่กลายเป็นว่าภาพที่เห็นในปัจจุบันคือการไม่เร่งรัดให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว  

“ ปัจจุบันร่างพ.ร.บ.ตำรวจ พิจารณาได้เพียง 40 บาทตราจาก 140 มาตราและยังไม่ได้มีการพิจารณาต่อในสภาผู้แทนราษฎร ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชนที่มีต่อระบบและกระบวนการยุติธรรม หลายครั้งจะเห็นว่าประชาชนตั้งคำถามกับตำรวจว่าได้ทำหน้าที่สุดความสามารถแล้วหรือยัง ทำงานได้คุ้มค่ากับภาษีที่จ่ายไปหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเกิดคดีสำคัญหรือมีผู้เกี่ยวข้องที่มีชื่อเสียงตำรวจได้มีส่วน ในการตรวจสอบทั้งเรื่องของพยานหลักฐานพยานบุคคล ก็ยิ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย 

20 กุมภาพันธ์ ของทุกปี กำหนดเป็น ‘วันทนายความ’ หนึ่งในสถาบันด้านกระบวนการยุติธรรม

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ของทุกปี ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความทั่วประเทศถือเป็นวันทนายความ

วันนี้ในอดีต เมื่อปี 2500 เป็นวันที่ทนายความในขณะนั้นมีแนวความคิดริเริ่มที่ต้องการให้วิชาชีพทนายความ ควรจะมีสถาบันที่เป็นตัวแทนของวิชาชีพทนายความ และเป็นอิสระควบคุมดูแลกันเอง จึงได้ประชุมกันก่อตั้งสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยขึ้น โดยจดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2500

ต่อมาสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันใช้ความเพียรพยายามเรียกร้องและผลักดันร่างกฎหมาย พระราชบัญญัติทนายความเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จนกระทั่งเมื่อปี 2528 จึงประสบผลสำเร็จออกประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย ในพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2528 และมีผลบังคับใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้

‘ส.ว.อุปกิต’ โต้ไม่ได้มอบตัว เพียงชี้แจงข้อเท็จจริง ยันไม่มีการหลบหนี ขอสู้จนได้ความยุติธรรมคืน

‘ส.ว.อุปกิต’ โต้ไม่ได้มอบตัว เพียงแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันไม่หลบหนี 

(28 มี.ค.66) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวนกรณีถูกกล่าวหาดำเนินคดีและสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าว เป็นการชิงมอบตัว โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การไปมอบตัว เพราะในข้อเท็จจริงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า ทั้งนายรังสิมันต์ โรม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กล่าวหาตนและเข้าไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน รวมถึงพยายามสร้างกระแสเพื่อเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นสิทธิโดยชอบของตนที่จะเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของตนเองและวงศ์ตระกูล

'นายกฯ' ยัน!! แก้รธน. 'ไม่ปรับแก้ 112-ไม่แตะหมวดพระมหากษัตริย์' ลั่น!! นักโทษการเมืองให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

(15 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ผ่านเพจ THE STANDARD ตอนหนึ่งถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีมีการตั้งคณะทำงานเพื่อทำประชามติหรือไม่เป็นการซื้อเวลาหรือไม่ ว่า ไม่ใช่การซื้อเวลาแน่นอน เป็นการตั้งคณะทำงานเพื่อรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เราทำประชามติแน่นอน ผ่านกลไกรัฐสภา ที่เป็นตัวแทนประชาชนอยู่แล้ว โดยไทม์ไลน์จะเป็นอย่างไรนั้น สสร.ต้องฟังประชามติก่อน ตอนนี้เริ่มแล้ว

“ยืนยันทำตามไทม์ไลน์ไม่ใช่การซื้อเวลา เราต้องการให้คนเห็นต่างร่วมพูดคุยว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาอย่างไร โดยสิ่งที่ไม่แก้ คือ หมวดพระมหากษัตริย์ชัดเจน ส่วนเรื่องอื่นก็รอฟังประชามติ ส่วนเรื่อง 112 ยืนยันไม่มีการปรับแก้ ขณะที่นักโทษทางการเมืองก็เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม” นายเศรษฐา กล่าว

'บุ้ง ทะลุวัง' ร่ายยาว!! จดหมายจากเรือนจำ ถึง 'ทักษิณ-เพื่อไทย' ยาหอม!! ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมง่ายมาก แต่สุดท้ายตลบตะแลง

(18 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘ทะลุวัง’ ได้โพสต์ข้อความจากจดหมายของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง แกนนำกลุ่มทะลุวัง ที่ส่งจากเรือนจำ โดยระบุถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย มีใจความว่า

“ด้วยวิธีการที่คุณเลือกจะกลับบ้านคือการเอาเสียงของประชาชนไปแลก ทำให้คุณเป็นได้แค่นักการเมืองน้ำเลวคนหนึ่ง จดหมายฉบับนี้อยากพูดถึงคุณทักษิณและพรรคการเมืองที่แสนกลับกลอกของเขาสักหน่อย ถึงจะอดอาหารเอาชีวิตและร่างกายแลกเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมถูกปฏิรูปอยู่ แต่ตอนนี้บุ้งก็ได้ข่าวของคุณทักษิณอยู่บ้างจากการที่เพื่อน ๆ เล่าให้ฟัง

“ในสายตาบุ้ง คุณทักษิณเป็นคนที่น่ารังเกียจเหลือเกิน ไม่ว่าจะเคยมีคุณงามความดีอะไร ตอนนี้เกียรติยศและศักดิ์ศรีของคุณไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตปรสิต ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งก็น่าเสียดายเหลือเกิน คุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่พ่อสั่งทุกอย่างก็ได้นะคะ แต่อนิจจาลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเป็นยังไงลูกก็เป็นอย่างนั้น

“ครั้งหนึ่งตอนที่ทะลุวังประกาศว่าจะไปเยือนเพื่อไทย คุณทักษิณเคยพูดว่า “อย่าทะลุวังเลยมาทะลุทำเนียบเถอะ” และให้การต้อนรับบุ้งเป็นอย่างดี อีกทั้งยังให้บุ้งและเพื่อน ๆ นั่งคุยกับคนของเพื่อไทยเพื่อฟังคำขอของบุ้ง ถึงแม้จะมัดมือชกไล่สื่อออกจากห้อง ทั้ง ๆ ที่บุ้งต้องการให้เป็นการคุยแบบเปิดก็ตาม

“คนของพรรคเพื่อไทยรับปากกับบุ้งว่า การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนั้นง่ายมากและจะเป็นสิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยทำ บุ้งดีใจมากนะคะและเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะทำตามคำพูด เพราะคนที่ได้รับปากเป็นผู้ใหญ่แล้ว และคนเราจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีได้ก็เพราะรักษาคำพูดของตัวเอง แต่สุดท้ายแล้วโลกของผู้ใหญ่ก็ทำให้บุ้งผิดหวัง เมื่อพรรคเพื่อไทยตอ…ตลบตะแลง กลับกลอกปลิ้นปล้อน อย่างหน้าไม่อาย บุ้งและเพื่อน ๆ ผิดหวังเสียใจ และหมดสิ้นซึ่งศรัทธาในตัวพรรคการเมือง แต่ถึงกระนั้นความหวังที่จะทวงคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงและคนตากใบยังไม่หายไปหรอกค่ะ บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ จึงเอาชีวิตเข้าแลก เมื่อความหวังไม่มี เรา 3 คน จึงเลือกสร้างมันขึ้นมาเอง โดยกลั่นจากชีวิตเลือดเนื้อและอุดมการณ์ของพวกเรา

“ที่เล่าเพราะอยากให้คนข้างนอกเข้าใจ ว่าที่เราทำไม่ใช่เพราะพวกเราบุ่มบ่าม ก้าวร้าว ทำอะไรไม่คิด แต่เพราะนักการเมืองทำให้เราผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเราไม่เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แต่เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม

“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายหรอกค่ะ ทุกวินาทีที่ผ่านไปในตอนนี้เวลาของพวกเรานับถอยหลังลงทุกที แต่พวกเราแลกได้เพราะเลือกแล้วที่จะทำ

“ขอให้คนข้างนอกที่ไม่หยุดสู้ สู้ต่อไป สักวันชัยชนะต้องเป็นของประชาชน

“บุ้งยังคงยืนยันที่จะอดอาหารจนกว่าข้อเรียกร้องจะสำเร็จ อยากให้ทุกคนเข้าใจบุ้งด้วยนะคะ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top